WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, September 25, 2011

ยาสูบ! โคตรใหญ่ ป.ป.ช. ชี้มูลผิดจริง ‘ธีระชัย’ จะทำไงต่อ?

ที่มา thaifreenews

โดย bozo





เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล
มีนายกรณ์ จาติกวณิช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น
และมีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ที่ดูแลโรงงานยาสูบอยู่ในขณะนั้น

งามหน้าจริงๆ กับกรณีผลงานระดับโบว์ดำที่ทะยอยโผล่ขึ้นมา
แล้วทำให้ได้รู้ว่า ในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล
หรือเป็นผู้ว่าการกรุงเทพมหานครนั้น มีอะไรบ้างที่ประชาชนยังไม่รู้

อย่างกรณีรถดับเพลิง – เรือดับเพลิง ของ กทม.
ที่จนวันนี้ยังคงจอดตากแดดตากฝนให้สนิมกิน
โดยที่ยังไม่สามารถที่จะนำมาใช้งานได้ ก็เป็นผลงานอัปยศที่เกิดขึ้น
ในช่วงรอยต่อที่มีนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯกทม.
และเป็นคนแก้ไขเอกสารในแฟกซ์ที่ตอบโต้กับธนาคารกรุงไทย
เพื่อขอให้ดำเนินการเปิดแอล/ซี ให้ด้วยตัวเอง

ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญที่ทำให้
ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ตัดสินใจชี้มูลความผิดของนายอภิรักษ์ อยู่ในเวลานี้

ล่าสุดก็มามีกรณี กล้องวงจรปิด หรือ CCTV ฉาว
ที่เป็นเพียงกล้องหลอกลวงประชาชนให้เชื่อว่าหรือเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่า
มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

ซึ่งแม้ว่าผู้ว่า กทม.คนปัจจุบัน ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร
จะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานงานของ กทม.ในยุคนั้นกับการสั่งซื้อกล้องหลอก
ว่าเป็นเรื่องของความโง่ แต่ไม่ใช่เรื่องของการทุจริตก็ตาม
แต่สำหรับประชาชน โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯแล้ว
นี่คือการหลอกลวงที่สร้างความเสียหายทั้งในด้านของความรู้สึก
และในด้านของการเสียเงินงบประมาณไปเปล่าๆกับกลารซื้อกล้องหลอกลวง
ซึ่งเมื่อถึงเวลาก็ต้องซื้อกล้องจริงมาติดแทนที่
แต่กว่าที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์จะรู้ว่ามีการซื้อกล้องหลอกลวงติดไว้เกลื่อน กทม.
ก็เมื่อเหลือเทอมการทำงานอีกแค่ 14 เดือนแล้วเท่านั้นเอง ตลอดเวลา
ที่ เดินหน้าประกาศผลงานว่าจะติดตั้งกล้องให้ครบ 10,000 ตัว
แล้วมาขยายเป็น 20,000 ตัวนั้น
ไม่มีใครกระซิบบอกเลยสักนิดว่า
ของเก่าน่ะมีกล้องหลอกลวงอยู่เป็นพันตัวเลยทีเดียว
ต้องให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์มารู้จากประชาชน
เอาไปตั้งกระทู้ประจานถามนั่นแหละ เรื่องจึงแดงขึ้นมา
นี่หรือคือผลงานของพรรคประชาธิปัตย์ ที่คุยนักคุยหนามาโดยตลอด
ในส่วนของผลงานรัฐบาลเอง ช่วงที่บริหารประเทศ
ก็มีโครงการไทยเข้มแข็งออกมาสร้างผลงานทุจริตคอรัปชั่นฉาวกันไปทั่วประเทศมาแล้ว
แต่สุดท้ายก็เล่นงานเพียงแค่ระดับปลาซิวปลาสร้อย ส่วนตัวใหญ่หลุดกันหมด
แต่ก็น่าประหลาดใจตรงที่ว่า
ในขณะที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ข่าวทุจริตอื้อฉาวโฉ่ไปทั่วนั้น
ทำไมหน่วยงานอิสระอย่าง TDRI ถึงไม่ออกมาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยบ้านเมืองบ้าง
หลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล
จึงดูเหมือนจะเป็นความดำมืดที่ไม่ค่อยจะถูกขุดคุ้ย
หรือหลายๆเรื่องก็เป็นปริศนาคาใจ
หรือไม่เช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่ถูกดองถูกหมก เพื่อรอเวลาให้จางหายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง
อย่าง กรณีโครงการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่ง ใหม่ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สังกัดกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ก็เป็นอีกหนึ่งตำนานอัปยศ ที่ส่อแววเป็นมหากาพย์ที่จะถูกดองเรื่องการตรวจสอบไปเรื่อยๆ
แล้วก็ใช้วิธีการไขสือทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินหน้าผลักดันโครงการไปเรื่อย
ทั้งๆที่เรื่องนี้คณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต
และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ได้มีการพิจารณาโดยละเอียดแล้วว่า
เรือ่งการจัดซื้อที่ดินเพื่อการก่อสร้างโรงงานยาสูบ ณ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้นมีมูล

จึงได้ส่งเรื่องไปให้กับทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช.
รับไปดำเนินการ และยังส่งเรื่องให้กับสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน แล้วด้วยเช่นกัน
โดยทาง คณะกรรมาธิการ มีหนังสือออกมาตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2553 โน่นแล้ว
แต่ว่าโครงการก่อสร้างโรงงานยาสูบ
ซึ่งมีร่อยรอยไม่ปกติมาตั้งแต่แรกเริ่มดำเนินการแล้ว
กลับยังคงมีความพยายามที่จะเดินหน้าโครงการไปให้ได้
เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล
มีนายกรณ์ จาติกวณิช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น
และมีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่ดูแลโรงงานยาสูบอยู่ในขณะนั้น
ทางสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ ได้มีการต่อสู้เรื่องนี้มาโดยตลอด
แต่บรรดาผู้ใหญ่ในกระทรวงการคลังในยุคนั้นต่างทำเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญหรือใส่ใจเลย
ทั้งๆที่กว่าจะตัดสินใจเลือกที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ
ต้องมีการล้มการจัดซื้อที่ดินถึง 2 ครั้ง มีการแก้ไข TOR จนกระทั่งมาจบในครั้งที่ 3
แล้วหวยมาออกที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะในที่สุด

ทั้งๆที่ตามข้อมูลของ คณะกรรมาธิการฯที่ปรากฏ พบว่าการจัดซื้อครั้งแรกไม่มีใครผ่านเกณ์
เพราะผู้ที่เข้ายื่นซองมีปัญหาเรื่องมีถนนสาธารณะผ่านที่ดิน
จึงต้องมีการจัดซื้อครั้งที่ 2 ซึ่งก็ปรากฏว่ามีผู้ยื่นประกวดราคา 2 ราย คือ
บริษัท เหมราช อีสเทิร์น กับสวนอุตสาหกรรมโรจนะ
ซึ่งเมื่อเปิดซองด้านเทคนิค
สวนอุตสาหกรรมโรจนะ ไม่ตรง TOR ไม่มีใบจัดสรรที่ดิน และไม่มี EIA ท
ำให้ บริษัท เหมราชฯ ได้รับการพิจารณาเพื่อไปต่อรองราคา

แต่พิสดารเหลือเชื่อ เพราะสุดท้ายบริษัทที่ รยส. จ้างมาประเมินราคา
เพื่อทำการต่อรองราคา กลับไปแจ้ง รยส. ว่า ที่ดินที่เหมราชเสนอขายนั้น
มีสนามหญ้าเป็นแนวเล็กๆกั้นระหว่งถนนกับแปลงที่ดิน ซึ่งผิด TOR
แม้ทางเหมราช ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรม จะแจ้ง รยส. ว่า
สามารถย้ายสนามหญ้าออกไปที่อื่นได้ภายในแค่ 3 วันเท่านั้น
แต่บอร์ดโรงงานยาสูบก็มีมติให้ยกเลิกการประกวดราคา
และทำการจัดซื้อใหม่ครั้งที่ 3 จนกระทั่งมาได้เป็นสวนอุตสาหกรรมโรจนะ ในที่สุด
โดยบอร์ด รยส. มีมติอนุมัติให้ซื้อที่ดินสวนอุตสาหกรรมโรจนะเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2552
ตลกร้ายก็คือตอนที่เหมราชชนะประกวด มีการอ้าง TOR อย่างเข้มข้น
แม้แต่สนามหญ้าที่ย้ายทิ้งได้ใน 3 วันก็ยังไม่ยอมผ่อนปรน
แต่รายของ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ กลับมีการผ่อนปรน TOR หลายเรื่อง
เช่นเรื่องสร้างระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา ระบบระบายน้ำและถนนให้ถึงแปลงที่ดิน
ก็ผ่อนปรนให้ถึง 6 เดือน นับจากวันลงนามสัญญา และจะสร้างให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ภายใน 2 ปี

ระบบบำบัดน้ำเสียก็อยู่ใกล้กับที่ดิน
ซึ่งจะมีปัญหาเรื่องกลิ่นกับการผลิตบุหรี่อย่างร้ายแรงตาม TOR
ก็กลับมาการผ่อนปรนให้ย้ายที่บ่อน้ำเสียได้
ซึ่งเทียบกับเรื่องที่ไม่ยอมเรื่องย้ายสนามหญ้าแล้ว ถือว่าผิดปกติอย่างมาก
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องหมักหมมมาโดยตลอด
เพราะวันนี้ รยส. ยังพยายามเดินหน้าโครงการต่อไปให้ได้
แม้ว่าทางสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ จะทักท้วง
และยื่นหนังสือขอให้เลื่อนการดำเนินการอย่างไรก็ไม่ได้รับการทบทวน

นายวินนท์ แสงมาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ ตั้งข้อสังเกตุว่า
ทางคณะผู้บริหารโรงงานยาสูบจะเร่งรัดในการลงนามในสัญญา
เพื่อที่จะเร่งเปิดประมูลงานในส่วนของเครื่องจักรต่อไป
โดยไม่รอให้มีการชี้ขาดจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
หรือปปช.นั้น ถือเป็นการกระทำที่เสี่ยงต่อความเสียหาย
ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อโรงงานยาสูบอย่างมากมายมหาศาลในอนาคตข้างหน้า
ทางคณะผู้บริหารโรงงานยาสูบใช้ดุลยพินิจใด
ในการพิจารณาลงนามในสัญญาก่อสร้าง โรงงานยาสูบแห่งใหม่
ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ ก่อนคำตัดสินของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ซึ่งเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญในการไต่สวนและวินิจฉัย
ทำให้คำวินิจฉัยมีผลผูกพันกับองค์กรนั้น
อีกทั้งการที่ ปปช. ซึ่งได้มีมติว่า มีมูลแห่งความผิด โดยได้รับเรื่องไว้พิจารณานั้น
โดยผู้เสียหายกำลังรอคำวินิจฉัย เพื่อนำผลของคำวินิจฉัยมีผลผูกพันกับองค์กร
ซึ่งรวมถึงองค์กรศาล ไปฟ้องร้อง
ซึ่งอาจถึงขั้นเพิกถอนที่ดินเนื่องจากการขยายผลออกไปจากคำวินิจฉัย
ของคณะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

ทางสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ ขอถามทางคณะผู้บริหารโรงงานยาสูบ ว่า
หากคำวินิจฉัย ออกมาว่า มีความผิด ถ้าผิดและไม่ถูกต้อง ก็ต้องมีความเสียหาย
ถึงตรงจุดนั้น หากถูกขยายความเสียหายออกมา
ถ้าโรงงานยาสูบแห่งใหม่ ได้เริ่มก่อสร้างไปแล้ว
คณะผู้บริหารโรงงานยาสูบคนใดจะเป็นผู้รับผิดชอบ
ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ในฐานะรัฐมนตรีที่เข้ามาเป็นรัฐบาลชุดใหม่
ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คือ
ทั้งนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ที่ดูแลกรมสรรพสามิต ควรจะต้องเข้ามาสะสางเรื่องนี้โดยด่วนที่สุด
อย่าปล่อยให้เป็นมหากาพย์ที่พิสดารอีกต่อไป
เพราะเรื่องนี้ไม่ได้น้อยหน้า กล้อง CCTV ลวงโลกเลยทีเดียว


http://www.bangkok-today.com/node/10442