ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ เหล็กใน
มันฯ มือเสือ
รัฐบาลอภิสิทธิ์อาศัยทักษะทางการเมือง
ฝ่าด่านพรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมกันตีกรอบ กระชับวงล้อมวิกฤตแก้ไขรัฐธรรมนูญมาได้อีกครั้ง
นั่นเพราะประชาธิปัตย์จับจุดถูก นาทีนี้ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลใดพร้อมลงสนามเลือกตั้งตามกติกาเดิม คือแบบเขตใหญ่เรียงเบอร์
แต่ที่เป็นทีเด็ดมัดใจพรรคร่วมจนอ่อนระทวยเหมือนงูเจอเชือกกล้วย
คือการให้หลักประกันว่าทุกพรรคจะกลับมาร่วมรัฐบาลกันอีกครั้งหลังเลือกตั้งครั้งหน้า ในโควตากระทรวงและเก้าอี้รัฐมนตรีตัวเดิม
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของงบประมาณกลางปีแสนล้าน และงบประมาณประจำปี 2555 อีก 2.25 ล้านล้าน ที่ยั่วน้ำลายจนพรรคร่วมไม่กล้าแข็งข้อ
ละครการเมืองเลยจบลงแบบละครน้ำเน่า
พระเอก-นางเอกที่ทำตัวเป็นพ่อแง่แม่งอนกันมาเกือบตลอดทั้งเรื่อง
ถึงฉากจบกลับมายืนจูบปากกอดกันกลม
สงสารแต่ม็อบพันธมิตรฯ แฟนเก่าพระเอกที่เคยอุ้มชูกันมา ตอนนี้กลับถูกเฉดหัวแบบไม่เหลือเยื่อใย
พยายามปลุกกระแส"คลั่งชาติ"มานานนับเดือน
ลงทุนส่งคนของตัวเองเดินดุ่ยๆ ไปเข้าคุกเขมรก็แล้ว ลาก"ท่านพ่อ"มาขึ้นเวทีก็แล้ว "จำลอง"ก็แล้ว "สนธิ"ก็แล้ว มากันครบ
แต่ก็ยังจุดไม่ติด
คิดแล้วก็ใจหายแทน ม็อบเรือนหมื่นเรือนแสนที่เคยร่วมสร้างวีรกรรมบุกยึดทำเนียบ ยึดสนามบิน มาวันนี้ไม่รู้หายไปไหนหมด
ปล่อยให้"เทพเทือก"เยาะเย้ยถากถาง
ม็อบข้างทำเนียบบวกกับม็อบสะพานมัฆวานฯ วันแรกมากันครึ่งหมื่น
พอวันถัดมาก็ลดวูบ ขนาดสื่อในเครือข่ายเดียวกันยังไม่กล้าระบุลงไปตรงๆ
บางฉบับด้วยความเกรงใจระบุแบบคลุมๆ ใช้คำว่าจำนวนมาก แต่บางฉบับไม่พูดถึงเลย หรือบางฉบับอวยกันสุดๆ ยังให้แค่ 3 พัน
ไม่ได้คิดดูถูกดูแคลน
แต่พูดกันตามตรง ด้วย"ต้นทุน"ขนาดนี้
เทียบกับ 3 เงื่อนไขที่ยื่นคำขาดให้รัฐบาลต้องปฏิบัติ คือ 1.ถอนตัวจากกรรมการมรดกโลก 2.ยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และ 3.ขับไล่คนกัมพูชาออกจากพื้นที่พิพาท
ออกจะค้ากำไรเกินไปมาก
ส่วนข่าว"ปฏิวัติ"ที่สะพัดออกมาว่าคือหมุดหมายแท้จริงของกลุ่มพันธมิตรฯ ในการเข้าสู่อำนาจทางการเมืองโดยวิธีลัด
จากสถานการณ์ตอนนี้ เห็นทีจะแค่ฝันกลางวันเสียแล้ว