WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, January 24, 2011

ความจริง ความลวง โดย ประสงค์ วิสุทธิ์

ที่มา มติชน



เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ไปร่วมสังเกตการณ์การสัมมนาสมัชชาปฏิรูปที่มี นพ.ประเวศ วะสี เป็นประธาน

เพื่อให้สื่อมวลชนเห็นภาพปัญหาความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมชัดเจน จึงเชิญตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเหล่านี้มานำเสนอประเด็นที่เป็นรูปธรรมทั้งทางด้านการศึกษา ระบบภาษี กระบวนการยุติธรรม และการกระจายอำนาจ

ในประเด็นความไม่เป็นธรรมเรื่องระบบภาษีนั้น ตัวแทนแรงงานหญิงในบริษัทแห่งหนึ่งพูดด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอหน่วยว่า ตนเองต้องถูกหักภาษีเงินได้เป็นประจำทุกเดือน ทั้งที่มีรายได้ไม่มากนัก แต่บริษัทที่ตนทำงานอยู่ ไม่เคยเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเลยเพราะขาดทุนติดต่อกันมานับสิบปี

แรงงานหญิงคนดังกล่าวตั้งคำถามว่า ถ้าบริษัทขาดทุนในลักษณะดังกล่าวจริง ทำไมยังดำเนินกิจการอยู่ได้

ในวงการธุรกิจเป็นที่รับรู้กันว่า บริษัทที่แรงงานหญิงคนดังกล่าวอ้างถึงน่าจะมี 2 บัญชี บัญชีหนึ่งเป็นของจริงที่บริษัทมีกำไร อีกบัญชีหนึ่งสำหรับยื่นต่อสรรพากร เป็นบัญชีที่ขาดทุนเพื่อจะได้ไม่ต้องชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลซึ่งไม่เคยมีข่าวว่า กรมสรรพากรสามารถจัดการปัญหานี้ได้

มีความเชื่อกันว่า ถ้าเป็นบริษัทมหาชนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯการหลบ เลี่ยงภาษีคงเป็นไปได้ยากเพราะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานของบริษัทตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

แต่ความเป็นจริงแล้ว ผู้บริหารหรือ/และผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทจดทะเบียนหลายบริษัท มีกลวิธีที่หลากหลายในการผ่องถ่ายหรือไซฟ่อนเงินของบริษัทเข้ากระเป๋าตัวเองโดยที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จับได้บ้าง จับไม่ได้บ้าง (บางครั้งขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของผู้ตรวจสอบบัญชี)

วิธีการที่นิยมกันในช่วงไม่กีปีที่ผ่านมาคือ การทำสัญญาเท็จ/เทียมว่าจ้าง/ซื้อบริการจากบริษัทกระดาษ(ไม่มีตัวตน-ไม่มีธุรกรรม) หรือบริษัทในเครือข่ายของผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ในราคาสูงเกินจริงหรือไม่มีการให้บริการจริง ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ การดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหารบริษัทปิกนิคและเครือข่าย

นอกจากตกแต่งบัญชีแล้ว บริษัทเหล่านี้ยังเก่งกาจในการสร้างภาพว่า การดำเนินกิจการเจริญรุ่งเรือง ทำให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมของรัฐบางแห่งหลงเชื่อ (สมคบ?) ไปลงทุนในตั๋วเงินของบริษัทหลายพันล้าน จนอดีตผู้บริหารถูกดำเนินคดีอยู่ในปัจจุบัน

ล่าสุดได้อ่านงบการเงินของของบริษัทขนส่งทางอากาศแห่งนึ่งที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นบริษัทในต่างประเทศ

บริษัทแห่งนี้ พยายามสร้างภาพลักษณ์และขยายกิจการอย่างรวดเร็วจนมีส่วนแบ่งการตลาดสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีขนาดใหญ่กว่า

แต่ปรากฏว่า ในงบการเงินประจำปี 2552 ผู้ตรวจสอบบัญชีให้ความเห็นว่า "ได้ให้ข้อสังเกตหมายเหตุประกอบงบการเงิน... ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 บริษัทมีหนี้สินหมุ่นเวียนสูงกว่า สินทรัพย์หมุนเวียนจำนวน 5,983 ล้านบาท มีขาดทุนสะสมเกินทุนจำนวน 5,276 ล้านบาท (ทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท) โดยผลขาดทุนสะสมสุทธิสำหรับปี 2552 จำนวน 933 ล้านบาท ปัจจัยดังกล่าวตลอดจนเรื่องที่กล่าวถึงในหมายเหตุ...แสดงว่า มีความไม่แน่นอนที่เป็นสาระสำคัญซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดข้อสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของกิจการ"

ในหมายเหตุงบการเงินให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า หนี้สินหมุนเวียนส่วนใหญ่เป็นยอดคงค้างกับกิจการที่เกี่ยวข้องกันในกลุ่มของบริษัทซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทางอ้อมของบริษัทร้อยละ 49โดยบริษัทคาดว่า จะสามารถขอผ่อนผันเงื่อนไขการชำระหนี้ นอกจากนั้นผู้บริหารบริษัทเชื่อว่า กระแสเงินสดที่คาดว่า จะได้รับจากการดำเนินงานใน 12 เดือนข้างหน้าจะเพียงพอต่อการชำระหนี้สินที่เหลือของบริษัทได้...

จากการตรวจสอบงบการเงินเพิ่มพบว่า บริษัทขนส่งฯแห่งหนี้เป็นลูกหนี้ของกิจการที่เกี่ยวข้องกันกว่า 4,980 ล้านบาทจากหนี้ทั้งหมดกว่า 7,341 ล้านบาท

นอกจากนั้นเมื่อตรวจสอบงบการเงินย้อนหลัง 5 ปีหลังพบว่า บริษัทแห่งนี้ขาดทุนสะสมมาตั้งแต่ปี 2548-2552 ดังนี้ 169 ล้านบาท 127 ล้านบาท เพิ่มเป็น 1,360 ล้านบาท แล้วพุ่งสูงเป็น 4,744 ล้านบาท และ 5,677 ล้านบาทตามลำดับ

ผู้ตรวจสอบบัญชีรายหนึ่งให้ความเห็นว่า จากงบการเงินดังกล่าว บริษัทนี้ดำเนินกิจการอยู่ได้เพราะบริษัทแม่ในต่างประเทศหนุนหลัง เพราะขาดทุนสะสมจำนวนมหาศาลและหนี้ส่วนใหญ่เป็นของกิจการในเครือ

การที่มีหนี้สินจำนวนมากกับกิจการในเครือ แต่ยังคงขยายกิจการอย่างต่อเนื่องทำให้คู่แข่งตั้งข้อสงสัยว่า หนี้กับบริษัทในเครือเกือบ 5,000 ล้านบาทสูงเกินจริงหรือเป็น "หนี้เทียม" หรือไม่ เพราะการที่บริษัทยังขาดทุนสะสมทำไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล

ข้อสงสัยดังกล่าวเป็นการหวาดระแวงเกินไปหรือไม่ น่าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบดูให้กระจ่างจะได้รู้ว่าอะไรคือ"ความจริง" หรือ "ความลวง" กันแน่