ที่มา ประชาไท
แถลงการณ์ กลุ่มอิสระเถียงนาประชาคม “เพื่อนเราถูกจับ จากการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” จี้รัฐบาลปล่อยตัวผู้ถูกจับกุม ในช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หยุดตามล่าและคุกคามสิทธิ เสรีภาพของประชาชนที่เห็นต่างทางการเมือง ส่วนสหพันธ์นิสิตนักศึกษาภาคอีสานออกแถลงการณ์ร้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในภาคอีสาน
แถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้
แถลงการณ์กลุ่มอิสระเถียงนาประชาคม
“เพื่อนเราถูกจับ จากการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน”
เนื่อง จากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อเรียกร้อง ประชาธิปไตย ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัดรวมถึงจังหวัดมาหาสารคามในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ได้ถูกรัฐบาลใช้กำลังทหารในการสลายการชุมนุม และเป็นเหตุให้นำไปสู่การจับกุมเพื่อดำเนินคดีกับนิสิต-นัก ศึกษาและประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมในช่วงนั้น ถูกจับในข้อหากระทำผิดพระราชกำหนดการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ทำให้เกิดการติดตามจับกุมผู้ที่เจ้าหน้าที่คิดว่าเกี่ยวข้องกับการชุมนุม ครั้งนั้น โดยอาศัยภาพถ่ายเป็นหลักฐานในการจับกุม โดยที่จังหวัดมหาสารคามมีนิสิต – นักศึกษา และประชาชน ถูกจับกุมทั้งหมด 12 คน (ปัจจุบันเหลือ 10 คนที่มีทั้งชาวบ้านและนักศึกษา) ซึ่งพวกเขาทั้งหมดต้องการอิสรภาพ ต้องการประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัว ต้องการเรียนหนังสือ และออกมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
กลุ่ม อิสระเถียงนาประชาคมในเครือของสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ร่วมกับชมรมรัฐศาสตร์สัมพันธ์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้อง นิสิต – นักศึกษา และประชาชนที่ถูกจับกุมในเหตุการณ์นี้ และขอประณามการกระทำของรัฐบาลที่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำลายประชาชนผู้ที่มีความคิด เห็นทางการเมืองที่ต่างจากรัฐบาล ทั้งที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ซึ่งประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง กลุ่มนิสิต – นักศึกษาในเครือสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยจึงเสนอข้อเรียกร้องต่อ รัฐบาล ดังนี้
1. ให้รัฐบาลปล่อยตัวนิสิต – นักศึกษา และประชาชนที่ถูกจับกุม ในช่วงที่รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เนื่องจากบุคคลเหล่านี้ ต้องการเรียนหนังสือ ต้องการประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัว
2. ให้รัฐบาลหยุดตามล่าและคุกคามสิทธิ เสรีภาพของประชาชนที่มีความคิดเห็นทางการเมืองต่างจากรัฐบาล ไม่ว่าจะกระทำในรูปแบบใด
การเคลื่อนไหวของนิสิต – นักศึกษาในครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เราจะต่อสู้อยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนจนกว่าจะได้รับสิทธิเสรีภาพอย่างแท้ จริง และขอเชิญชวนพ่อ แม่ พี่ น้อง ทุกท่านร่วมแสดงออกในการต่อสู้กับอำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรม
“ด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งอำนาจสูงสุดต้องเป็นของประชาชน”
ลงวันที่ 19 กันยายน 2553
ณ กลุ่มอิสระเถียงนาประชาคม
แถลงการณ์สหพันธ์นิสิตนักศึกษาภาคอีสานฉบับที่ 1/2553
4 ปีเผด็จการรัฐประหาร 4 เดือน การล้อมสังหารหมู่ประชาชนกลางเมืองหลวง
ตลอดระยะเวลา 4 ปี ในการทำรัฐประหารสังคมไทยเหมือนดั่งตกลงสู่หุบเหวแห่งความขัดแย้งที่ไม่อาจ ประนีประนอมกันได้ ซึ่งประชาชนภาคอีสาน มองเห็นแล้วว่าได้เกิดระบบสองมาตรฐานขึ้นในสังคมไทยซึ่งหลังการรัฐประหารที่ ผ่านมาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและความเป็นธรรม พวกเขาได้เห็นความสำคัญความหมายของระบอบประชาธิปไตย หนึ่งคนหนึ่งเสียง ระบบพรรคการเมืองที่ต้องทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน ไม่ได้โง่เง่า ขาดการศึกษา ถูกซื้อได้ อย่างที่ฝ่ายสนับสนุนเผด็จการรัฐประหาร นักวิชาการสันดานอำมาตย์ได้โฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนหลงผิด หมิ่นแคลน จิตใจนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ประชาชน คนอีสานได้ตื่นลุกยืนขึ้นแล้ว พร้อมจะต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิ์ เสรีภาพ ความเป็นมนุษย์ของพวกเขา ที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตัวแทน ระบอบอำมาตยาธิปไตย ได้กระทำการแย่งยึดอำนาจจากประชาชน และเมื่อประชาชนได้เข้าเรียกร้อง ร้องขออำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นของตนเองอยู่เดิม ด้วยการเรียกร้องให้ ยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน ด้วยวิถีทางประชาธิปไตย รัฐบาลได้ใช้อำนาจรัฐ เข้าเข่นฆ่าประชาชน บาดเจ็บ ล้มตายเป็นจำนวนมหาศาล
1.เรา ขอประณามรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในการล้อมสังหารหมู่ประชาชน ในเหตุการณ์การชุมนุมในเดือนเมษายน –พฤษภาคม ที่ผ่านมาและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องแสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้นำรัฐบาลด้วยการ ออกมา ขอโทษต่อเหตุการณ์รุนแรงดังกล่าว
2.รัฐบาลหยุด ข่มขู่ คุกคาม ตามล่าสังหาร เยาวชน นักศึกษา นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และแกนนำในระดับพื้นที่ภาคอีสานทันที
3.ขอเรียกร้องให้ยกเลิก พ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ภาคอีสาน เพื่อให้ประชาชนทุกฝ่ายได้แสดงออกทางความคิดได้อย่างเสรี
สหพันธ์ นิสิตนักศึกษาภาคอีสานพร้อมเป็นส่วนหนึ่งกับพี่น้องคนอีสานผู้รัก ประชาธิปไตยและความเป็นธรรมและร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ยั่งยืน ต่อไป
อาวุธ อาจจะมีอานุภาพอย่างมหาศาล แต่อำนาจอันยิ่งใหญ่ไม่ได้อยู่ที่ปืน รถถัง ทหาร ถึงมันจะมีความสามารถที่จะเข่นฆ่าผู้คน แต่อำนาจที่แท้จริงอยู่ในความพร้อมที่จะตายของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและ ความเป็นธรรมในสังคม ของผู้คนเหล่านั้นต่างหาก ทำให้การต่อสู้ เสียสละ นำมาสู่ซึ่งชัยชนะของการต่อสู้เพื่อ เสรีภาพ ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
อำนาจสูงสุดเป็นของราษฎรทั้งหลาย
สหพันธ์นิสิตนักศึกษาภาคอีสาน (สนนอ.)