ที่มา มติชน
โดย ฐากูร บุนปาน
ใครที่เรียกร้องให้รัฐบาลประกาศใช้ ′พ.ร.ก.ฉุกเฉิน′ อาจจะผิดหวังไปนิดหน่อย
เมื่อนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตัดสินใจประกาศใช้มาตรา 31 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแทน
เป็นกฎหมายที่ใช้บริหารงานในภาวะฉุกเฉินโดยไม่ต้องประกาศเป็นภาวะฉุกเฉิน
อย่างน้อยก็ทำให้ไม่เสียบรรยากาศด้านเศรษฐกิจ หรือไม่ทำให้เกิดปัญหาและข้อถกเถียงในเรื่องการประกันภัยภายหลังน้ำลด
แต่ถามว่าทำไมต้องประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้
ประเด็นก็มีอยู่แค่ว่า จัดการกับปัญหาน้ำจำนวนมหาศาลว่ายุ่งยากอยู่แล้ว แต่จัดการกับเรื่องของคนด้วยกันยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่
ไม่ว่าจะกับประชาชนหรือนักการเมือง
เพราะไม่ได้ทำงานมาต่อเนื่องเรื่องทำความเข้าใจกับชาวบ้านแต่ต้น
คนที่ต้อง ′เสียสละ′ มาตลอด ก็มีสิทธิตั้งคำถามว่า ทำไมเขาต้องสังเวยชีวิตและอนาคตให้กับคนอีกจำนวนหนึ่งในกรุงเทพมหานคร
ที่จนป่านนี้ยังไม่รู้ว่าหน้าตาของน้ำท่วมเป็นอย่างไร
นอกจากในจอทีวี
และเพราะพูดจากัน ′คนละภาษา′ กับพรรคการเมืองที่เป็นคู่แข่งกัน ′การประสานงาน′ ก็กลายเป็น ′การประสานงา′
กว่าจะทำให้กลับมาพูดเรื่องเดียวกันได้ ก็ไม่รู้ว่าสายไปแล้วหรือเปล่า
และที่สาหัสไม่น้อยไปกว่ากันก็คือ การพูดจาคนละภาษา กับคนในพรรคเดียวกันเอง
เอโพดำในสำรับตัวเองทั้งสิ้น
มี ′พนังที่มองไม่เห็น′ คอยปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง เหมือนกับคันกั้นน้ำของแต่ละพื้นที่ ซึ่งตั้งขึ้นมาด้วยความหวังว่า น้ำจะไม่เข้าบ้านฉัน
แต่จะไปบ้านเธอหรือเปล่าไม่รู้
เมื่อเห็นแต่ภาพเล็กไม่เห็นภาพใหญ่
การบริหารจัดการก็อลหม่าน จนกระทั่งวิกฤตคุกคามเข้ามาจ่อคอหอย จึงได้รู้สึกว่า
หนนี้ไม่ใช่จะเอาตัวรอดยังไง แต่จะช่วยกันยังไงให้น้ำและวิกฤตผ่านไปเร็วที่สุดและกระทบกระเทือนน้อยที่สุด
ความ เป็นจริงของวันนี้บอกกับเราทุกคนว่า ลำพังแค่ปัญหาน้ำจำนวนมหาศาลที่สังคมไทยไม่เคยเผชิญหน้ามาก่อน ก็จัดการให้ลดหรือหมดไปด้วยหลักวิชายากยิ่งอยู่แล้ว
ถ้าการตัดสินใจแก้ปัญหา ยังมีประเด็นการเมืองเข้ามาสอดแทรก ยังลูบหน้าแล้วปะจมูกคนนั้นบ้างคนนี้บ้าง
ก็เอวัง
วันนี้ ให้รักและผูกพันกันขนาดไหนก็ต้องพูดจาด้วยภาพรวมของปัญหา ด้วยงาน ด้วยวัตถุประสงค์ของการแก้ปัญหาที่เป็นเอกภาพและด้วยภาษาเดียวกัน
ในวาระที่มีทุกข์คนครึ่งประเทศเป็นเดิมพัน
ไม่มีที่ว่างให้สำหรับความไร้สาระใดๆ ทั้งสิ้น
มาตรา 31 ไม่ได้แก้ปัญหานี้ทั้งหมด แต่เป็นแค่สัญญาณเตือนให้รู้ว่า
วาระของความเป็นตายมาถึงแล้ว