ที่มา Thai E-Newsใบสั่งเผด็จการถึงทีวีไทย-ห้ามนำเสนอข่าวเสื้อแดงประกาศชัยชนะ ประกาศความสำเร็จ หรือประกาศได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน ห้ามระบุจำนวนประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมว่ามากเท่าไหร่ ให้ชี้แจงเหตุผลที่รัฐบาลออกพรบ.ความมั่นคง ให้ชี้แจงแนวทางการจัดการต่อผู้ชุมนุมของรัฐบาลว่ามี9ขั้นตอนจากเจรจาไปถึงขั้นสูงสุด หากมีปัญหาให้ตัดภาพหรือเสียงผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์โดยเด็ดขาด
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
29 มีนาคม 2553
องค์กรสื่อออกแถลงการณ์ “หยุดคุกคามสื่อมวลชนด้วยอาวุธสงคราม” แต่ไม่ค้านซักแอะโดนรัฐคุกคาม
สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์กรณีการคุกคามองค์กรสื่อมวลชนด้วยอาวุธสงคราม แต่ไม่มีซักแอะที่จะกล่าวถึงการถูกคุกคามแทรกแซงโดยรัฐ หลังจาก"ไทยอีนิวส์"นำหลักฐานออกมาแสดงก่อนหน้านี้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ในช่วงไม่ถึงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มีผู้ลอบวาง ปาและยิงระเบิดตามสถานที่ต่างๆทั้งที่เป็นหน่วยงานของรัฐ และพื้นที่สาธารณะกว่า 20 ครั้ง รวมทั้งเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 27 มีนาคม 2553 ในห้วงเวลาที่ห่างกันไม่ถึง 3 ชั่วโมง มีผู้ขว้างระเบิดใส่สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และยิงลูกระเบิดชนิด เอ็ม 79 ใส่อาคารของสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ถนนวิภาวดีรังสิต ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย
จากหลักฐานและพฤติกรรมที่เกิดขึ้นบ่งชี้ว่า ผู้กระทำการดังกล่าวไม่เพียงแต่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความสับสน วุ่นวายเท่านั้น แต่มุ่งหวังให้เกิดการบาดเจ็บ ล้มตายด้วย เพราะมีการเลือกเป้าหมายที่เป็นตัวบุคคล
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนอันประกอบไปด้วย สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ข้างต้นว่า อาจเป็นชนวนเหตุให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลายจนนำไปสู่ความรุนแรงถึงขั้นนองเลือดได้ จึงมีความเห็นร่วมกันดังต่อไปนี้
1.แม้สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 จะเป็นสื่อของรัฐ และอาจถูกมองจากฝ่ายตรงข้ามว่า เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาล เช่นเดียวกับสื่อของกลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองที่ถูกมองในลักษณะเดียวกัน แต่การใช้อาวุธสงครามโจมตีสถานีโทรทัศน์ทั้งสองแห่งเป็นการกระทำไม่อาจอาจยอมรับได้ เพราะการนำเสนอข้อมูลข่าวสารและความเห็นที่แตกต่างกัน ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา
การกระทำดังกล่าวของผู้ก่อการจึงมุ่งหวังที่สร้างความวุ่นวายและความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ดังนั้น จึงอาจจะขยายขอบเขตโจมตีไปยังองค์กรสื่อมวลชนทั่วไปซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ในการรายงานข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้านท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้
2. สื่อมวลชนไม่ว่าจะเป็นผู้ปฏิบัติงานภาคสนามหรือองค์กรสื่อไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร และพยายามทำหน้าที่ในการรายงานข่าวและความคิดเห็นอย่างรอบด้านที่สุด แต่ก็ไม่อาจทำให้ทุกฝ่าย ซึ่งมีความเห็นทางการเมืองแตกต่างกันพึงพอใจได้ทั้งหมด
การนำเสนอข่าวหรือการแสดงความคิดเห็นใดๆที่ประชาชนเห็นว่า ไม่ถูกต้องหรือละเมิดจริยธรรม ก็สามารถใช้กลไกทางกฎหมายหรือกลไกทางวิชาชีพได้แก่ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติและสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ตรวจสอบการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนนั้นๆได้
3. องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ขอประณามการกระทำอันเป็นการคุกคามสังคมและสื่อมวลชนด้วยอาวุธสงคราม และขอให้เพื่อนร่วมวิชาชีพหนักแน่นในการทำหน้าที่รายงานข่าวสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงนี้อย่างถูกต้อง รอบด้าน และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ตามกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับแรงกดดันใดๆ
4. ขอเรียกร้องต่อรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้เพิ่มมาตรการในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน พร้อมทั้งเร่งสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว
เปิดหลักฐานจะๆรัฐเผด็จการคุกคามแทรกแซงสื่อ แต่สมาคมสื่อทำเฉย
แหล่งข่าวในวงการโทรทัศน์เปิดเผยกับ"ไทยอีนิวส์"ว่า รัฐบาลและกองทัพได้เข้ามาแทรกแซงการทำงานของโทรทัศน์ทุกช่องอย่างเข้มงวด ทั้งการสั่งการ การขอความร่วมมือผ่านทางเอกสารราชการ และการติดต่ออย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งต้องถูกฝ่ายรัฐบาลกลั่นกรองอย่างละเอียด แม้แต่การนำเสนอภาพที่แท้จริงของผู้ชุมนุมนั้นก็เป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นในการชุมนุมใหญ่หลายครั้ง รวมทั้งในวันนี้(28มี.ค.)ที่เสื้อแดงจะเคลื่อนตัวไปชุมนุมที่ร.11 ก็ไม่ต้องคาดหวังว่าจะได้เห็นแถวชบวนอันเหยียดยาวของเสื้อแดง แม้ว่าโทรทัศน์บางช่องจะมีเลิคอปเตอร์ที่พร้อมจะถ่ายทอดสดภาพจากมุมสูงก็ตามที
ขนาดนำเสนอข่าวภายใต้การแทรกแซงอย่างเข้มงวดขนาดนี้ โทรทัศน์บางช่องก็ยังไม่วายพ้นจากการถูกคุกคาม เช่น มีรายงานว่า สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ถูกผู้มีอำนาจของรัฐบาลต่อว่า ข่าวช่อง 3 ให้เนื้อที่เรื่องเสื้อแดงมากเกินไป โดยเฉพาะรายการ"ข่าว3มิติ" ซึ่งมีนายกิตติ สิงหาปัด เป็นหัวหน้าทีมและผู้ดำเนินรายการ ถูกนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลอสมท. หน่วยงานผู้ให้สัมปทานช่อง 3 ช่อง 9 และTRUEVISION มีคำสั่งห้าม ก่อนหน้านั้นนายกิตติพยายามจะนำเฮลิคอปเตอร์ถ่ายภาพมุมสูงการชุมนุมก็ต้องยกเลิกไป
สำหรับช่อง 3 มี ฮ. เตรียมพร้อมอยู่บนหลังคาของตึก มาลีนนท์ ทาวเวอร์ 1 สามารถขึ้นบินได้ทุกเวลา อีกทั้งยังมีกล้อง High Solution อยู่บนเสาสูงของอาคาร 1 อีกหนึ่งตัว สามารถหมุนถ่ายภาพมุนสูงได้ 360 องศา ดูเหตุการณ์ในกรุงเทพฯได้ไกลหลายกิโลเมตร อุปกรณ์เหล่านี้ สามารถถ่ายทอดภาพได้อย่างดี แต่ไม่สามารถใช้ได้ เพราะเหตุผลการเมืองที่ต้องการปิดข่าวความสำเร็จของคนเสื้อแดงที่มีผู้เข้าร่วมชุมนุมจำนวนมาก
เปิดเอกสารอสมท.สั่งโทรทัศน์ให้ทำข่าวหนุนรัฐ-คุมรายการเล่าข่าว
สำหรับช่อง 3 ที่มีรายการเล่าข่าวที่คนติดตามชมมากอย่างเรื่องเล่าเช้านี้ หรือเรื่องเด่นเย็นนี้ กรรมการผู้อำนวยการ อสมท. ซึ่งเป็นหน่วยงานใต้การกำกับของรัฐบาลมีหนังสือสั่งไปยังนายประวิทย์ มาลีนนท์ เจ้าของช่อง 3 มีเนื้อหาว่า ให้ควบคุมรายการเล่าข่าว หรือวิเคราะห์ข่าวอย่างเข้มงวด หากจะทำให้เกิดปัญหาก็ให้ตัดภาพและเสียงโดยเด็ดขาด และขอให้ทำความเข้าใจกับประชาชนให้เข้าใจเหตุผลในการที่รัฐบาลได้ออกพรบ.ความมั่นคง และให้นำเสนอในแง่มุมต่างๆที่รัฐบาลได้ออกพรบ.นี้ และให้เสนอแนวคำวินิจฉัยของศาลที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมว่าทำอะไรบ้างที่ผิดกฎหมาย และให้ชี้แจงแนวทางการจัดการต่อผู้ชุมนุมของรัฐบาลว่ามี9ขั้นตอนจากเจรจาไปถึงขั้นสูงสุด(อ่านรายละเอียดคลิ้กภาพด้านบนเพื่อขยาย)
ในท้ายหนังสือฉบับนี้มีการแจ้งให้ส่งหนังสือถึงนายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา และนายกิตติ สิงหาปัด นักเล่าข่าวชื่อดังให้รับไปปฏิบัติด้วย
เปิดใบสั่งกองทัพให้ทีวีรายงานข่าวในทางที่เป็นผลลบต่อการชุมนุม
ขณะที่กรมกิจการพลเรือนทหารบก กองบัญชาการทหารบก ส่งใบสั่งไปยังสื่อต่างๆขอให้ออกข่าวโฆษณาชวนเชื่อทำสงครามข่าวเพื่อให้ร้ายป้ายสีผู้ชุมนุมเสื้อแดงไปในทางที่เป็นผลลบต่อประเทศ ชีวิตของคนกรุงเทพฯ เศรษฐกิจ การลงทุน ตลาดหุ้น และการท่องเที่ยว
พร้อมทั้งขอให้โทรทัศน์ออกข่าวเป็นตัววิ่ง โดยจะส่งให้ทุกวัน นี่เป็นเหตุการณ์สั่งโทรทัศน์ช่อง 9 ก่อนที่นปช.จะเริ่มการชุมนุมใหญ่เมื่อ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา
ข้อความที่1:นายสุเทพฯ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศไม่ประสงค์ให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ส่วนใหญ่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ
ข้อความที่2:นายกงกฤษ หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ความมั่นใจว่าแนวโน้มการท่องเที่ยวไทยมีทิศทางที่สดใส หากปัจจัยการเมืองไม่มีความวุ่นวาย อาจขยายตัวถึง12-15%
ข้อความที่ 3:นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทยกล่าวต้องติดตามสถานการณ์การเมืองช่วงนี้เป็นพิเศษ เพราะปัญหาการเมืองเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อตลาดหุ้นไทย หากการเมืองเกิดความรุนแรงอาจทำให้การขยายตัวของจีดีพีต่ำกว่า2%
ข้อความที่4:กตม.ยังคงตั้งจุดตรวจจุดสกัดในพื้นที่สำคัญโดยต่อเนื่อง และขออภัยในความไม่สะดวกในเส้นทางการจราจรบางพื้นที่ ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนพบบุคคลและวัตถุต้องสงสัย โทรสายด่วน191และ1555
เปิดใบสั่งกองทัพบกห้ามนำเสนอข่าวเทเลือดประท้วง
ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก ก็เป็นอีกหน่วยงานที่มีบทบาทในการออกใบสั่ง เช่น เหตุการณ์เสื้อแดงไปประท้วงเทเลือดที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ได้มีหนังสือสั่งการไปยังโทรทัศน์ช่องต่างๆ โดยกำชับว่าอาจลดเวลาการเผยแพร่ภาพข่าว หรือการกรองภาพข่าวเทเลือด โดยอ้างว่าเป็นภาพที่ทำให้เกิดความน่ากลัวสยดสยอง อาจส่งผลกระทบทางจิตใจของประชาชน
วันหนึ่งสั่งหลายรอบให้เป็นไปตามแนวทางรัฐ-ศอ.รส.
ศอ.รส.ซึ่งตั้งอยู่ที่ร.11ยังสั่งการไปยังโทรทัศน์ทุกช่องให้รายงานข่าวไปในทิศทางที่รัฐบาลต้องการ เช่น เมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา หลังจากคืนก่อนหน้านั้นท่านผู้หญิงวิระยา นำเสื้อแดงจุดเทียนชัยถวายพระพรในหลวงแล้ว ทางศอ.รส.ก็สั่งไปยังโทรทัศน์ช่องต่างๆว่าให้ขึ้นตัววิ่งดังนี้-การแสดงออกความจงรักภักดีที่แท้จริง สิ่งที่คสรกระทำคือ การนำพระบรมราโชวาทมาน้อมนำปฏิบัติ โดยเฉพาะเรื่องความรู้รักสามัคคี"
โดยบางวันก็สั่งการมาหลายเที่ยวให้ลงข้อความข่าวของรัฐบาล และดิสเครดิตทางผู้ชุมนุม เช่น เมื่อวันที่ 25 มีนาคมมาอีกชุด(คลิ้กที่ภาพเพื่อขยายใหญ่)
ผู้บริหารทีวีรับใบสั่งกำชับฝ่ายข่าวและผู้ประกาศข่าวห้ามนำเสนอชัยชนะ-ความสำเร็จเสื้อแดง
ทั้งนี้รัฐบาลได้กำชับมายังผู้บริหารโทรทัศน์ทุกช่องให้มีแนวนโยบายและแนวปฏิบัติที่จะนำเสนอข่าวในทางที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล และในทางที่เป็นโทษต่อฝ่ายเสื้อแดง โดยมีหนังสือเวียนมายังกองบรรณาธิการข่าว และผู้ประกาศผู้อ่านข่าวโทรทัศน์ โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
"แจ้งให้กองบรรณาธิการข่าว และผู้ประกาศข่าวทุกคนรับทราบและปฏิบัติ
ประเด็นข่าวสถานการณ์การชุมนุมเสื้อแดงที่ผู้บริหารสั่งกำชับ และขอความร่วมมือไม่ให้นำเสนอรายงานออกอากาศ ดังนี้-ห้ามนำเสนอข่าวเสื้อแดงประกาศชัยชนะ ประกาศความสำเร็จ หรือประกาศได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน
-ห้ามระบุจำนวนประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมว่ามากเท่าไหร่
-ห้ามนำเสนอข่าวความเห็นของประชาชนและคนในวงการต่างๆที่สนับสนุนเสื้อแดง
-ห้ามรายงานข่าวที่ยั่วยุสร้างแรงกระตุ้นให้ประชาชนออกไปร่วมชุมนุมใหมากขึ้น
-ห้ามใช้ภาพข่าวเทเลือด ละเลงเลือด เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย
-ห้ามนำเสนอข่าวประเด็นการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่ต่างชนชั้น ห้ามใช้คำว่า"สงครามระหว่างชนชั้น","ไพร่"กับ"อำมาตย์"โดยเด็ดขาด
สื่ออเมริกาวิพากษ์สื่อทีวีไทยอคติตัวการสร้างความแตกแยก
หนังสือพิมพ์ christian science monitor ซึ่งเป็น นสพ.ชั้นแนวหน้า และมีคนอ่านล้วนเป็นปัญญาชนระดับสูงเน้นข่าวต่างประเทศและข่าวสหรัฐฯ เคยได้รางวัลพูลิซเซอร์ถึง 7 ครั้ง มีความน่าเชื่อถือไม่น้อยกว่า washington post และ Newyork Times ได้รายงานข่าวเรื่อง ทีวีไทยที่มีอคติกำลังขยายการสร้างความแตกแยกให้กับประเทศไทย ( Biased TV stations intensify divides in Thailand protests )โดยระบุตอนหนึ่งว่า การประท้วงในประเทศไทยย่างเข้าสัปดาห์ที่สอง ทีวีไทยก็แพร่ข่าวไม่หยุดโดยเน้นภาพลบสารพัดของการประท้วง รวมทั้งดิสเครดิตผู้ประท้วงอย่างไร้จรรยาบรรณ
"ความแตกต่างของข่าวทำให้คนดูมืดมน บก.ทีวีที่ขออนุญาตไม่เอ่ยนามเพราะกลัวถูกเล่นงาน บอกเราว่า รัฐบาลกำลังเข้าไปแทรกแซงการเสนอข่าว ซึ่งในสมัยห้าปีของทักษิณก็ทำเช่นกัน แต่ตอนนี้ มันหนักกว่าเก่ามาก เขากล่าว"