ที่มา ประชาไท
Mon, 2012-09-10 21:00
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 กันยายน 2555 ที่ห้องปาหนัน โรงแรมปาร์ควิว อ.เมือง จ.ยะลา สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล จัดสานเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนปัญหาและทางออกระหว่างนักการเมืองชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 8 เพื่อเดินหน้าสู่สันติสุขที่มั่นคง มีนักการเมืองจากพรรคต่างๆ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วม 5 คน ได้แก่ นายเด่น โต๊ะมีนา นายนัจมูดดิน อูมา อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคมาตุภูมิ นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น
จากนั้นเวลา 13.00 น. นายเด่น พร้อมกับนายประเสริฐ เป็นตัวแทนแถลงข้อสรุปจากการสานเสวนา ซึ่งมี 3 ประเด็น ได้แก่ 1.เสนอให้ยกฐานะอำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เป็นจังหวัดนาทวี โดยรวมอำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอสะบ้าย้อย และอำเภอนาทวี ของจังหวัดสงขลา รวมเป็นจังหวัดนาทวี เนื่องจากปัจจุบันอำเภอนาทวี หน่วยงานราชการระดับจังหวัดรองรับอยู่แล้ว เช่น ศาลจังหวัดนาทวี สำนักงานอัยการจังหวัดนาทวี สำนักงานขนส่งจังหวัดนาทวี ราชทัณฑ์จังหวัดนาทวี เป็นต้น
2.เสนอให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงและสืบสวนเป็นเฉพาะรายสำหรับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หากตรวจสอบพบว่านำเงินไปใช้ที่ผิดกฎหมาย
“การที่ปปง. แถลงข่าวว่าโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามนำเงินไปใช้ในการก่อการร้ายนั้นจะทำ ให้เกิดบรรยากาศหวาดระแวงมากว่าที่ทำให้บรรยากาศที่ดี เพราะโรงเรียนเอกสอนศาสนาอิสลามในพื้นที่ส่วนใหญ่ได้รับเงินบริจาคจากทั้งใน และต่างประเทศมาใช้ในประโยชน์ในการศึกษา และเกรงว่าจะถูกเพ่งเล็งทั้งๆ ที่ดำเนินงานอย่างถูกต้อง” นายเด่น แถลง
ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง.เปิดแถลงข่าวในประเด็นดังกล่าว เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2555 ที่สำนักงาน ปปง. กรณี คณะกรรมการ ปปง.มีมติยึดทรัพย์นายอุเซ็ง ปุโรง เจ้าของโรงเรียนอิสลามบูรพา จังหวัดนราธิวาส กับพวก รวม 3 รายการ มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท และให้อัยการส่งฟ้องศาล พร้อมกับแถลงว่า กำลังจับตาโรงเรียนปอเนาะและโรงเรียนสอนศาสนา 2-3 แห่ง นำเงินมาใช้ผิดประเภท โดยสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง
3.ตามที่รัฐบาลตั้งงบประมาณ 1,200 ล้านบาท สำหรับซื้อและจำนองที่ดิน เพื่อแก้ปัญหาการกว้านซื้อที่ดินในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ที่ประชุมเห็นว่า การรับซื้อที่ดินควรมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เช่น พยายามไม่ให้คนอพยพย้ายถิ่นฐานออกจากพื้นที่ ให้ประชาชนได้รับราคาขายที่ดินที่เป็นธรรม เป็นต้น อีกทั้งรัฐบาลควรตั้งเกณฑ์ที่รัดกุมในการรับซื้อที่ดิน โดยไม่เลือกปฏิบัติทั้งด้านเชื้อชาติและศาสนา อนึ่ง รัฐบาลควรตั้งงบประมาณเพื่อการนี้ให้เพียงพอ