ที่มา vattavan
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ช่อง History Channel ของ UBC
เขามีเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 หรือการโจมตี เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2544
ด้วยการใช้เครื่องบิน พุ่งชนอาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์อย่างจัง
เป็นเหตุให้ผู้คนหลายเชื้อชาติ หลายพันคนด้วยกัน ต้องสูญเสียชีวิตไป
ทั้งยังมีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
โลกตะลึง!
ตัวการสำคัญที่ก่อเหตุการณ์ คือ นายอุซามะห์ บิน ลาดิน หรือ โอซามา บิน ลาเดน
(Osama Bin Laden) ชายชาวซาอุดีอารเบีย ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าขององค์กร อัลกออิดะห์ (Al-Qaeda) เป็นผู้ต้องสงสัยว่า...
อยู่เบื้องหลัง วินาศกรรมครั้งนี้!!
ทาง History Channel ได้เสนอสารคดีชื่อ 10 Ways to Kill Bin Laden หรือ
‘สิบวิธีในการสังหารบิน ลาเดน’ ซึ่งดูแล้วก็เห็นได้ว่า
ชายผู้นี้ถูกสหรัฐอเมริกาไล่ล่ามาก่อน ตั้งแต่เขาถูกพบว่า
เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการวางระเบิดสถานทูตสหรัฐ ในประเทศแทนซาเนีย และ เคนยา เมื่อ 7
สิงหาคม 2541 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อย ประธานาธิบดีสหรัฐขณะนั้น คือ “บิล
คลินตัน” โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ สั่งล่าตัวเอามารับโทษให้ได้
ยุทธวิธีที่ฝ่ายอเมริกันนำมาใช้ มีด้วยหลากหลายรูปแบบ เช่น
การใช้กองกำลังของชนเผ่า ซึ่งเป็นพันธมิตรกับสหรัฐ ดักซุ่มแล้วล้อมยิง (Ambush)
ในทะเลทรายระหว่างบิน ลาเดน เดินทางด้วยรถ แต่ผู้ที่เป็นเป้าหมาย
ก็หลีกหนีไปได้อย่างหวุดหวิด
เมื่อการซุ่มโจมตีทางบกไม่สำเร็จ การโจมตีด้วยอาวุธพิสัยไกลจากจรวด ‘โทมาฮอค’
ซึ่งมีอานุภาพร้ายแรง และความแม่นยำสูง โดยยิงจากเรือรบสหรัฐ
มีเป้าหมายคือฐานที่มั่นของผู้ก่อการร้ายบันลือโลกผู้นี้ในอัฟกานิสถาน แต่ บิน ลาเดน
ก็หัวแข็งและดวงดี เล็ดรอดออกจากภัย ที่คุกคามชีวิตตนเองได้อย่างเหลือเชื่อ
แต่ฝ่ายอเมริกันก็ไม่เคยละความพยายาม และตั้งหน่วยขึ้นมา เพื่อตามล่า บิน ลาเดน
โดยเฉพาะ
เมื่อเป็นที่แน่ชัดว่า การโจมตีศูนย์กลางธุรกิจของโลก อย่างเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์
เป็นฝีมือของ บิน ลาเดน ด้วยแล้ว การล่าตัวเขาก็ทวีความเข้มข้นมากขึ้น
สหรัฐทุ่มเททรัพยากรจำนวนมหาศาลในการไล่ล่า แต่ก็ยังไม่สำเร็จมาจนถึงวันนี้
บุคคลอีกคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ก่อการร้ายระดับเดียวกับบิน ลาเดน
ในความคิดของรัฐบาล “นายมาร์ค ร้อยศพ” คือนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ที่ชื่อ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูก “ไอ้บัง กบฏ” กับพรรคพวก โค่นล้มลงจากตำแหน่ง
ด้วยการยึดอำนาจ เมื่อ 19 ก.ย.2549 ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ
ครั้นทักษิณฯเดินทางกลับประเทศได้ กลับต้องตกเป็นจำเลย
ถูกสอบสวนโดยกรรมการชุด “ไอ้บัง กบฏ” ตั้ง ซึ่งประกอบด้วยปรปักษ์ทักษิณล้วนๆ
ซึ่งไม่มีความชอบธรรม ทั้งๆที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาปัจจุบัน
ก็ยังบังคับใช้อยู่ จนเป็นเหตุให้เขาต้องคำพิพากษา ให้จำคุก 2 ปี ในข้อหาสับปะรังเค
คือเซ็นชื่ออนุญาตให้คุณหญิงผู้ภริยา ไปซื้อที่ดินจากการประมูลของรัฐได้ ทั้งๆที่ข้อหานี้
แท้ที่จริงแล้วต้องไปขึ้นศาลอาญาตามปกติเช่นเดียวกับคดีอาญาทั่วไป
ไม่ต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแน่งทางการเมือง
แต่คณะกรรมการสอบสวนชุดดังกล่าว ที่รู้จักกันในนาม ค.ต.ส.
ก็พ่วงข้อหาเจ้าพนักงานกระทำความผิด ซึ่งโทษหนักกว่า
และต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแน่งทางการเมือง เข้าไปด้วย
เพื่อให้ข้อหาดังกล่าวเป็นเสมือนหัวรถจักร ลากข้อหาเล็กๆ
คือเรื่องซื้อที่ดินของคุณหญิง ไปขึ้นศาลสูงสุดได้เลย...ดูมันทำ!
ผมอ่านแต้มนี้ออกตั้งแต่ต้น และได้เขียนว่ากล่าวไปหลายครั้ง
แต่ไอ้พวกที่เหลิงอำนาจมันไม่ฟัง และแทนที่อัยการแผ่นดินจะสั่งไม่ฟ้องข้อหาอื่น
โดยสั่งฟ้องเฉพาะความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช. เท่านั้น
และนำคดีความขึ้นสู่ศาลอาญาตามปกติไป แต่...
เขา (อัยการ)ก็ไม่ทำ
กลับสั่งฟ้องบทหนักพ่วงไปด้วย เพื่อลากคดีตามกฎหมาย ป.ป.ช.
ขึ้นสู่ศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปเลย
ในที่สุดศาลฎีกาฯ ก็ยกฟ้องความผิดหนักทุกข้อหา ที่ดินของกลางก็ไม่ยึด
แต่ให้ลงโทษนายกฯทักษิณตามกฎหมาย ป.ป.ช. ทั้งยังสั่งจำคุกทันที ไม่รอการลงโทษด้วย
ซึ่งแตกต่างจากคดีหวยสองตัวสามตัว ที่ตามหลังมาอีกไม่นาน
ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้จำคุกผู้กระทำผิดบางคน
ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิด แต่...
โทษจำคุก...ให้รอไว้ก่อน!
กระบวนการดำเนินคดี กับคุณทักษิณฯนั้น ผมย้ำหลายครั้งหลายหน
และเขียนเป็นบทความก็หลายชิ้น บอกว่ามันเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบธรรมมาตั้งแต่ต้น
เริ่มตั้งแต่ตั้งคนเป็นปรปักษ์กันมาสอบสวน
(ขอให้ดูตัวอย่างทนายพรรคประชาธิปัตย์ ซักค้าน
พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย พยานในคดียุบพรรคการเมือง เมื่อสัปดาห์ก่อน
ทนายก็มุ่งประเด็นซักพยานผู้นี้ ว่ามี ‘อคติ’ ต่อพรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งจะทำให้การสอบสวนไม่ชอบ เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด)
อีกทั้งเป็นการใช้กฎหมายกับคนๆเดียว
โดยที่กระบวนพิจารณาความอาญาตามกฎหมายปัจจุบัน ก็ยังใช้อยู่ ไม่ถูกยกเลิกไป
ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
ความไม่เป็นธรรมชัดๆ อย่างนี้แหละครับ ที่เกิดขึ้นในชาติ
ตั้งแต่เหตุการณ์กาลี 19 ก.ย.2549 ที่ทำให้บ้านเมืองของเราแตกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ
สถาบันต่างๆเช่น วงการตุลาการ รวมทั้งสถาบันอื่นๆก็สั่นคลอน
เพราะประชาชนคนไทยเริ่มสงสัยในความน่าเชื่อถือ อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเลย
จึงมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ในภาคพลเมือง
โดยเฉพาะมาตรฐานทางกฎหมาย ที่ผันแปรไปได้อย่างพิลึกกึกกือ อย่างเหลือเชื่อ!
บ้างก็ว่ากฎมายไม่มีแล้ว มีแต่ ‘กดหมา’ แต่ดันทะลึ่งมาใช้กดหัวกบาลคน
บ้างก็เสียดสีน่าเอ็นดูว่า มี ‘ม๋อยหงอกๆ ที่มองไม่เห็น’ อยู่เบื้องหลัง
แต่บางคนทนไม่ได้ เพราะโกรธจัด ถึงกับคำรามด้วยความคั่งแค้นว่า
นี่ไงโว้ยยยยยยยยยย... กฎหมาย 2 มาตรฐาน!!
ผู้ก่อการร้ายอย่าง บิล ลาเดน นั้น ควบคุมปฏิบัติการก่อการร้ายจากระยะไกล
โดยเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่หลักเพียงสองประเทศ คือ อัฟกานิสถาน และ ปากีสถาน
สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณฯ ซึ่งเป็นผู้ก่อการร้ายในสายตาของพรรคดักดาน
มีพื้นที่เคลื่อนไหวในหลายๆประเทศ คือ
สามารถเคลื่อนไหวไปได้ทั้งทวีปยุโรป อเมริกา เอเชีย อาฟริกา และเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก
ทั้งทักษิณและบิน ลาเดน ถูกกระชับพื้นที่ โดยปรปักษ์ของแต่ละคน เหมือนๆกัน!
การกระชับพื้นที่ของนายกฯทักษิณ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
เพราะนานาชาติเขาไม่ร่วมมือด้วยเลย
ฝ่ายรัฐบาลดักดานก็ต้องการทราบความเคลื่อนไหวของนายกฯทักษิณฯ
พวกนี้มันจึงอยากให้คุณทักษิณ โผล่ออกมาโชว์ตัวบ่อยๆ พอหายหน้าไปไม่กี่อาทิตย์
ไอ้พวกโลซกก็คร่ำครวญหวนโหย ตีโพยตีพายว่า
...หายไปไหนกันจ๊ะ...พ่อคุณ...พ่อทูนหัว!
ทั้งนี้ไม่ใช่อะไรหรอกครับ
แท้ที่จริงนั้นเป็นเพราะข่าวของนายกฯประเทศไทย คนที่ชื่อทักษิณฯเท่านั้น
ที่จะสามารถแย่งพื้นที่ ดับข่าวอื้อฉาวของรัฐบาลดักดานได้ นั่นคือ
เรื่องการทุจริตคิดมิชอบ ด้วยการกินล้างกินผลาญงบประมาณของประเทศ จนบานทะโรค
ทำให้ผู้เกี่ยวข้องร่ำรวยไปตามๆกัน พอถูกจับได้ก็ไม่ต้องรับโทษ
แค่ให้ออกจากตำแหน่งไปเท่านั้น ดังที่เคยเล่าให้ท่านผู้อ่านฟัง ไปหลายคอลัมน์
และหลายครั้งหลายหนแล้ว
ดังนั้น ไอ้ที่อยู่ก็โกงกันไป ฉ้อราษฎร์บังหลวงเพลิดเพลินเจริญใจกันไป
อย่างที่ชาวบ้านไม่เคยพบเห็นมาก่อน จนกระทั่งข้าราชการ
ทั้งที่ออกไปรับบำนาญแล้ว อย่างกระทรวงพานิชย์
ก็มีคุณวิจารณ์ นิวาตวงศ์ อดีตปลัดกระทรวงและอดีตรัฐมนตรี
ทั้งๆที่ท่านอายุ 80 ปีแล้ว ซึ่งเป็นที่นับถืออย่างสูงของข้าราชการกระทรวงนี้ ยังทนไม่ไหว
ถึงกับออกมาเคลื่อนไหวร่วมกับอดีตข้าราชการอีกหลายท่าน
ส่วนทางด้านกระทรวงมหาดไทย
คุณพงศ์โพยม วาศภูติ ถึงกับออกมาบริภาษแบบสาดเสียเทเสีย
และเพื่อนข้าราชการที่ยังอยู่ในราชการ ต่างก็ออกมาคัดค้าน
รัฐบาล ‘ไดแหวก’ กันอย่างอื้ออึงและต่อเนื่อง
ลงท้ายด้วยปรากฏการณ์ ทูลเกล้าฯถวายฎีกา
ถึงความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลโลซก ของ ‘นายก-มุกควาย’ นี่แหละ!
สำหรับ ‘นายกะแสบ’ รัฐมนตรีต่างประเทศนั้น ตั้งแต่รับหน้าที่มา
ก็มีความสามารถสูงยิ่ง ในการหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง กับชาติเพื่อนบ้านรอบประเทศ
ซึ่งในยุครัฐบาลโลซกนี้ ชาติต่างๆเหล่านั้น
แสดงความไม่เป็นมิตร กับสยามประเทศอย่างถ้วนทั่ว
ตัวรัฐมนตรีฯเองทำได้ ก็แค่แก้ตัวไปวันๆ
แต่ก็ไม่สนใจที่จะทำความสัมพันธ์ให้กลับดีขึ้น
เพราะภารกิจหลักของเขา ก็คือการตามไล่ล่าทักษิณ
ซึ่งประสพแต่ความล้มเหลวมาโดยตลอด
ทั้งนี้เพราะ...
การเป็นผู้นำประเทศของชาติเสรีประชาธิปไตย ที่ถูกโค่นล้มด้วยกำลังทหาร
เป็นสาเหตุหลักที่ชาติต่างๆเมินเฉย ไม่ยอมส่งตัวนายกฯทักษิณ กลับมาประเทศบ้านเกิด
ตามคำเรียกร้องของรัฐบาลแสนทุเรศของไทย แต่ที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง คือ
ข้อหาที่นายกฯตำรวจเก่าต้องหา จนเป็นเหตุให้มีคำพิพากษานั้น
(ความผิด ตามกฎหมาย ป.ป.ช.) ไม่มีในฐานความผิดของประเทศอื่น เลยไม่เข้าหลักสำคัญ
ในการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพราะความผิดที่จะส่งตัวให้กันนั้น ต้องเป็น Double Criminality
คือทั้งประเทศไทยเรา และประเทศที่จะส่งตัว จะต้องมีบัญญัติเป็นความผิดเหมือนกัน
แต่กฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 100 นั้น มีแต่ในบ้านเรา
ไม่มีในบ้านอื่นเขา จะหาเทียบเคียงกันก็ยาก จึงไม่เข้าเกณฑ์ส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ดังนั้นความพยายามของรัฐบาลโลซก...
เลย ‘แห้ว’ รับประทาน มาจนถึงบัดนี้!
ใช่แต่แค่นั้นนะครับ...
นอกจากการกระชับพื้นที่ทักษิณฯ จะไม่ได้ผลแล้ว ปรากฏว่า
พื้นที่เคลื่อนไหวของนายกฯลูกเชียงใหม่แต๊ๆ กลับขยายขยับปรับเพิ่มมากขึ้น
แถมมีหลายประเทศต่างๆที่เห็นใจ
ได้อนุเคราะห์ให้ถือสัญชาติ และมีสิทธิใช้พาสปอร์ตของชาติเขาได้
ดังนั้น การเดินทางของคุณทักษิณฯ จึงเป็นไปอย่างไม่ติดขัด
แม้แต่ในยุโรป นายกฯทักษิณก็มีเชงเกน วีซ่า (Schengen Visa)
ที่สามารถเข้านอกออกประเทศในสหภาพยุโรป ได้อย่างสะดวกโยธินบูรณะเลยทีเดียวเชียว
ประชาชนคนไทยทั้งหลาย จึงมีโอกาสได้เห็นภาพและข่าวนายกทักษิณฯ
ไปชอบปิ้งฝรั่งเศสบ้าง โผล่ไปทำธุรกิจที่รัสเซียบ้าง
วันดีคืนดีก็บินไปจับมือกับคุณปู่ เนลสัน แมนเดลา ให้คนตื่นเต้นเล่นๆ อย่างนี้เป็นต้น
การเดินทางของคุณทักษิณฯ ก็แสนสะดวกสบายเพราะไม่ต้องไปเข้าคิว
เพื่อรอซื้อตั๋วเครื่องบินให้มันยุ่งยาก
เพราะเพิ่งซื้อเครื่องบินส่วนตัวลำใหม่หมาดๆ ป้ายยังแดงแจ๋แหว
เล่นเอาไอ้พวกโลซกกรี๊ดลั่น ออกอาการอิจฉาขอบตาร้อนผ่าว หัวใจแทบสลายไปตามๆกัน...
นี่ถ้าเกิดมีภาพนายกฯทักษิณ ไปเล่นบาสเก็ตบอลกับคุณโอบามา
(เพราะผู้นำทั้งสองชาติ ชอบเล่นบาสฯเหมือนกัน) คงจะมีคนอกแตกตายเป็นแน่แท้... 555
ยิ่งไปกว่านั้น ชาติในกลุ่มอาเซียนที่ร่ำรวย อย่าง บรูไน-ดารุสซาลาม
ก็ต้อนรับนายกรัฐมนตรีประเทศไทย คนที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร อย่างเปิดเผย
โดยไม่สนใจใยดีกับคำขอปนคำขู่ ของรัฐบาลนายมาร์ค มุกควาย
เพราะเขาคงเห็นว่าเป็นเรื่อง...ไร้สาระ!
หน้าแหกเป็นริ้วๆ...กันไปเลย!!
เมื่อเทียบฟอร์มระหว่างนายกฯทักษิณ กับมิสเตอร์ บิน ลาเดนแล้ว คงจะพอพูดได้ว่า
การที่ถูกกล่าวหาจากรัฐบาลโลซก ว่าเป็น “ผู้ก่อการร้าย” ของทักษิณนั้น
นับว่ายังสะดวกสบายดีหลวงพระบาง มากกว่า
คุณบิน ลาเดน ซึ่งคนหลังนี่ยังต้องหลบๆซ่อนๆ โผล่ออกมาจากรู
หรือถ้ำที่หลบภัยไม่ได้เลย เพราะฝ่ายอเมริกัน ตามล่าตัวอย่างเอาเป็นเอาตาย
สำหรับนายกะแสบฯ รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย
ผู้คิดว่าตนมีภารกิจหลักในการไล่ล่าทักษิณ ทำให้สติปัญญาในการคิดแก้ไขปัญหาเรื่องอื่น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุคคลอย่าง วิคเตอร์ บูท หรือเรื่องแก้ไขความสัมพันธ์ กับชาติเพื่อนบ้าน
ที่ทรุดหนักลงไปเรื่อยๆ จนผู้คนที่สโมสรสราญรมย์ เขาพูดกันหึ่งว่า
ช่างเป็นยุคอัปยศ ของกระทรวงบัวแก้วจริงๆ!
ที่น่าตกใจเพิ่มเข้าไปอีก ก็คือ...
การที่รัฐมนตรีต่างประเทศ ไม่เอาใจใส่ และขาดความมุ่งมั่น
ในการแก้ไขปัญหาเรื้อรัง ซึ่งถูกเรียกร้องจากสถานทูตซาอุดิอาระเบีย
ที่เขาเฝ้ารอคอยความเป็นธรรมมายาวนาน
แต่รัฐบาลของ “นายมาร์ค ร้อยศพ” กลับเอาแต่เล่นการเมือง จนละเลย
ไม่แก้ไขปัญหาให้เขาอย่างจริงจังและจริงใจ ทั้งๆที่ปัญหานั้น แก้ง่ายดายเฉกเช่นเดียวกับการ...
กลับกางเกงในที่ใส่ผิดด้าน แล้วสวมใหม่เท่านั้น!
ง่ายขนาดนั้นจริงๆ!!
ผลพวงแห่งการไม่ใส่ใจ และโง่เขลาไม่ว่องไวต่อการแก้ปัญหาครั้งนี้
จึงเกิดกระแสข่าวแพลมออกมา ว่า
ซาอุดิอาระเบียอาจปิดสถานทูตของตนในประเทศไทย แค่นั้นยังไม่พอ
ผู้นำโลกมุสลิม จะนำที่เป็นชาติสมาชิกทั้งหมด ขององค์การประชุมอิสลาม (โอ.ไอ.ซี.)
ดำเนินการบอยคอตรัฐบาลไทย ซึ่งชาติเหล่านี้นอกจากจะแสดงการต่อต้าน
รัฐบาลโลซกชุดนี้อย่างจริงจังแล้ว พวกเขาที่เคยวางเฉย ต่อการ
ปฏิวัติรัฐประหารในประเทศไทย
จะหันกลับมาหนุนหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย
หากกระแสข่าวดังกล่าว ดันเป็นความจริงขึ้นมา
รับรองว่า...ทั้งนายกะแสบ และนายอภิแสบ หรือ
ผมขอให้ฉายาเรียกรวมกันให้เหมาะเจาะ ลงตัวไปเลยว่า
“ไอ้สองแสบ-คู่หูดูโอ”
ต้องได้กุมขมับ...ไปตามๆกัน!!
ก็อยากสมน้ำหน้า ทั้งไอ้คู่หูคู่หอก และรัฐบาลสุดโลซกของพวกมันจริงๆ
แต่ครั้นพอผมมาคิดถึงผลพวงความเสียหายของชาติรา
ที่จะต้องเกิดขึ้นติดตามมา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นก็คือ
ปฏิกิริยาและความขัดเคือง ของชาวไทยมุสลิม
จำนวนหลายล้านคนในสยามประเทศนี้!
ก็ให้ใจหาย...
หากขืนประเทศเรา ยังคงมีไอ้รัฐบาลไวตะเลนนี้ บริหารบ้านเมืองเราต่อไป
พี่น้องประชาชนคนไทยที่เป็น “มุสลิมมะ” หรือศาสนิกของอิสลาม อาจถูกห้าม
หรือจำกัดจำนวนการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย...
ความโกลาหลอลหม่าน จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน!
อยากจะบอกว่า
การที่รัฐบาลโลซก มันมัวเอาแต่ไล่ล่าคนๆเดียวอย่างทักษิณ
นอกจากก่อปัญหามากมายแล้ว ยังนำพาประเทศของเรา
ตกอยู่ในความยุ่งยาก อย่างไม่เคยมีมาก่อนด้วย!
ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ
คราใดที่พรรคดักดาน อย่าง ‘ประชาธิเปรต’ บริหารประเทศ
ครานั้นเหตุการณ์ร้ายแรง อันไม่เป็นมงคล มักปรากฏต่อสายตาพี่น้องประชาชนมิได้ขาด
บางครั้งทหารทนไม่ไหว ก็ต้องออกมาทำรัฐประหาร ไล่รัฐบาลของพวกมันออกไปด้วย!
ขนาด ‘นายหัวชวน’ ยังต้องหนี...หัวซุกหัวซุนเลย!!
มาระยะนี้ นับแต่เมื่อมีการประกาศรายชื่อนายทหารแม่ทัพนายกอง
ที่จะขึ้นคุมกำลังใหม่แผงใหม่ ในเดือนหน้านี้ กระแสการปฏิวัติรัฐประหารที่เคยแผ่วลง
กลับดัง...กระหึ่มขึ้นมาอีก!
ทั้งนี้ เป็นเพราะไอ้รัฐบาลโลซกนั้น
มันได้ก่อเงื่อนไขแห่งการยึดอำนาจ เอาไว้อย่างล้นเหลือ
ส่งภาพความอัปลักษณ์และกลิ่นเหม็นกระจายฟุ้งถึงสาธารณชน จนผู้คนที่เป็นคอการเมือง
ต่างพากันมั่นใจ ว่า...
...คงโดนอีกแน่ๆ!!?
................
(***บทความประจำสัปดาห์ ตอน กระชับพื้นที่... ‘ทักษิณ’ และ ‘บิน ลาเดน’!!?
ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 18 ก.ย.2553)