ที่มา ข่าวสด
เหตุ ปัจจัยอะไรทำให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ไม่ปรากฏตัวในเวที "ราชดำเนินเสวนา" ของสมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และ สถาบันอิศรา และ มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย
ทั้งๆ ที่เป็นการจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ "19 กันยา...4 ปีกับการปฏิรูปกองทัพไทย"
คล้ายกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ไม่เคยรับราชการในกองทัพไทยกระทั่งดำรงตำแหน่งเป็นถึง ผู้บัญชาการทหารบก
คล้าย กับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ไม่เคยประกาศตนเป็นหัวหน้านำกองกำลังกองทัพไทยเข้าทำรัฐประหาร โค่นรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
ทั้งๆ ที่ผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า
และ นายสุรชาติ บำรุงสุข กับ นางชลิดาภรณ์ สั่งสัมพันธ์ ก็เป็นนักรัฐศาสตร์ระดับ "ดร."
รายงานข่าวบางกระแสบอกว่าที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ไม่เข้าร่วมการเสวนาเพราะไม่สะดวกในเรื่องการเดินทาง
ขณะ ที่บางกระแสไปลึกยิ่งกว่านั้นว่า ฝ่ายความมั่นคงแนะนำให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เก็บตัวอยู่ในเซฟเฮาส์ เพราะมีข่าวแจ้งว่ามีกลุ่มคนจ้องปองร้าย
น่าเห็นใจอย่างยิ่ง
น่า เห็นใจเพราะกระแสข่าวในลักษณะนี้ไม่เพียงแต่ไปสอดรับกับการสร้างข่าวใน เรื่อง "คนชุดดำ" จากดีเอสไอ จากบช.น.และวอร์รูมพรรคการเมืองบางพรรค
หากยังประสานกับการปล่อยข่าวในเรื่องการปล้นอาวุธจากคลังแสง จ.ลพบุรี อีกด้วย
ทำ ให้แม้กระทั่งการจัดเสวนาขององค์กรในวิชาชีพสื่อซึ่งต้องการทำความจริงให้ ปรากฏก็ถูกลากดึงไปอยู่ในวงกตแห่งการปล่อยข่าว เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับการชุมนุมรำลึก 4 ปี รัฐ ประหาร และ 4 เดือนของการตายที่แยกราชประสงค์
กระนั้น หลายคนคงอยากรู้เหตุผลแท้จริงของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
คํา ถามที่เสนอเข้ามาก็คือ หาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เชื่อมั่นว่าที่กระทำลงไปในวันที่ 19 กันยายน 2549 มีความถูกต้องเหตุใดจึงไม่ยืนยันในความถูกต้องเมื่อมีโอกาส
ทั้งๆ ที่ดำรงอยู่ในฐานะประธานพรรคมาตุภูมิซึ่งจะต้องออกมาแสดงตัวกลางแจ้ง
ทั้งๆ ที่การจัดเสวนาของสมาคมวิชาชีพหนังสือพิมพ์ตรงกับวาระครบ 4 ปีของการรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
ทั้งๆ ที่เป็นการจัดเสวนาในลักษณะเปิดกว้างกับสื่อมวลชนและนักวิชาการ
หากยอมรับในเรื่องคำเตือนจากฝ่ายความมั่นคง ในอีกด้านหนึ่งจึงเท่ากับยอมรับว่ากำลังของอีกฝ่ายน่ากลัวเป็นอย่างมาก
หรืออีกนัยหนึ่งเท่ากับเป็นการทำให้ "ข่าวปล่อย" มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น
หรืออีกนัยหนึ่งเท่ากับเห็นว่าเวลา 4 ปีภายหลังสถานการณ์รัฐประหารเดือนกันยายน 2549 เป็นคำตอบอันแจ่มชัดยิ่งแทบไม่ต้องมีคำอธิบาย
นั่นก็คือ การล้างท่อทางการเมืองของ "ทหาร" ยังไม่ประสบผลสำเร็จ
ในเดือนกันยายน 2553 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อาจสามารถซ่อนตัวอยู่ในเซฟเฮาส์ได้
แต่ โปรดเชื่อได้เลยว่า ทุกเดือนกันยายนของทุกปีจะมีคำถามในลักษณะประเมินผลทั้งต่อ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และมิตรร่วมรบในเหตุการณ์ยึดอำนาจดังกระหึ่มอย่างเป็นประจำ
เป็นประจำเหมือนเดือนตุลาคมทุกปีต้องนึกถึงการสังหารหมู่กลางเมือง