ที่มา ข่าวสด
เมื่อ 27 ต.ค. ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)ดอนเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความจำเป็นที่จะต้องย้าย ศปภ.ไปอยู่ที่อื่น เนื่องจากทั้งกระแสไฟฟ้า และน้ำประปาเริ่มมีปัญหาเนื่องจากมีน้ำทะลักเข้าท่วมบริเวณศูนย์ผลิตไฟฟ้า ภายในสนามบินดอนเมืองว่า ยืนยันว่า ศปภ.จะเป็นหน่วยงานสุดท้ายที่จะย้ายออกจากจุดนี้ ที่สำคัญเรายังมีผู้อพยพที่ยังต้องขนย้ายไปในที่ที่ปลอดภัย
เมื่อถามว่าหากย้ายผู้อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว จะย้ายศปภ.ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องขอพิจารณาดูอีกทีหนึ่ง โดยจะมีการประเมินเรื่องการเดินทางเข้ามายังศปภ.ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งปัจจัยเรายังใช้โทลเวย์ได้อยู่
เมื่อถามถึงกรณีที่รมว.กลาโหมเสนอให้ไปใช้สโมสรทบ.แทน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สโมสร ทบ.ถือเป็นสถานที่ดี แต่ก็อยู่ในเส้นทางเดียวกับดอนเมือง ความจริงตัวตึกที่ใช้ทำงานไม่มีปัญหา ที่ไหนก็อยู่ได้ แต่เราเป็นห่วงคนที่จะเข้ามาทำงาน จึงต้องดูเส้นทางว่าจุดไหนสะดวก แต่ยืนยันว่าจะมีย้ายไปอยู่ จ.ชลบุรีแน่นอน ยกเว้นผู้อพยพ เพราะการปฏิบัติงานควรต้องอยู่ในกทม.
เมื่อถามว่าวันนี้ถือว่าพื้นที่ กทม.เข้าสู่ขั้นวิกฤตอย่างแท้จริงแล้วใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวยอมรับว่า ก็คงจะเป็นแบบนั้น สิ่งที่เราทำวันนี้คือกำลังฝืนธรรมชาติของน้ำอยู่ แต่เนื่องจากมวลน้ำมีขนาดใหญ่มาก จึงทำให้บางจุดเกิดปัญหา และยังเจอปัญหาของมวลชน จึงอยากจะขอความเห็นใจ เพราะบางครั้งจะให้เราใช้กฎหมายกับมวลชนคงไม่ได้
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่วันนี้เราจะปล่อยให้น้ำไหลไปตามธรรมชาติ เพื่อให้ลงสู่ทะเล โดยไม่ต้องกั้นในจุดใดอีก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้มวลน้ำก้อนใหญ่มาก ถ้าปล่อยให้ไหลไปตามธรรมชาติมากเกินไป ก็จะทะลัก และทำให้บางพื้นที่เตรียมตัวไม่ทัน เราจึงต้องกั้นเพื่อชะลอให้น้ำไหลไปตามคลอง แต่เนื่องจากปริมาณน้ำมีมาก บางพื้นที่เลยเกิดปัญหา
ตอนนี้เราจึงจำเป็นต้องนำเข้ากระสอบทรายยาว 1 ก.ม. มาทดลองใช้เพื่อประหยัดเวลา แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องทรัพยากร บางที่แนะนำให้ใช้แผ่นเหล็ก แต่ก็มีปัญหาน้ำเชี่ยวมาก เครื่องจักรเข้าไปไม่ได้ และแผ่นเหล็กก็หมด อีกทั้งยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควบคุมไม่ได้
เมื่อถามว่าได้เตรียมแผนอพยพคนกทม.ชั้นในไปอยู่ในที่ปลอดภัยหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการเตรียมการสำรองพื้นที่ไว้แล้ว เช่นที่ จ.ลพบุรี ชลบุรี และอีกหลายจังหวัด ก็ต้องขอความร่วมมือ เพราะไม่มีทางเลือกมากนัก
ส่วนข้อเสนอของนักวิชาการให้ถนนวิภาวดีเป็นที่ระบายน้ำนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้ข่าวว่ากทม.ก็มีการหารือกัน แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะช่วยได้หรือไม่ ดังนั้นขอให้นักวิชาการได้ไปวิเคราะห์กันก่อน
นักข่าวถามต่อว่าน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่กทม.จะกินระยะเวลานานเท่าไหร่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า บางพื้นที่อาจจะเป็นเดือน บางพื้นที่อาจจะเร็วกว่านั้น ขึ้นอยู่กับระบบการระบายน้ำและเครื่องสูบน้ำ ซึ่งต้องหารือกับทางกทม.เพื่อเร่งระบายน้ำ
เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่าประชาชนที่เดือดร้อนจะลุกฮือไม่พอใจการทำงาน ของ ศปภ. เพราะเจ้าหน้าที่เริ่มล้ากันมาก นายกรัฐมนตรีตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ต้องขอความกรุณาให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ เพราะศปภ.เป็นศูนย์เดียว และเจ้าหน้าที่ก็มีจำกัด และกลายไปเป็นผู้ประสบภัยเอง
“วันนี้ต้องขอกำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะเจ้าหน้าที่ได้ต่อสู้กับน้ำมาเกือบ 2 เดือนแล้ว หลายคนเหนื่อยล้า และปัญหาที่ควบคุมไม่ได้หลายอย่างก็ไม่ใช่ปัจจัยที่เกิดมาจากศปภ. วันนี้เห็นใจผอ.ศูนย์ ที่นอนวันละ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
เมื่อถามว่าวันนี้อยากจะฝากอะไรไปถึงประชาชนหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงกับพูดไม่ออก และมีน้ำตาไหลออกมาทันที และพยายามสะกดกั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ก่อนจะตอบว่า “กราบเรียนพี่น้องประชาชนว่าเรามีเจตนาดีและมีความตั้งใจ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อมาถึงตรงนี้นายกรัฐมนตรี ถึงกับพูดต่อไม่ได้ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมถึงร้องไห้บ่อย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวปฏิเสธทั้งที่มีน้ำตาคลอเบ้าว่า “ไม่ได้ร้องเลยคะ ที่เห็นภาพออกมาคงเป็นจังหวะ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ร้องไห้ เพราะเราอยู่ตรงนี้ต้องเข้มแข็ง ยืนยิ้มรับ และช่วยกัน ยืนยันว่าไม่ท้อ ส่วนที่บ้านพักของดิฉันในซอยโยธินพัฒนา 3 ไม่ได้เตรียมทำคันกั้นน้ำแต่อย่างใด ขอทำให้ประชาชนก่อน ตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”