ที่มา ข่าวสด
วันที่ 23 ต.ค. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือไอซีที กล่าวถึงกรณีที่มีนักวิชาการออกมาให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมผ่านทาง สังคมออนไลน์ต่างๆ ในขณะนี้ว่า ผู้รับสาร คือประชาชนควรมีแนวทางการรับข่าวสารก่อนตัดสินใจ ถ้าเป็นข้อมูลทางราชการก็อยากให้ติดตามจากทางราชการมากกว่าช่องทางอื่น เพราะข้อมูลอาจจะไม่ตรงกัน
ส่วนการปล่อยข่าวลือด้านลบโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีนั้น ตนอยากเรียกร้องให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะข่าวที่ปล่อยออกมาได้สร้างความเสียหายทั้งสภาพจิตใจ และการบริหารจัดการปัญหาของรัฐบาลเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤติไปให้ได้
สำหรับกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่ารู้ตัวคนปล่อยข่าวด้านลบของนายกฯ แล้ว โดยเป็นนักการเมืองระดับชาติอยู่เบื้องหลังนั้น ตนในฐานะที่มีขีดความสามารถในการตรวจสอบ ยืนยันว่ากระทรวงไอซีทีกำลังตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอยู่ รวมทั้งข่าวด้านลบในเรื่องอื่นๆ ด้วย โดยมีการตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามการกระทำที่ไม่ถูกต้อง การใช้ข้อมูลเป็นเท็จ รวมถึงการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลางในกรณีอื่นๆ ด้วย ซึ่งตนจะเร่งดำเนินการสืบค้นต้นตอของผู้ที่ปล่อยข่าวลือโดยเร็วที่สุด และขอยืนยันว่าทางกระทรวงจะดำเนินการทุกย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีการกล่าวหาใครทั้งสิ้น
“การแสดงความคิดเห็นที่เกิดขึ้นผ่านทางสังคมออนไลน์ต่างๆ ในขณะนี้ ถือเป็นสิทธิเสรีภาพประชาชน แต่ในสภาวะที่เรายกำลังเผชิญภัยพิบัติ ความร่วมมือและการสร้างความเข้าใจ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ ดังนั้นขอเรียกร้องว่าอย่าใช้เครื่องมือสื่อสารเหล่านี้บิดเบือนทางการเมือง หากแสดงความเห็นด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราน้อมรับแต่ขอให้อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ส่วนจะเป็นกระบวนการเพื่อล้มรัฐบาลหรือไม่นั้น โดยปกติของการบริหารราชการแผ่นดินของทุกรัฐบาล ย่อมจะมีฝ่ายไม่เห็นด้วยเสมอ แต่ในสภาวะแบบี้ไม่ควรมีสี มีข้าง หรือแบ่งพรรคแบ่งพวก อยากให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันเพื่อให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมาระบุว่าไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 แทนการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะไม่เกิดประโยชน์นั้น ว่าพ.ร.บ.ป้องกันฯ ใช้ในการป้องกันภัยธรรมชาติโดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ที่สำคัญ พ.ร.บ.ป้องกันฯ ดังกล่าวเป็นกฎหมายที่ทุกพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ร่วมกันออกกฎหมายฉบับนี้ผ่านสภาฯ ซึ่งทุกพรรคก็เข้าใจตรงกัน ตนจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดพรรคประชาธิปัตย์จึงแสดงความไม่เห็นด้วยกับกฎหมาย ฉบับนี้