ที่มา thaifreenews
โดย bozo
โดย พระพยอม กัลยาโณ
มองคนที่เป็นนายกฯแล้วเกิดอุบัติเหตุให้ต้องออกจากตำแหน่ง
หลังจากได้รับตำแหน่งมาในระยะเวลาสั้นๆ เช่น
อดีตนายกฯสมัคร สุนทรเวช ต้องออกจากตำแหน่งเพราะตะหลิว กระทะพ้นพิษ
หรือแม้แต่อดีตนายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็เป็นนายกฯอายุสั้น
ต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะพรรคถูกยุบ
ส่วนรายอื่นๆก็พ้นตำแหน่งโดยไม่เป็นไปตามธรรมชาติทางการเมือง คือ
ออกเพราะถูกปฏิวัติซื่อก็มีหลายท่าน
การที่นายกฯต้องพ้นจากตำแหน่งในลักษณะที่ผิดแผกแปลกไป
ดูจะเป็นวงจรของการเมืองในประเทศไปเสียแล้ว
เพราะใครเข้ามาเป็นนายกฯก็ต้องลุ้นว่าจะมีอันเป็นไปเหมือนกับนายกฯคนอื่นๆหรือไม่
เพราะการเมืองบ้านเราตอนนี้เล่นกันทุกลูกเล่นเพื่อโค่นนายกฯ
เพราะทันทีที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง
คุณยิ่งลักษณ์ยังไม่ทันได้โปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
ก็ถูกฝ่ายตรงข้ามเตะสกัดขาเรื่อยมาหลายต่อหลายครั้ง
จนถึงวันนี้ฝ่ายตรงข้ามก็มีประเด็นใหม่งัดมาเล่นงานอีก คือ
เรื่องคืนภาษีบ้านหลังแรก
โดยบอกว่านโยบายนี้เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท เอสซี แอสเสท จำกัด (มหาชน)
ซึ่งเป็นบริษัทของตระกูลชินวัตร เคยมีนายกฯนั่งเป็นซีอีโอ
เรื่องนี้นายกฯก็ออกมาพูดเช่นกันว่าลาออกตามกฎหมายก่อนมาเล่นการเมืองแล้ว
แต่บ้านที่ขายส่วนใหญ่ไม่อยู่ในข่ายโครงการบ้านหลังแรก
เพราะราคามากกว่า 5 ล้านบาท แต่เมื่อทุกอย่างเป็นการเมืองก็สามารถนำมาขายได้
แม้แต่ราคาที่มีคนพูดกันว่า
คนที่มีกำลังซื้อบ้านระดับนี้ได้ต้องมีเงิน เดือนมากกว่า 30,000-40,000 บาท
จึงไม่ใช่คนจน ฉะนั้นโครงการนี้รัฐบาลจึงไม่ได้ช่วยคนจน
จริงๆแล้วการคืนภาษีบ้านหลังแรก สมัยนี้ใครๆก็รู้อยู่แล้วว่าบ้านราคาเท่าไร
คนที่จะซื้อได้ต้องมีกำลังซื้อ แต่เราก็ไปโยงเรื่องคนจนคนรวย
การที่ตระกูลนายกฯมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จนถูกมองจากฝ่ายตรงข้ามว่า
มีผลประโยชน์ทับซ้อนจากโครงการดังกล่าว อาจเป็นเหตุให้มีการนำเรื่องฟ้องต่อ ป.ป.ช.
และสมมุติว่าคดีนี้สามารถทำให้นายกฯคนปัจจุบันต้องมีอันเป็นไปอีกประเทศชาติจะเป็นอย่างไร
จะไม่กลายเป็นประเทศที่มีตำแหน่งนายกฯง่อนแง่นคลอนแคลนที่สุดในโลก
หรือ กระทบนิดหน่อยก็ไปแล้ว เราต้องมาเสียเลือกตั้งใหม่
แต่ที่ร้ายแรงที่สุดคือประเทศชาติต้องเสียเวลาก้าวเดินต่อไปด้วย
คงไม่ดีแน่ๆที่ตำแหน่งนายกฯของบ้านเมืองต้องเปราะบางอย่างนี้
แต่ตำแหน่งนี้จะไม่มีอะไรมาควบคุมตรวจสอบเลยก็ไม่ดี
เพราะวันนี้รัฐบาลยังตรวจสอบฝ่ายค้านเลย
โดยเฉพาะตอนที่ฝ่ายค้านเป็นรัฐบาล
ตอนนั้นมีโครงการใดส่อไปในทางทุจริตคอร์รัปชัน เช่น
การตรวจสอบเรื่องกล้องวงจรปิดของ กทม. ที่พบว่ามีการใช้กล่องเปล่าเป็นจำนวนมาก
การออกมาแฉกันไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนต้องดูเรื่องความก้าวหน้าของประเทศชาติเป็นหลัก
และดูว่าผลประโยชน์ตกกับใครบ้าง ประชาชนหรือนักการเมือง ไม่ใช่มีช่องไหนให้เล่นก็เอาทุกช่อง
ถ้าเป็นอย่างนี้ประเทศชาติคงติดแหง็กอยู่แค่นี้
การที่ฝ่ายค้านมีแผนจะยื่นฟ้องนายกฯ
มีผลประโยชน์ทับซ้อนในโครงการบ้านหลักแรกว่า
มีผลได้ผลเสียกับบริษัทในตระกูลของนายกฯ
แม้วันนี้ซีอีโอจะเป็นดามาพงศ์ ไม่ใช่ชินวัตรแล้วก็ตาม
และไม่สนใจว่าโครงการบ้านจัดสรรอื่น ไม่ว่าจะเป็นแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, พฤกษา แสนสิริ
หรือเป็นของนายทุนคนไหนที่ได้รับอานิสงส์ แต่ถ้ามีเอสซี แอสเสท ก็คือผลประโยชน์ทับซ้อน
กรณีอย่างนี้สงสัยคนเป็นนักการเมืองต้องหย่าให้ขาดจากญาติพี่น้อง
ที่มีธุรกิจอะไรก็ตามถึงจะเล่นการเมืองได้อย่างมั่นคง
มิฉะนั้นจะเป็นนักการเมืองที่ง่อนแง่น ถูกแซะออกจากตำแหน่งได้ง่ายๆ
เหมือนกับอดีตนายกฯสมัครที่โดนมาก่อนหน้านี้
จะกลายเป็นว่าประเทศชาติไม่ต้องไปไหนเลย
เพราะนายกฯกี่คนๆที่เข้ามาก็ต้องมาสู้กันเพราะคดีแบบนี้
กลายเป็นพายเรือวนมาวนไปอยู่ในอ่าง
แม้ว่าโพลที่สำรวจคะแนนนิยมในตัวนายกฯคนใหม่จะดีกว่าคนเก่า
ซึ่งดูเหมือนว่ามีคนชอบมากกว่าก็คงจะอยู่ไม่ได้ เพราะมีเรื่องแบบนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง
ไม่รู้ว่าถ้าประเทศไทยยังมีระบบระเบียบ
ที่ทำให้นายกฯอ่อนแอ ถูกแซะง่าย บ้านเมืองคงจะเกิดสุญญากาศขึ้นบ่อยๆ
เพราะเดี๋ยวว่างๆคงไม่ดีแน่ ฉะนั้นสิ่งดีที่สุดคือ
ทุกคนต้องช่วยกันทำให้ระบบการเมืองมีความเข้มแข็ง
ตำแหน่งนายกฯต้องตรวจสอบได้ ต้องไม่เปราะบางง่าย
แต่ไม่ใช่แข็งแกร่งจนใครแตะไม่ได้ กลายเป็นแบบซัดดัม เป็นแบบกัดดาฟี
แต่วันนี้เร็วไปจนกัดดาฟีน่าจะขำ
เพราะตำแหน่งนี้หลุดกันง่ายเสียเหลือเกิน แค่เคาะตะหลิวกับกระทะก็หลุดแล้ว
หากเป็นไปได้น่าจะแก้ไขหลักเกณฑ์ หลักการอะไรให้รอบคอบ ชัดเจนกว่านี้คงดี
และน่ามีนโยบายที่ออกจากผลประโยชน์อย่างสิ้นเชิงได้คงดีไม่น้อย
แต่บางอย่างต้องชัดเจนกว่านี้ ไม่เช่นนั้นประเทศจะลำบากและวุ่นวายกันต่อไปอีก
เจริญพร
http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=58559