ที่มา vattavan วาทตะวัน สุพรรณเภษัช ผมเห็นแนวตั้งรับของทหาร ที่วางขวาก ลวดหีบเพลง การที่กองทัพไม่สนับสนุนรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ผมได้เขียนบทความลง นสพ.ประชาทรรศน์รายวัน และนำมาลงใน www.vattavan.com เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2551 ซึ่งท่านผู้อ่านลองพิจารณาความแตกต่างในการปฏิบัติของทหาร โดยผมเขียนเอาไว้อย่างนี้ ครับ ...อยากจะบอกว่า การที่ พล.อ.อนุพงษ์ฯ ผบ.ทบ.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ให้เป็นผู้ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉิน แล้วไม่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด จนต้องยกเลิกพระราชกำหนดนี้กันไปในที่สุด ทำให้ประชาชนจำนวนมาก ที่คิดว่า ทหารพอจะช่วยบ้านเมืองได้บ้าง นั่นไงครับ! ผมได้เขียนบทความ กระแทกเรื่องทุจริตของไอ้พรรคดักดานนี้ไปหลายครั้งหลายคราแล้ว รวมเป็นเล่มหนาๆขายได้เลยทีเดียว (ดูท้ายบท) แต่มันก็ยังด้านลอยหน้าลอยตาอยู่ได้ เรื่องทุจริตของรัฐบาล ที่นำโดยไอ้หัวหน้าพรรคดักดานแผ่ซ่านเต็มบ้านเต็มเมือง แต่แปลกที่ตัวเจ้าอภิแสบฯยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้ คล้ายกับว่า มันน่าแปลก เมื่อพี่น้องประชาชน เขาออกมาชุมนุมกันในกรุงเทพ นำเรื่องความไม่ชอบธรรมของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เข้ามาสู่การเมืองโดยไม่ชอบ เพราะได้ร่วมมือกับพันธมาร ในการโค่นล้มรัฐบาลของคุณสมัครและคุณสมชาย โดยมีสมาชิกพรรคดักดานเข้าไปเคลื่อนไหว เป็นแกนหลักเลยทีเดียว วันนี้ หากเห็นแก่ประเทศ ไม่อยากให้บ้านเมืองเดือดร้อน ทหารก็แค่ไปพูดกับหัวโจกรัฐบาลว่า ใช่แต่แค่นั้นนะ!! ... เรือเหาะตรวจการณ์นี้ มีประวัติพิลึกพิลั่น เพราะสื่อมวลชนลงข่าวว่า ทางบริษัทกันตนาเคยซื้อมาถ่ายทำภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ในราคา แค่ 30 ล้านบาท ส.ส.เขาถามในสภาว่าเป็นเรือเหาะลำเดียวกัน ที่นำขายต่อให้กองทัพหรือไม่ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่ยอมตอบ ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ เรื่องเรือเหาะนี้ กองทัพบกภายใต้การนำของนายพลหัวถอก ผลาญไป 300 ล้าน ซื้ออุปกรณ์โลซกมาใช้ในกองทัพ แถมอย่างใช้ไม่ได้ด้วย ผมขอเตือนนายทหาร ที่เป็นผู้บังคับบัญชากองทัพปัจจุบัน ให้ท่านระลึกเอาไว้เสมอว่า บุคคลที่ถูกศาลสั่งยึดทรัพย์รายแรกในประวัติศาสตร์ประเทไทย ในข้อหา ‘ร่ำรวยผิดปกติ’นั้น เป็นนายทหารบกยศ พล.อ. ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งห้าเสือ ทบ.มาก่อน และเป็นปลัดบัญชีกองทัพบกมาก่อนด้วย ผมตื่นตากับขบวน ‘ยาตรา-มหานคร’ ของคนเสื้อแดงเพราะผ่านโลกมาจนป่านนี้แล้ว ก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แต่ในการเคลื่อนพลนั้น ผมไปสะดุดเอาเสื้อของคนขี่จักรยานยนต์ในขบวน ตามภาพที่ท่านได้เห็นนี้ เพราะคำพูดหลังเสื้อของเขา ‘โดน’ จริตผมเป็นอย่างยิ่ง “เฮ้ย!...ไอ้พวกมึง!!... ‘แดก’ กันพอหรือยังวะ!!!” ................... ท้ายบท ผมได้เขียนไว้ในบทความ เป็นหลักเป็นฐาน ถึงความไม่ซื่อสัตย์ของคนในพรรคดักดานนี้ ซึ่งท่านผู้อ่านเปิดย้อนดูได้ เฉพาะชื่อคอลัมน์ ก็สำแดงฤทธิ์แดก ของพรรคเก่ากะลาได้เป็นอย่างดี เช่น ประชาธิปัตย์- “ดักดาน-แดกดุ!!!” คอยติดตาม อ่านกันให้สนุก นะคร้าบบบบบบบบบ!!
แท่งปูน ฯลฯ มีการเตรียมรถดับเพลิง รถขนผู้ต้องหา กำลังทหารและตำรวจ ซึ่งติดทั้งอาวุธประจำกายและอุปกรณ์ปราบจลาจลไว้ครบครัน
เห็นแล้ว...ให้สะท้อนใจนัก!
รัฐบาลของนายอภิแสบ ภักดีโพเดียม หรือนายมาร์ค
มุกควาย (ฉายาที่ ‘วาทตะวัน’ ตั้งให้) นับว่าโชคดี ที่มีผู้สนับสนุนสำคัญคือ ‘กองทัพ’ ซึ่งมอบทั้งกำลังพหลพลโยธาและอาวุธยุทโธปกรณ์ เอาไว้สู้รบเข่นฆ่ากับประชาชนคนในชาติเดียวกันเอง ดูไปแล้วช่างแตกต่างจากรัฐบาลของพรรคพลังประชาชน (ไทยรักไทย) อย่างเทียบกันไม่ได้เลย ทั้งๆที่พรรคดักดานเองก็ไม่ได้รับเสียงข้างมากจากชาวบ้านเสียด้วยซ้ำ
ก็หมดความไว้วางใจ ในกองทัพไปเลย!
ยิ่งพอตำรวจรักษาสภา อันเป็นเขตพระราชฐาน ไม่ให้ถูกยึดครอง มีการบาดเจ็บล้มตายกันทหารยังออกมาพูดตำหนิปฏิบัติการของตำรวจ ทั้งผู้บังคับบัญชาทหารยังได้ออกโทรทัศน์ พูดจาเชิงข่มขู่รัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเหนือตนโดยชอบด้วยกฎหมายเสียอีกด้วย...
ทหารเลยยิ่งตกต่ำในสายตาผู้คน โดนวิพากษ์วิจารณ์เสียๆหายๆขนาดหนัก หรือฝ่ายทหารจะลืมไปว่า
เมื่อเหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” นั้น ทหารเดินแถวตึงๆๆ เข้าถนนราชดำเนิน แบบไม่มีกลยุทธอะไรเลย...
...ผู้บังคับหน่วยสั่งบรรจุ แล้วยิงด้วยกระสุนจริงเปรี้ยงๆๆๆเข้าให้ ผู้ชุมนุมลงไปด่าวดิ้นสิ้นชีพไป...จริงหรือเปล่าล่ะ!?!
มาถึง พ.ศ.นี้...หนอยแน่...เสือกทำเป็นลืมเสียแล้ว ด่าคนโน้น ตำหนิคนนี้ ช่างไม่ดูตัวเองบ้างเลย!
...วันนี้ ต้องขอพูดตรงๆเพราะผมไม่รู้ว่า ขุนทหารจะนำเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา ถวายสัตย์ปฏิญาณในวันสำคัญที่ใกล้จะถึงนี้ ได้อย่างเต็มความภาคภูมิใจหรือไม่อย่างไรนั้น...ผมไม่ทราบ
ทั้งนี้ เพราะผู้เขียนนั้น อดคิดไม่ได้ว่า
ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรวจพลสวนสนามอยู่นั้น ถ้าหากพระองค์ทรงทอดพระเนตรไปไม่ไกลนัก ก็จะทรงเห็นสะพานมัฆวาน และมีทำเนียบรัฐบาล ซึ่งถูกยึดอยู่โดยกลุ่มกบฏ ทั้งๆที่มีหน่วยทหารสำคัญๆหลายหน่วย ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน รวมทั้งกองบัญชาการกองทัพบกด้วย
กองกำลังนอกกฎหมายได้เข้าควบคุมสถานที่ ซึ่งเป็นหัวใจของการบริหารราชการแผ่นดินไทย และปล้นสะดมทำลายเอาจนย่อยยับ แถมยังวางก้าม ‘สั่งห้าม’ ผู้คนผ่าน
แม้หน่วยทหารรักษาพระองค์ จะฝึกซ้อมสวนสนามในพระราชพิธีสำคัญ
ยังต้องซมซานไป ‘ขออนุญาต’ พวกมัน...
เป็นไปได้อย่างไรกัน...ประเทศนี้!?
ที่ทำร้ายจิตใจคนไทยมากที่สุด คือ
แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ และทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินของประเทศนี้
ยังไม่อาจทรงใช้ เส้นทางเสด็จพระราชดำเนินประจำได้!
ถึงตรงนี้ น้ำตากลบ เขียนต่อไม่ไหวแล้ว...อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิด!!!
ผมเขียนดุเดือดเลือดพล่านอย่างนั้น ก็ด้วยความขื่นขมเพราะมันเหลืออดเหลือทนจริงๆ และตัวคนเขียนเองเห็นว่า การกระทำของทหารอย่างที่ได้บรรยายมา
ช่างไร้เกียรติ และไร้ศักดิ์ศรีเหลือเกิน...จะสวนสนามถวายเจ้านายท่าน ก็ต้องไปขอกราบกรานขออนุญาตไอ้พวกอัปรีย์...
เวรแท้!
ต่อจากนั้นไม่กี่วัน ไอ้พวกพันธมารมันเห็นทหารและกองทัพเป็นแค่สากกะเบือตำน้ำพริกของพวกมัน เพราะนอกจากไม่มีความหมายอันใด
แถมยังออกอาการ ‘กลัว’ พวกมัน แบบตัวซี้ตัวสั่น เสียด้วยซ้ำ!
ดังนั้น เหล่าไอ้พวกตัวร้ายมันจึงเหิมเกริม บุกเข้ายึดสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ก่อความเสียหายให้กับประเทศไทยอย่างเหลือคณานับ!
ไอ้พวกพันธมารมันยึดอยู่หลายวัน พอมีข่าวว่ากองกำลังนานาชาติจาก UN หรือสหประชาชาติ จะจัด Task Force บุกเข้าช่วยตัวประกัน ซึ่งเป็นคนของชาติเขา ที่ได้รับความทุกข์ทรมานที่สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังพันธมารถึงตกอกตกใจ
ขี้หดตดแตก เพราะหนุนหลังไอ้พวกอัปรีย์
จนประเทศตกต่ำลง!
มีการขยับเขยื้อนกัน ในหมู่พวกคุมเกมก่อการร้ายกลางเมือง อย่างโกลาหล ด้วยเกรงความฉิบหายจะเข้ามาเยือนประเทศ และเลยเถิดไปถึงการเปิดโปง ‘เบื้องหลัง’ อันเลวทรามของพวกมัน!
ดังนั้น เราจึงได้เห็นศาลรัฐธรรมนูญตาลีตาเหลือก รีบออกมานั่งบัลลังก์ พร้อมกับมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคพลังประชาชนเสีย
เท่านั้นเอง ‘ไอ้ลอง...หัวเกี๋ยน’ หัวโจกไอ้พวกพันธมาร มันก็ส่งมอบสนามบินคืนให้ทางการ...โดยมีพิธีส่งมอบหรูหรา!
ตลอดเวลาแห่งความอัปยศของสยามปรเทศนั้น ทหารไทย ‘ใจดำ’ นักหนา ทอดทิ้งหน้าที่ ยังผลให้ประเทศต้องตกต่ำลงในทุกๆด้าน...รวมทั้งทหารเอง ก็ลงเหวไปด้วย!!
ด้านนายพลหัวถลอก อนุพงศ์ เผ่าจินดา ที่ไม่ได้กระดิกกระเดี้ย ออกมาเพื่อช่วยเหลือทางราชการเลยแม้แต่น้อย แถมยังมีพฤติกรรมข่มขู่รัฐบาล ผู้คนในบ้านในเมืองจึงวิพากษ์วิจารณ์กันมันปากว่า
’ยำหมา...แท้ๆ ทีเดียวเชียว!!!
ผมมาลองคิดดูว่า เมื่อประชาชนเขาออกมาชุมนุมกันมากมาย เคลื่อนไหวให้รัฐบาลยุบสภา ล้างไพ่เล่นกันใหม่ เพราะเขาเห็นว่ามีการเล่นการเมืองแบบไม่ยุติธรรม
ทัพเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ทำไมทหารถึงยังสนับสนุนรัฐบาลนายอภิแสบ ที่ผมยืนยันหนักแน่นตลอดมาว่า
มันเป็นรัฐบาลขี้โกง ทุจริตอย่างหาที่เปรียบได้ยาก ตั้งใจโกงตั้งแต่ยกแรกเลย!
เรื่องไหนชาวบ้านเขาร้องเรียน พอมันเห็นหลักฐานจะเข้าตัว มันก็ทำเจ้าเล่ห์ ตั้งคนในพรรคเดียวกัน สอบกันเอง อย่างเรื่องการทุจริตโครงการพอเพียง เป็นต้น
ท่านผู้อ่าน ลองใคร่ครวญดูซิครับ...
รองนายกรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล ที่น้องชายคุมโครงการ ‘แดกกันไม่พอเพียง’ ที่อยู่ในทำเนียบ ติดกับนายกฯแท้ๆ แต่เมื่อมีเหตุทุจริตเกิดขึ้น ไอ้ตัวน้องยื้อไม่ไหว ต้องยอมลาออกไป นายอภิแสบฯหัวหน้ารัฐบาล ก็ลดชั้นตัวพี่ชายสักหน่อย ลงมาเป็นเลขาธิการฯ
ดูมันทำ!
นี่ยังไม่พูดถึงการโกงในกระทรวงสาธารณสุข เลขาฯรัฐมนตรีและที่ปรึกษา โดนสื่อหวดหนักเรื่องเตรียมการใหญ่เพื่อเรียกเงิน
รีดทอง เขานำหลักฐานมาแฉกันโต้งๆ เลยต้องยกโขยงลาออกทั้งยวง เพราะทนเสียงด่าไม่ไหว ข้าราชการก็ไล่ส่ง แถมมีหลักฐานความไม่โปร่งใสเข้ามามากมายเหลือเกิน
ไอ้รัฐมนตรีที่ยังเสือกด้านอยู่ หลังลิ่วล้อล่องจุ๊นไปหมดแล้ว แต่ก็ได้แค่พักเดียว โดนแรงกดดันจากประชาชน ข้าราชการและสื่อตะบี้ตะบัน ด่าแบบไม่ลดละ ไม่เลิกรา หนักๆเข้า
‘ไอ้..รัฐมนตวย’ น้ำตาแตก...จำใจเปิดหมวกอำลาไปเลย!
คนสาธารณสุขพากันถอนหายใจ ยกมือท่วมหัวบอกว่ากระทรวงของพวกเขา...สูงขึ้น!!
เรื่องทุจริตในรัฐบาล เป็นของรัฐมนตรีคนใด ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคนนั้น ใครทุจริตก็ต้องลาออกไป จะให้นายกฯลาออกได้อย่างไร...
...ฮู้ยยยยยยยย์...มันไม่เกี่ยวกันนี่หว่า!
แน่ะ...มัน ‘ด้าน’ กันขนาดนี้เลยนะ!!
บ้านเมืองอื่น หากเกิดเรื่องทุจริตในรัฐบาลซ้ำๆซากๆแบบนี้ นายกฯเขาลาออกไปนานแล้ว!!!
การชุมนุมแต่ละวันของไอ้พวกพันธมาร ก็มีสมาชิกพรรคทั้งไอ้และอีหลายตน เดินทางเข้าไปให้กำลังใจและการสนับสนุน
พันธมารถึงในทำเนียบ
แถมไอ้คนที่เคลื่อนไหวสำคัญยึดสนามบิน อย่างไอ้เจ้า
นายกะแสบฯ มันได้การตอบแทนในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัวพันระหว่างประเทศเลยทีเดียว
“เฮ้ย!...อภิแสบ อย่าให้บ้านเมืองวุ่นวายต่อไปเลยวะ ยุบสภาเหอะ...อั๊ว ‘อุ้ม’ ลื้อต่อไม่ไหวแล้วจริงๆ”
แค่นี้ทหารพูดไม่ได้
แต่ทีรัฐบาลสมัคร-สมชาย ทหารไล่กระทืบเอ๊า...กระทืบเอา...แปลกจริงๆ!
ทำไมถึงทหาร ถึงพูดไม่ได้ล่ะ?
ตรงนี้เขาก็วิเคราะห์กันต่อไปอีก และเสียงก็พูดกันหนาหูว่า
ที่ทหารกับรัฐบาลทิ้งกันไม่ได้ เพราะต่างฝ่ายต่างมีเรื่องทุจริต พกกันไว้เต็มกระเป๋าทั้งคู่
การทุจริตของทหารนั้น อื้อฉาวเป็นอย่างยิ่งก็เรื่องไม้ชี้ขี้
GT 200 ซึ่งโดนพิสูจน์โดยฝ่ายวิทยาศาสตร์แล้วว่า
เป็นเรื่องไร้สาระ ใช้งบประมาณไปในทางไม่สุจริต รัฐเสียหายหลายร้อยล้านบาท
ไอ้บริษัทที่นำมาขายแบบแหกตานั้น ดันมีสมาชิกพรรคดักดานแกนนำรัฐบาลเป็นผู้บริหารเข้าไปอีก ชาวบ้านเขาเลยถากถางว่า ทั้งทหารและรัฐบาลนั้น
รุมแดกกันแบบ...ขนมผสมน้ำยาเลยทีเดียว!
เช้าวันเสาร์ ที่ 6 มีนาคม ที่ผ่านมา ผมได้ฟังรายการลับ ลวง พลาง ของคุณวาสนา นาบวม เล่าเรื่องกองทัพบก ซื้อบอลลูนตรวจการณ์มาใช้ในราคา 350 ล้าน บาท แต่ไม่มีเครื่องยนต์ เพราะเยอรมันไม่ยอมขายเครื่องยนต์ให้ เพราะรัฐบาลไทยในตอนนั้นมาจากการปฏิวัติรัฐประหาร ต้องไปซื้อเครื่องของอเมริกาใส่แทน
เรือเหาะลำนี้มีปัญหามากมาย ตั้งแต่เป็นเครื่องมือที่ไม่เหมาะกับภูมิประเทศ เพราะพื้นที่ปฏิบัติการเป็นป่าเขาทั้งนั้น อีกทั้งการเก็บรักษาก็ยาก ชำรุดง่าย ค่าใช้จ่ายในการเติมกาซ ซึ่งหากจะเติมกันเต็มที่เพื่อปฏิบัติการ ก็ต้องใช้เงินค่ากาซราว 2 ล้านบาท และหากลงจอดแล้ว จะนำขึ้นไปใช้ใหม่ ก็ต้องเติมอีกครั้งละ 2 แสนบาท
นับว่าเป็นภาระหนัก ทางด้านงบประมาณทีเดียว!
ยังไม่ทันที่เราจะรู้ประสิทธิภาพในการปฏิบัติของเจ้าเรือเหาะตัวนี้ ก็มีรายงานข่าวแจ้งว่า
ทางกองทัพมีคำสั่งให้ระงับใช้ชั่วคราว เหตุที่ระงับ ก็เพราะว่าเครื่องมีปัญหาอย่างยิ่ง ต้องซ่อมแซมกันยกใหญ่
ยังไม่ทันที่จะใช้เลย พังเสียแล้ว!
ที่ประจานการซื้อเรือเหาะลำนี้ซ้ำอีกก็คือ นายทหารผู้มีหน้าที่ตรวจรับ ก็ไม่ยอมเซ็นรับเสียอีก เขาว่า
เพราะแกกลัว...ต้องติดตะรางตอนแก่!
ต่อมามีการแถลงตอหลด อย่างน่ารังเกียจอีกว่า...
เรือเหาะนั้นความจริงแล้วไม่แพง แต่กล้องต่างหากที่แพง คือกล้องนั้นใช้ 3 ตัว ราคารวมกัน เกือบ 300 ล้าน
ดังนั้น เรือเหาะจึงต้องแพงเป็นพิเศษ เลยไม่รู้ว่าความจริงนั้นเป็นอย่างไรกันแน่ เพราะข่าวลือเสียๆหายๆมากมายจริงๆ เรียกว่าภาพลักษณ์ของผู้นำกองทัพ
ป่นปี้เลยทีเดียว!
มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า การที่ซื้อเรือเหาะตรวจการณ์รายนี้ เขาบอกว่า
เป็นของเหลือเดนจาก “กันตนา”...จริงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้แน่ แต่จะต้องค้นคว้าความจริงต่อไป!
จากนั้น ยังมีคนเขาบอกผมว่า
ให้ลองไปสืบดูซิว่า พี่สาวของฐาปกรณ์ ดิษยนันท์ ลูกเขยกันตนานั้น แต่งงานกับคนโตในกองทัพบกชื่ออะไร? แล้วจะโยงอะไรต่อมิอะไร ได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
ก็เห็นว่าจะต้องทำการสำรวจกัน...แล้วเอามาเปิดโปงให้ท่านผู้อ่านทราบอีกครั้ง!
ถามว่าใครเป็นคนอนุมัติงบ?
อ๋อ...ก็ไม่ใช่ใคร...นายเทพ แขนคอก นั่นเอง!!
ฉะนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรเลย ที่ความร่วมมือของกองทัพกับรัฐบาล ในการต่อต้านผู้ที่มีความเห็นตรงข้าม เข้มข้น เนื่องจากแต่ละฝ่ายมีแผลติดหลัง เลยจำเป็นต้องหันหลังชนกัน บังแผลกันและกัน หันหน้าชนกับชาวบ้านร่วมกัน เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของแต่ละฝ่ายไว้ เพราะหากเปลี่ยนพรรคเปลี่ยนขั้ว การรื้อฟื้นและการสอบสวนเรื่องทุจริต ก็จะเกิดขึ้นไม่ยาก
ดังนั้น การอยู่ต่อสู้เพื่อสู้ปกป้องผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย น่าจะดีกว่าแยะเลย
อืมม์...ฝนตก...ขี้หมูไหลแท้ๆ...ทีเดียวเชียวนะเนี่ยะ!!!
เขียนเตือนใจกันไว้แค่นี้...อย่าไปซ้ำรอยเข้าล่ะ!
ช่างเขียนกะทัดรัด แต่กินใจดีเหลือเกิน!
เหมือนคนเขียนเขามุ่งมั่นที่จะตะโกนจนสุดเสียง ให้ดังกึกก้องกระเทือนไปถึง ทั้ง ‘รัฐบาล-แดกดุ’ กับ ‘กองทัพ-แดกด่วน’ แทนพี่น้องคนไทยทั้งชาติของเราว่า
- “พรรคประชา (แดก) ปลาเน่า” ...เน่าทั้งข้อง-ทั้ง’ป๋อง!!!?
- DNA ในสันดานประชาธิปัตย์ ยังไม่เปลี่ยนแปลง!!!
- พวกมัน ?หิวโหย?...กันแค่ไหน!?
-ยุคประชาธิปัตย์...ฤา “ห่า”มันลงแดกเมือง!!!?
- “อภิสิทธิ์กับ ‘รัฐบาล-โลซก’ ยื่น ‘นรก’ ให้คนไทย!!!”
- ไอ้รัฐบาล...สุดโสโครก!
- ประชาธิปัตย์...“ผวกหมึ้งไม้หรู่จั้กอับ จั้กอายกันเล่ย!!!
- รัฐบาล... “จังไรไม่พอเพียง!”
- เศรษฐกิจ “เชิงทุจริต” ของประชาธิปัตย์!!!
- ถูกทั้งหวย ‘ชุมชนพอเพียง’- หวย ‘ไทยเข้มแข็ง’ แล้วนี่!!!
- ความประหยัดของในหลวง-ความสุรุ่ยสุร่ายของรัฐบาลโลซก!
พอประชาธิปัตย์บริหารมาครบ 12 เดือน ผมก็เขียนบทความขึ้นมารวบรวมพฤติโกงชื่อ
ครบ 1 ปี รัฐบาลโลซก...ต้องยก ‘หรีด’ มาให้!!!
เห็นเฉพาะแค่ชื่อคอลัมน์เท่านั้น ยังไม่ต้องลงไปอ่านรายละเอียด ผู้คนก็คงจะทราบได้ทันทีว่า
ผู้เขียนต้องพูดถึงเรื่องการทุจริต ไม่โปร่งใส ในการบริหารราชการงานแผ่นดินของพรรคดักดานเป็นแน่แท้
เป็น ‘กรรม’ ของประเทศไทยเราจริงๆ!
ผมจะรวมรวมคอลัมน์ที่บอกข้างต้น เป็นภาคต่อของ “นินทาประชาธิปัตย์” (ฝ่ายค้านดักดาน) แจกแจงสันดานของพรรคดักดานออกมาอีกเล่ม เพื่อขยายความรู้ของท่านผู้อ่าน
อาจให้ชื่อหนังสือว่า