ที่มา thaifreenews บทความโดย...ลูกชาวนาไทย มีคำถามของพี่น้องเสื้อแดงหลายๆ คนว่า การต่อสู้ต่อไปจะทำอย่างไร เพราะถึงอย่างไรมาร์กก็คงไม่ลาออกแน่นอน แม้วันนี้จะไปราบ 11 แต่ก็คงไม่ได้คำตอบอะไร พรุ่งนี้จะเดินต่ออย่างไร กลับบ้าน หรือยังจะลุยต่อ ยุติสงคราม กลับไปเป็นไพร่ต่อไป หรือจะเปิดสงครามปลดแอก มาถึงวันนี้ ผมก็ไม่ได้คำตอบเหมือนกัน เพราะมันเหมือนเราเดินมาถึง "ทางสองแพร่ง" คือ 1.ยึดแนวทางสันติอหิงสาต่อไป 2. ไปในอีกเส้นทางหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้อง สันติอหิงสาแบบเคร่งครัด 3. กลับบ้าน กลับไปก้มหน้าเป็นไพร่ ผีซาบซึ้งต่อไป ผมพอจะจับสำเนียงสามเกลอได้ว่า จะยังไม่ยอมกลับบ้าน และจะสู้ต่อไป ส่วนจะสู้กันอย่างไรนั้นผมคิดว่าในกลุ่มนำ ก็กำลังหาแนวทางหรือถกเถียงกันอยู่ ส่วนมวลชนนั้นยังห่างไกลจากคำว่า ท้อแท้สิ้นหวัง เพียงแต่อาจให้ความเชื่อถือแนวทางสันติ อหิงสาลดน้อยลง และอารมณ์วันนี้คงยากที่จะยอมกลับไปเป็นไพร่ต่อไป การไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียวของอำมาตย์ เป็น "ความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์" ที่พวกเขาจะต้องเสียใจในภายหลัง วันนั้นพวกเขาไม่ควรดื้นร้น ภายใต้สังคมที่มีความซับซ้อน และกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่สังคมอุตสาหกรรม พวกเขาพยายาม "หยุดกงล้อแห่งการเปลี่ยนแปลง" ให้นิ่งอยู่กับที่ 1. แนวทางของสายพิราบ การต่อสู้บนถนนด้วยการเคลื่อนผู้คนจำนวนมากทั้งในเมือง และต่างจังหวัดหลายแสนคน รวมทั้งแนวร่วมจำนวนมากที่อยู่ในแนวหลัง ผ่านไปครึ่งเดือน ความคืบหน้าของแนวทางนี้ก็ยังไม่ได้เกิดขึ้นแต่อย่างใด ฝ่ายอำมาตย์ก็ยังยื้อต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่า อำมาตย์จะไม่สามารถใช้กำลังสลายม็อบที่มีจำนวนมาก และเป็น "ม็อบยานยนต์" นี้ได้ เพราะจำนวนคนและ "ยานยนต์" มีมากมายมหาศาลเกินกว่าที่กำลังทหารตำรวจ จะสามารถสลายได้ โดยไม่เกิดความรุนแรง แนทางต่อไปของสายพิราบ หากจะเดินในแนวนี้ ผมคิดว่า ก็ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ 2. แนวทางของสายเหยี่ยว ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเริ่มอย่างไร แต่สายเหยี่ยวจะมีน้ำหนักมากขึ้นในกลุ่มแกนนำ รวมทั้งในใจของ "คนเสื้อแดงด้วย" แนวทางของแดงสยาม อาจมีการปฎิบัติหรือได้รับการยอมรับกันมากขึ้น ผู้นำของแนวทางนี้ที่รออยู่ ก็มีอยู่แล้ว เช่น จักรภพ หรือคนอื่นๆ ผมไม่คิดว่าสงครามครั้งนี้จะจบ และเพิ่งเดินมาถึงทางสองแพร่งเท่านั้น สำหร้บผมแล้ว ผมมีทางออกที่ผมพอจะคิดได้สองทาง 1. หากจะเดินแนวทางใช้ม็อบกดดันต่อไป ก็ต้องทำให้ใหญ่โตและกว้างขวางกว่านี้ เช่น เอารถบรรทุก20,000 คัน เข้ามาอัดปิดถนนทุกเส้น ใน กทม.ทำให้กรุงเทพฯ เป็นอำพาต ไปในทันที ซึ่งหากทำได้ (ผมรู้ว่าเขามีทรัพยากร) ทั้งกรุงเทพฯ จะปิดตายทันที ทหารก็จะเคลื่อนกำลังไม่ได้ ไม่มีฝ่ายใดเคลื่อนกำลังได้ และไม่ต้องกล้วการปราบเพราะไม่มีใครเคลื่อนย้ายรถบรรทุก 20,000-30,000 คัน ออกไปได้ หากคนขับเขาไม่มาขับออกไปเอง การทำธุรกรรมต่างๆ การขนส่งอาหารเข้ามาสู่ กทม. ก็จะทำไม่ได้ หากไม่มีการเจรจายุติความขัดแย้ง คนกรุงเทพฯ ก็ต้องรับผลโดยตรง คนอาจคิดว่าทำแบบนี้คนกรุงเทพฯ จะต่อต้าน ผมคิดว่า ในสงคราม หากยังกลัวโน่นกลัวนี่ ก็ไม่ต้องรบ เมื่อถึงเวลาต้องทิ้งระเบิด ฮิโรชิมา เพื่อยุติสงคราม ก็ต้องทิ้ง หากมันยุติสงครามได้ ก็ต้องทำ 2. แนวทางสันติหากจะเดินต่อไปคือ การยกระดับเข้ากดดันทางเศรษฐกิจ เช่นการบอยคอต กลุ่มทุนอำมาตย์ หากเสื้อแดงยังคงจะเดินในแนวทางสันติอหิงสาต่อไป ผมคิดว่า ต้องยกระดับการต่อสู้ โดยไปต่อสู้ทางเศรษฐกิจ เช่น รณรงค์ให้พี่น้องเสื้อแดงทั้งหลาย “บอยคอต” ธุรกิจของกลุ่มทุนที่สนับสนุนอำมาตย์ เช่น ล้มธนาคารสักแห่งหนึ่ง หากมีการร่วมมือกันอย่างดี และทำจนเกินผล ผมเชื่อว่าจะเกิดความกลัวในกลุ่มทุนของอำมาตย และจะบีบให้มีการหาทางออกต่อไป ธนาคารที่จะล้ม ต้องไม่ใช่ธนาคารกรุงเทพฯ แต่ต้องเลือก ธนาคารที่เป็นComsumer Banking ที่มีธุรกรรมรายย่อยมากพอ และการบอยคอตของมหาชน จะส่งผลต่อธนาคารในทันที แม้ว่ารัฐจะเข้าช่วยเหลือ แต่ “กลุ่มทุน” ทั้งหลายก็จะตระหนักในพลังของคนเสื้อแดงว่า “มีมากแค่ไหน” หาก แกนนำชี้เป้าหมายไปที่กลุ่มทุนอำมาตย์ กลุ่มใด กลุ่มนั้นก็จะตายทันที แนวทางแต่ละอันต่างก็มีจุดอ่อนจุดแข็งในตัวเอง คนเสื้อแดงคงจต้องถกและเรียนรู้กันต่อไป แต่จะให้กลับไปเป็นไพร่ต่อไปนั้น คนยาก สงครามยังไม่จบ แต่จะรุนแรงขึ้น และเริ่มนับถอยหลังได้สำหรับสถาบันซาบซึ้งทั้งหลาย ภายใต้พายุแห่งการเปลี่ยนแปลง พวกท่านยินดีที่จะ ขวางทิศทางของทอนาโดให้ถึงที่สุด ผมเชื่อว่า ไทยใหม่ ไทยมหาชนรัฐกำลังปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า วันนี้ วันที่คนจะกลับไปใช้ชีวิตซาบซึ๊งเหมือนเดิมนั้น เป็นไปไม่ได้ พวกท่านเป็นไม้ตายซากในสังคมไทย ที่รอวันล่มลงไปในที่สุดเท่านั้น วันนี้ผมไม่ฟันธงว่ายุทวิธีใดจะได้ผล ผมกำลังอยู่ในระหว่างเรียนรู้ และประเมินผลเช่นเดียวกับคนเสื้อแดงทั้งหลาย ที่ก็คงกำลังช่วยสามเกลอคิดอยู่เหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่า วันนี้ นกพิราบกำลังอ่อนแรงแล้ว เหยี่ยวอาจโผผินบินออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ แกนนำสายพิราบ จะมีอิทธิพลต่อคนเสื้อแดงลดลง แม้จะไม่ทันที แต่พวกเขาก็จะยังหาคำตอบให้กับ มวลชนของตนไม่ได้