ที่มา บางกอกทูเดย์
ปลาไหลพัฒนายืนยัน!!
ต้อง 400+100สูตรเดียว
ไม่ว่าประเทศใด หากนักการเมืองยังเน้นการแพ้ชนะเป็นสำคัญ ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้สังคมไทยเดินหน้าได้อย่างราบรื่น
โดยเฉพาะหากมีพรรคการเมืองที่คิดแต่จะเอาดีเข้าตัว เอาชั่วโยนให้คนอื่น
หรือคิดแต่ว่าจะทำอะไรก็ได้ แต่พรรคตนเองจะต้องได้เปรียบ จะต้องได้มากกว่าพรรคอื่น
หรือแม้แต่กระทั่งว่า จะให้โหนใคร ให้คุกเข่าให้ใคร ขอแค่ได้เป็นรัฐบาล ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ทำได้ทั้งนั้น
หากบังเอิญประเทศไทยมีพรรคการเมืองมีนักการเมืองแบบนี้ก็ต้องยอมรับชะตากรรมกันแล้วว่า
ในช่วงที่บ้านเมืองอ่อนแอ เสาหลักต่างๆ พากันเป็นแค่ไม้หลักปักเลน นักการเมืองก็ย่อมจะต้องช่วงชิงผลประโยชน์และอำนาจทางการเมืองกันอย่างอุตลุด โดยไม่สนใจว่าประชาชนจะมอง จะรู้สึกอย่างไร
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าคิดเป็นอย่างยิ่งว่า หรือประเทศไทยกำลังตกอยู่ในห้วงเวลาดังกล่าวแล้วจริงๆ!!!
เพราะในขณะที่ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นกระฉ่อนฉาว ในขณะที่ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังร้อนระอุ แต่รัฐบาลกลับมาทะเลาะถกเถียงกับพรรคร่วมรัฐบาล ในเรื่องเพียงแค่จะแก้รัฐธรรมนูญ โดยสัดส่วน ส.ส.แบบเลือกตั้ง กับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จะมีเท่าไร
และเป็นการแก้แบบยึดเอาผลประโยชน์ของพรรคตนเองเป็นที่ตั้งด้วยกันทั้งนั้น
สูตร 375 + 125 ของพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นเพราะไม่มั่นใจว่า ส.ส.เลือกตั้งจะฝ่าด่านความรู้สึกประชาชนได้มากน้อยเพียงใด แต่มั่นใจในคะแนนของพรรคที่จะกวาด ส.ส.สัดส่วนได้มาก
ก็เลยเลือกที่จะให้มี ส.ส.เลือกตั้งแค่ 375คน แล้วมีส.ส.สัดส่วน 125คน
ในขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลเอง ก็ล้วนแล้วแต่เป็นไก่รองบ่อนแม้ว่าจะได้กินอิ่มนอนหลับ เหมือนตกอยู่ในยุ้งข้าวเปลือก ไม่ต้องอดอยากปากแห้ง
แต่ในแง่ของการเลือกตั้งที่จะมาถึง แต่ละพรรคล้วนรู้ดีว่า ส.ส.สัดส่วนที่จะได้คงแค่กระหยิบมือเดียว ที่จะได้เป็นเนื้อเป็นหนัง มีจำนวน ส.ส.มากพอที่จะเอาไว้ต่อรองได้เวลาจัดตั้งรัฐบาล ก็จะต้องได้จาก ส.ส.เลือกตั้งเท่านั้น
พรรคร่วมรัฐบาล ก็เลยต้องการใช้สูตร 400+100
คือมีจำนวนส.ส.เลือกตั้ง 400 คน ส.ส.สัดส่วนแค่ 100 เดียวก็พอ
เป็นการเถียงกันลากยาวเป็นเดือน ก็เพราะผลประโยชน์ไม่ลงตัวอย่างเดียวเท่านั้น
เมื่อประชาชนเริ่มเอียน เพราะเป็นการขัดแย้งที่เห็นชัดว่าเป็นการทำเพื่อตัวเอง ก็เลยมีสูตรออกมาเพื่อรอมชอมในการเมืองซีกรัฐบาล นั่นคือในเมื่อประชาธิปัตย์อยากได้ ส.ส.สัดส่วน 125 ก็เอาไป 125 ในขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอยากได้เก้าอี้ ส.ส.เลือกตั้ง 400 ก็เอาไป 400
กลายเป็นสูตร 400+125 อะร้าอร่ามไปอีกแบบ เพราะเท่ากับจะไม่ใช่ สภา500 แล้วแต่จะเป็นสภา 525 แทน
ทำยังกับการต่อรองเรียกสินบนใต้โต๊ะในยุคปัจจุบันอย่างนั้นแหละ มียืดได้หดได้ ตั้งแต่ 25% 30% ไปถึง35% แล้วแต่ว่าเส้นใครจะแข็งเส้นใครจะใหญ่กว่ากัน???
แต่เรื่องของตัวเลขจำนวน ส.ส. กลายเป็นตลกชวนหัวในทางการเมืองไปแล้ว เพราะตอนนี้กำลังคิดสูตรกันอย่างสนุกสนานบานเบอะไปถึงขนาด 21 สูตรกันแล้ว
ถึงขนาดที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ยังต้องขอหารือด่วนกับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ และนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะ เมื่อวันที่ 21 มกราคม
และต้องใช้เวลาในการหารือกันถึงประมาณ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ซึ่งนายบรรหารได้บ่นกรณีที่ ส.ส.ขอสงวนคำแปรญัตติ 21 สูตร ว่า
“แหม ...ผมก็ไม่รู้ ชักปวดหัวแล้วนะเนี่ย มันเยอะแยะ สูตรอะไรบ้างก็ไม่รู้ เวลานี้สูตร 375+125 มี 400+100 มี 400+125 รู้เพียงเท่านี้ แล้วที่มีหลาย 10 สูตรไม่รู้มีสูตรอะไรบ้าง”
สุดท้ายแม้ว่านายบรรหารจะพูดแบบประนีประนอมว่า แต่ละสูตรก็ดีหมด และมีเหตุผลดีพอสมควร รวมทั้งสูตร 400+125 ที่ต้องการออมชอม
แต่ก็ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า “เรายืนหยัดในสูตรที่ 400+100 เท่านั้น”
ส่วนเรื่องพรรคประชาธิปัตย์จะยืนยัน 375+125 ก็เป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นเรื่องของสภา ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล!!!
รวมทั้งสุดท้ายสูตร 400+100 จะได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.และ ส.ว.ค่อนข้างเยอะจริงหรือไม่ นายบรรหารก็บอกเพียงว่า ยังไม่ทราบ ไม่ได้พูดกับใคร
“เมื่อมีมติเราก็ถือตามนั้น”นายบรรหารประกาศชัด
ในขณะที่นายเทวฤทธิ์ นิกรเทศ โฆษกพรรคกิจสังคม ก็ได้ออกมาแสดงท่าทีที่แตกต่างไปจากพรรคชาติไทยพัฒนา คือพร้อมที่จะลู่ลมได้ โดยอ้างว่าจุดยืนของพรรคกิจสังคมนั้นเห็นด้วยกับแนวทางที่สามารถยุติปัญหาความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลได้
โดยยกว่าการที่นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย เสนอสูตร 400+125 ขึ้นมานั้นก็ถือว่าเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง ที่จะสามารถทำให้สบายใจกันทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและประชาธิปัตย์
เหมือนพบกันครึ่งทาง
งานนี้เรียกว่าพรรคกิจสังคมพร้อมจะเอาใจทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตามทางนายเทวฤทธิ์ กล่าวว่าเบื้องต้นแกนนำประชาธิปัตย์ติดต่อประสานงานมายังแกนนำพรรคกิจสังคม เพื่อพูดคุยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัดว่าจะตกลงกันที่สูตรไหน
และอาจจะต้องรอมติจากงานเลี้ยงของพรรคร่วมรัฐบาลวันที่ 24 มกราคม
“พรรคที่ไม่เห็นด้วยกับสูตร 375+125 ก็คงไม่พอใจที่ไปลดจำนวน ส.ส.ของเขา ซึ่งต้องเข้าใจเขาด้วยแต่ละพรรคก็มีเหตุผล แต่พรรครับได้ทุกสูตร แต่ต้องมีการพูดคุยกันก่อน ไม่ใช่จู่ๆ จะตอบเอง เออเองว่าจะเอาแบบนั้นแบบนี้ โดยไม่มีการปรึกษาหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดเสียก่อน สำหรับผมเห็นด้วยกับสูตร 400+125 เพราะคิดว่าน่าจะลดความขัดแย้งได้ ส่วนพรรคจะสนับสนุนส่วนไหนนั้นต้องรอให้มีมติอีกครั้ง” นายเทวฤทธิ์ กล่าว
เห็นท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ และบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้แล้ว
ชัดเจนว่า เป็นเรื่องที่คิดแต่ผลประโยชน์นักการเมืองล้วนๆ...
ประชาชนไม่เกี่ยวเลยจริง!!!