ที่มา ข่าวสด
น้อง สาว"ฟาบิโอ"ช่างภาพอิตาลีหนึ่งใน 91 ศพสลายการชุมนุมเปิดเว็บเพจในเฟซ บุ๊ก เผยแพร่ภาพที่พี่ชายถ่ายไว้ระหว่างการชุมนุม และต้อง การให้บุคคลที่ทราบรายละเอียดมาให้ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนญาติเหยื่อ 91 ศพร้องทุกข์อีกรายเป็นพ่อแม่หนุ่มกาฬสินธุ์ มาทำงานในกรุงเทพฯ เผยลูกไม่เคยไปร่วมชุมนุมแต่ต้องเดินผ่านจุดชุมนุมเพื่อไปทำงาน จนสุดท้ายถูกยิงตาย จี้"อภิสิทธิ์-สุเทพ"ออกมาแสดงความรับผิดชอบ และต้องการให้รัฐบาลเร่งหาคนสั่งการสลายการชุมนุมมารับโทษ
ทวงชีวิต - นางนันที และนายราตรี วรรณจักร ชาวกาฬสินธุ์ พ่อแม่นายชัยยันต์ วรรณจักร อายุ 21 ปี เหยื่อสลายคนเสื้อแดง เมื่อ 14 พ.ค. 53 ออกมาทวงความเป็นธรรมให้ลูก เรียกร้องเอาคนผิดมาลงโทษ
ความคืบ หน้าการทวงยุติธรรม 91 ศพเหยื่อสลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.อลิซาเบตตา โปเลงกี น้องสาวของนายฟาบิโอ โปเลงกี ช่างภาพชาวอิตาลีที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 โพสต์ข้อความในเว็บไซต์เฟซบุ๊กของพี่ชายที่ใช้ชื่อว่า "Fabio Polenghi reporter" เพื่อให้ผู้อ่านได้รู้จักนายฟาบิโอมากขึ้น
โดยข้อความดัง กล่าวเชื่อมโยงไปยังหน้าเว็บเพจที่ใช้ชื่อว่า "Who is this man?" หรือ "ชายผู้นี้เป็นใคร" ซึ่งน.ส.อลิซาเบตตาทำขึ้นราววันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติและผลงานของนายฟาบิโอซึ่งน.ส. อลิซาเบตตาระบุว่า เหตุผลที่ทำเฟซบุ๊กนี้เพื่อต้องการให้เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนคดีด้วยความ เชื่อว่าพี่ชายเป็นบุคคลเดียวที่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในวันที่มีการ สลายการชุมนุม และหวังว่าจะมีบุคคลอื่นเข้ามาให้ข้อมูลเบาะแสต่างๆ เพิ่มเติมเพื่อค้นหาความจริงว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับพี่ชายที่หายไป รวมถึงรูปภาพจากเมมโมรี่การ์ดของกล้องนายฟาบิโอ ซึ่งมีความหมายต่อครอบครัวมาก
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 169 หมู่ที่ 11 บ.ยอดแกง ต.ยอดแกง อ.นามน จ.กาฬ สินธุ์ เพื่อพบนางนันที วรรณจักร อายุ 52 ปี และนายราตรี วรรณจักร อายุ 56 ปี แม่และพ่อของนายชัยยันต์ วรรณจักร หรือต้น อายุ 21 ปี ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2553
นางนันทีกล่าวว่า ลูกชายไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านอาหาร ซอยสุขุมวิท 24 ซึ่งลูกชายไม่เคยไปร่วมชุมนุมทางการเมือง เพียงแต่ชอบติดตามข่าวการเมืองเนื่องจากเป็นการต่อสู้ของกลุ่มคนรากหญ้าที่ ต้องการจะเรียกร้องประชาธิปไตย และทุกๆ วันตนและสามีก็จะเปิดโทรทัศน์เพื่อติดตามข่าวโดยเฉพาะในช่วงที่ทหารเริ่มที่ จะเข้าสลายการชุมนุม
นางนันทีกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพยายามติดต่อพูดคุยโทรศัพท์กับลูกชายอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตือนสติให้ระมัดระวังเพราะเส้นทางการทำงานจะต้องผ่านจุดที่มีการ ชุมนุมเกือบทุกวัน แต่แล้วในช่วงของวันที่ 13 พ.ค. 53 ซึ่งมีข่าวเรื่องของการปะทะระหว่างทหารกับประชาชน จนเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ติดต่อกับลูกชายอีกครั้ง ตอนแรกติดต่อไม่ได้แต่สักพักมีเสียงผู้หญิงรับแจ้งว่าเป็นพยาบาลแต่จำไม่ได้ ว่าอยู่ร.พ.ไหน จนวันที่ 14 พ.ค. แพทย์โทรศัพท์มาบอกว่าลูกชายเสียชีวิตแล้ว มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ท้อง
"บอกตามตรงหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์ไม่ เชื่อจริงๆ ว่าลูกชายเสียชีวิต เพราะลูกชายไม่เคยเข้าไปร่วมชุมนุมแน่นอน แต่เมื่อเกิดขึ้นรู้ว่าผลที่ออกมาจากการสลายการชุมนุมเสมือนเป็นการเปิดเกม ไล่ล่าฆ่ากันให้ตายอย่างไม่มีเหตุผล" นางนันทีกล่าวและว่า ช่วงไปติดต่อรับศพลูกชายที่โรงพยาบาล ใบชันสูตรระบุว่าถูกยิงด้วยกระสุนความเร็วสูงจนเสียชีวิต และได้นำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านที่จังหวัดกาฬสินธุ์ในทันทีท่ามกลางความ เสียใจของญาติพี่น้องทุกคน
ด้านนายราตรี พ่อผู้ตายกล่าวว่า ลูกชายเป็นเด็กที่เชื่อฟัง สั่งอะไรก็จะไม่ขัด อีกทั้งที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กเป็นคนเรียนดี ไม่มีประวัติเสียหาย และต้องการที่จะดิ้นรนหาเงินกลับไปเลี้ยงพ่อแม่ จึงต้องการให้รัฐบาลหาผู้ที่ยิงลูกชายไปดำเนินคดี อีกทั้งต้องการให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ความสูญเสียของครอบครัว เพียงเพราะต้องการที่จะแย่งชิงอำนาจที่ได้เอาประชาชนไปเป็นตัวตัดสินปัญหา
"ผม ต้องการให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาแสดงความรับผิดชอบ และเป็นไปได้ต้องการให้รัฐบาลหาคนที่ออกคำสั่งสลายการชุมนุม เพราะการสลายการชุมนุมเป็น การกระทำที่บ้าคลั่ง ไม่คิดว่าคนเป็นคน คิดแต่ว่าคนที่เคลื่อนไหวเป็นศัตรู"
นางนันทีกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ที่ผ่านมาได้รับการเยียวยาจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกฯ เป็นเงิน 50,000 บาท จากรัฐบาลจำนวน 500,000 บาท จากผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ 30,000 บาท และจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จำนวน 50,000 บาท แต่ไม่ว่าจะมีการเยียวยาอย่างไรก็ไม่เท่ากับชีวิตของลูกชายที่เสียไป แม้จะให้เงินเป็นล้านก็ไม่ต้องการแต่เมื่อเป็นเหตุการณ์แห่งประชาธิปไตยก็ ต้องการให้รัฐบาลและทุกฝ่ายจดจำปัญหาความสูญเสียของในแต่ละครอบครัว ที่สำคัญก็ขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี พอกันทีกับการเล่นละครแย่งอำนาจ และควรให้ทุกฝ่ายยุติคำว่าสีเสื้อเพราะทั้งหมดคือเกมที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อ โค่นล้มอำนาจกันเอง