WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, July 16, 2010

พูดได้ทำไม่ได้

ที่มา โลกวันนี้


บทบรรณาธิการ
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2842 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 16 กรกฏาคม 2010
โดย หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน


นพ.ประเวศ วะสี ประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศ (คสป.) เปิดเผยถึงการประชุม คสป. นัดแรกถึงแนวทางการดำเนินงาน ซึ่งมีหน้าที่หลักในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนในสังคมมีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศไทย โดยเปิดรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อเรียกร้องของทุกภาคส่วนในสังคมผ่านทางเครือข่ายและการสื่อสารทุกชนิดให้กลายเป็นพลังทางสังคม

ที่น่าสนใจคือ ข้อเรียกร้องเร่งด่วน 7 เรื่องของ คสป. ที่ประชาชนต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง เช่น เรื่องการปฏิรูปที่ดิน มาตรการทางภาษี การกระจายอำนาจสู่ชุมชน ระบบการศึกษา ระบบความยุติธรรม ระบบสวัสดิการก้าวหน้า และระบบราชการ ซึ่งทั้งหมดถือเป็นยาแรงที่จะเสนอต่อรัฐบาลภายในระยะเวลา 5-6 เดือน และบางเรื่องจะเสนอให้ออกเป็นกฎหมาย

นพ.ประเวศยอมรับว่า การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างแก้ไขได้ยาก ไม่ว่ารัฐบาลชุดนี้หรือรัฐบาลหน้า เพราะเหตุการณ์ที่เกิดการบาดเจ็บล้มตายไปกระตุ้นให้เกิดการปัญหาเชิงโครงสร้างต่างๆ การแก้ปัญหาจึงต้องปฏิรูปให้สังคมเข้ามาร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ร่วมกันเป็นเจ้าของ จึงจะทำให้การปฏิรูปประเทศสำเร็จ

ทั้งนี้ คสป. ไม่ได้เป็นผู้สังเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมา แต่จะส่งข้อมูลและข้อเสนอแนะให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ (คปร.) ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน นำมาสังเคราะห์เป็นนโยบายให้ภาคสังคมต่อไป ซึ่งที่ผ่านมามีแต่ข้อเรียกร้อง ไม่มีการสังเคราะห์เป็นนโยบาย จึงไม่สามารถนำไปปฏิรูปประเทศไทยได้

ปัญหาสำคัญจึงอยู่ที่ คสป. จะสามารดึงทุกภาคส่วนในสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาต่างๆได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสถานการณ์ความขัดแย้งและแตกแยกที่ผ่านมานั้น มีความรุนแรงและร้าวลึกในทุกภาคส่วนของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลเป็นผู้ขัดแย้งโดยตรง ซึ่งประชาชนจำนวนไม่น้อยเห็นว่าเป็นรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรม รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นโมฆบุรุษ ไม่มีความชอบธรรมที่จะสร้างความปรองดอง เพราะเป็นผู้สั่งการให้ทหารปราบปรามประชาชนจนเสียชีวิต 90 ศพ และบาดเจ็บเกือบ 2,000 ราย

นอกจากนายอภิสิทธิ์จะไม่แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองแล้ว ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมายังใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรม ด้วยการกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ก่อการร้ายและล้มล้างสถาบัน ซึ่งสวนทางกับการสร้างความปรองดองโดยสิ้นเชิง

ดังนั้น ในทางปฏิบัติไม่ว่า คสป. หรือ คปร. ก็ยากที่จะเดินหน้าปฏิรูปประเทศตามที่ประกาศไว้อย่างสวยหรูได้ ตราบใดที่รัฐบาลและผู้นำรัฐบาลไม่มีความชอบธรรมและไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน เพราะคนตายพูดไม่ได้ ขณะที่ประชาชนก็ถูกกฎหมายเผด็จการปิดปาก