ที่มา thaifreenews
โดย ลูกชาวนาไทย
วันนี้ไม่ได้ตั้งใจจะไปร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยตรง เพราะมีงานแต่งงานลูกชายของพี่ในกลุ่มพยาบาล FARED แต่เมื่อไปถึงงานแล้วคุยกันประมาณสามทุ่ม เพื่อนๆ พี่เสื้อแดงที่ไปในงานชวนกันหลังงานเลิกแล้วแวะไปร่วมชุมนุมต่อดีกว่า ผมก็เลยไปด้วย ตอนหัวค่ำเพื่อนโทรมาบอกแล้วว่า คนแน่นมาก ประมาณการณ์ได้ว่าน่าจะถึง 100,000 คน (พื้นที่ประมาณ 50,000 ตรม.) เวทีตั้งที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเลย
ผมไม่แปลกใจอะไรนักกับคนเข้าร่วมประมาณ 1 แสนคน เพราะผมทราบอยู่แล้วว่าคนเสื้อแดงในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่เป็นมวลชนที่ active ในการชุมนุมสำคัญก็มีประมาณนี้ หากมีต่างจังหวัดมาร่วมด้วยก็จะได้ถึง 3-4 แสนคน
เมื่อไปถึงก็ประมาณ 4 ทุ่มกว่าแล้ว ก็เห็นบรรยากาศเก่าๆ ช่วงก่อนสงกรานต์ปีที่แล้ว ที่เสื้อแดงเต็มถนนไปตั้งแต่สี่แยกคอกวัว จนถึงตีสะพานผ่านฟ้า (แต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว เต็มไปตั้งแต่หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ เลยสะำพานผ่านฟ้าไปถึงหน้าลานพระรูป ตรงข้างกระทรวงศึกษาธิการ นั่นรวมคนต่างจังหวัด) มีการขายของที่ระลึกเช่น เสื้อแดงต่างๆ แต่ตอนนี้ ภาษาที่ปักบนหลังและหน้าเสื้อแดงเปลี่ยนไปตามสถานการณืที่เข็มข้นขึ้น เสื้อประเภทรักทักษิณ ยังมีอยู่แต่น้อยลง แต่เป็นเสื้อประเภท กูไม่รู้กูป่วย กูเพิ่งมาอย่าเพิ่งยิง ฯลฯ วรรณกรรมเหล่านี้ เน้นให้เห็นว่าการต่อสู้ได้พัฒนาขึ้นเลยทักษิณไปแล้ว เป็นสงครามโดยตรงระหว่างประชาชนกับอำมาตย์
วันนี้ผมเห็นอาจารย์ธิดาขึ้นพูด ผมฟังไม่จบจับใจความได้ว่า "ให้คนเสื้อแดงกลับไปตั้งแกนนำระดับพื้นที่" เป็นองค์กรนำ เสื้อแดงระดับ หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัดและภูมิภาคขึ้น และแกนนำ นปช.กลางจะออกไปร่วมประชุมกับแกนนำต่างๆ
ก็เป็นแนวคิดของ คุณสมยศ แห่งกลุ่ม 24 มิถุนายน เสนอเอาไว้ คือ จะตั้ง สมัชชาคนเสื้อแดงระดับ หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ภาคขึ้น เพื่อจัดทำข้อเสอนการปฎิรูปการเมืองฉบับคนเสื้อแดง เพื่อเป็นข้อเสนอแยกต่างหากจาก คณะกรรมการปฎิรูปการเมืองของ อานันท์ ประเวศ (ผมไม่เห็นผลงานของกรรมการของสองคนนี้)
ผมประเมินว่ายุทธศาสตร์ตอนนี้ "ชะงักงัน" ทั้งอำมาตย์และเสื้อแดง การรุกในรูปแบบเดิมทำไม่ได้
สำหรับอำมา่ตย์ วันนี้ด่าทักษิณน้อยลง เราจะเห็น วาทกรรมด่าทักษิณหายไปจากรัฐบาลประชาธิปัตย์ และกลุ่มอำมาตย์ อำมาตย์ วันนี้ก็คงรู้แล้วว่า กำลังสู้กับประชาชน มีคนประเมินว่าพวกเขาเริ่มกลัว
สำหรับคนเสื้อแดงก็รู้แล้วว่ากำลังสู้กับใคร
ยังไม่มีฝ่ายใดยอมถอย
การกลับไปสู่การจัดตั้งเครือข่าย เพื่อเป็น "องค์กรมวลชนทางการเมือง" อย่างแท้จริงนั้น น่าจะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในภาวะชะงักงันนี้ เป็นสิ่งที่ นปช. สามารถทำไ้ด้ระดับนี้
สำหรับวาระประชาชน ของคนเสื้อแดง ที่เป็แกนนอน ผมว่างานสำคัญคือ "การรณรงค์คว่ำบาตร" บะหมี่ดัง เพื่อเป็นการส่งสัญญาณอย่างแรงไปให้อำมา่ตย์เห็นถึงพลังที่แท้จริงของประทชาชน
ยุทธศาสตร์คว่ำบาตร กับ การจัดตั้งองค์กรและเครือข่าย ควรทำคู่ขนานกันไป
จนกว่าจะถึงวันที่เรารุกได้มากกว่านี้ วันนั้นใครๆ ก็รู้และรอกันอยู่
Re:
วันนี้ผมคงต้องยอมรับแล้วว่า ไม่ว่าใครจะอย่างไร ก็ไม่มีอำนาจที่จะทำให้เ "เสื้อแดง" หรือ "เสื้อเหลือง" หายไปจากประเทศไทยได้ เพราะทั้งสองสีคือ การแทนแนวคิด อุดมการณ์ เรื่องประชาธิปไตย กับ อนุรักษ์นิยม
จะทำลายเสื้อแดงให้ได้ ก็ต้องหาอุดมการณ์ที่เหนือกว่ามากล่อม ชักจูงให้เสื้อแดงเลิกศรัทธาเรื่องประชาธิปไตย
จะทำให้เสื้อเหลืองหายไป ก็ต้องทำให้คนเลิกคิดแบบอนุรักษ์นิยม
ผมไม่คิดว่าจะมีแนวคิดใดทำลายแนวคิดประชาธิปไตยได้
การพยายามสลายสีเสื้อต่างๆ พูดตรงๆ คือ ทำลายแนวคิดทางการเมืองของแต่ละอุดมการณ์ ไม่ใช่แค่ทำให้คนไม่ใส่เสื้อแดงเท่านั้น
ผมไม่คิดว่าจะมีใครมีโวหารชักจูงคนที่เชื่อเรื่องประชาธิปไตย เสรีภาพ ความเ่ท่าเทียมกับ หันกลับจากแนวคิด อุดมการณ์ืีที่ตนเชื่อถือ หันกลับไปเป็นคนอนุรักษ์นิยม ไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไร อย่างอยู่ักับอดีต อย่างให้สังคมไม่มีการทะเลาะกันหรือมีความเห็นไม่แตกต่างกัน
จะปราบเสื้อแดงคือ จะปราบแนวคิดอุดมการณ์ประชาธิปไตย เสรีภาพ ความเืท่าเทียมกัน
ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า่ใครในโลกนี้จะปราบได้ ไม่เคยมีใครที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตามทำได้มาก่อน คอมมิวนิสต์โซเวียดยิ่งใหญ่มีระเบิดนิวเคลียร์หมื่นกว่าหัวรบ ทำลายโลกนี้ได้หลายร้อยครั้ง มีองค์กรพรรคคอมมิวนิสต์ที่เข็มแข็ง มีกองทัพที่มีอาวุธ มีรถถังยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครในโลกนี้
แต่โซเวียตก็ล่มสลาย พรรคคอมมิวนิสต์โซเวียต ก็ล่มสลายให้กับอุดมการณ์แบบประชาธิปไตย
วันนี้ กลุ่มอำมาตย์ในประเทศด้อยพัฒนา หาญกล้าจะสลายอุดมการณ์ประชาธิปไตยให้ได้
น่าหัวเราะจริงๆ