ที่มา Thai E-News
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
28 ตุลาคม 2554
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.เพื่อไทย และแกนนำนปช.เปิดเผยว่า ที่อุดรธานีศาลตัดสินวันนี้ มีพี่น้องเสื้อแดงถูกจำคุกเวลาต่างๆกันรวม 9 คน โทษสูงสุด 22 ปี 6 เดือน ลดหลั่นกันไป ส.ส.อุดรฯกำลังเร่งเรื่องประกันตัว พูดตรงๆไม่มั่นใจว่าผลจะออกมายังไง มุกดาหารจากเมื่อวานก็ยังรออยู่ไม่ได้ข้อสรุป ต้องพยายามกันต่อ
มันยากเย็นจริงหนอ...อิสรภาพของคนเสื้อแดง
บรรยากาศเมื่อครั้งที่จำเลย 22 เสื้อแดงอุดรได้ประกันตัวออกมาสู่อิสรภาพชั่วคราว เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา วันนี้ 9 รายต้องกลับเข้าสู่เรือนจำอีกครั้งหลังศาลตัดสินจำคุก อีก 13 รายยกฟ้องสู่อิสรภาพ
วันนี้ศาลจังหวัดอุดรธานี ได้อ่านคำพิพากษาในคดีที่เกี่ยวข้องกับการเผาสถานที่ราชการเมื่อ 19 พ.ค.53 โดยคดีที่พิจารณารวมกันและอ่านคำพิพากษานี้มีทั้งสิ้น 4 คดี มีจำเลยรวม 22 ราย ตัดสินจำคุก 9 ราย โดยคนที่ถูกตัดสินสูงสุดจำคุก 22 ปี 6เดือน ต่ำสุด 6 เดือน ปรับ 142 ล้านบาท อีก 13 รายยกฟ้องเป็นอิสระ
ประกอบด้วย คดีเผาศาลากลางจังหวัด(คดีดำที่1154/53)อัยการสั่งฟ้องจำเลยทั้งสิ้น 11 คน
คดีเผาสำนักงานเทศบาลเมืองอุดรธานี(คดีดำที่1221/53) ฟ้องจำเลย 5 คน
คดีพยายามเผาที่ว่าการอำเภอเมืองและจวนผู้ว่าฯ(คดีดำที่1155/53) จำเลย 15 คน
และคดีเผาที่ว่าการอำเภอเมือง(คดีดำที่1374/53) สั่งฟ้องจำเลย 1 คน
ทั้งนี้ มีจำเลยที่ถูกฟ้อง 2 คดี จำนวน 6 คน และจำเลยที่ถูกฟ้อง 3 คดี มีจำนวน 2 คน
ทั้งนี้ ข้อหาหรือฐานความผิดมีทั้งฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน,ร่วมกันบุกรุกโดยมีอาวุธ, พยายามวางเพลิงหรือวางเพลิงเผาทรัพย์, ทำให้เสียทรัพย์ที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์, มั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไป และร่วมกันประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด
กรณีของจังหวัดอุดรธานี เจ้าหน้าที่ได้สลายการชุมนุมเมื่อเกิดขึ้นเมื่อไฟไหม้ศาลากลางหลังเก่าแล้ว ราว 4 ช.ม. สำนักงานเทศบาลเมืองลุกไหม้เกือบ 2 ช.ม.แล้ว และผู้ชุมนุมบางส่วนพยายามจะไปที่ที่ว่าการอำเภอเมืองและจวนผู้ว่าฯ อีก จึงเกิดการปิดล้อมทุ่งศรีเมืองและไล่จับประชาชนในบริเวณนั้น มีผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง ร.พ. 4 ราย(ต่อมาเสียชีวิต 2 ราย จับกุม 1 ราย) ถูกจับกุม 45 ราย(บางรายถูกทำร้ายร่างกาย) เป็นหญิง 9 คน เยาวชน 1 คน
ต่อมา ตำรวจออกหมายจับโดยใช้หลักฐานภาพถ่ายทั้งสิ้น 71 ราย จับกุมได้เพิ่ม 7 ราย รวมเป็น 52 ราย ในจำนวนนี้อัยการสั่งฟ้อง 4 คดี รวม 22 คน ที่เหลือปล่อยตัวหลังครบกำหนดฝากขัง 7 ผลัด โดยยังไม่มีการสั่งฟ้อง
ส่วนจำเลยที่ถูกฟ้องทั้ง 22 ราย ในการสืบพยานโจทก์ก็ไม่พบหลักฐานการกระทำผิดที่ชัดเจน
จำเลยมุกดาหารที่ถูกตัดสินคุก20ปีฆ่าตัวตาย หมอช่วยชีวิตทัน:พ้อผมไม่ผิด
ภาพถ่ายตัดสิน-ศาล ชั้นต้นพิจารณาจากภาพว่าจำเลยช่วยกันขนยางเข้าไปในศาลากลางจริง จึงเชื่อได้ว่า มีการวางแผนและแบ่งหน้าที่กันทำ ส่วนฝ่ายจำเลยต่อสู้ว่า ในวันดังกล่าวมีการเจรจาให้ขนยางเข้าไปเพื่อกดดันรัฐบาลในขณะนั้นให้หยุดฆ่า ประชาชนที่ชุมนุมประท้วงในกรุงเทพฯ ซึ่งตำรวจก็มิได้ห้ามปราม(ดังภาพประกอบ) รวมทั้งจำเลยให้การว่า มีการห้ามปรามกัน และบางคนก็มีการขนยางออกด้วยซ้ำ แม้ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นคนลงมือเผา แต่กรณีนี้กลับไม่มีการยกประโยชน์ให้จำเลยแต่อย่างใด
นายอานนท์ นำภา หัวหน้าสำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ ทนายความคนเสื้อแดงจังหวัดมุกดาหาร ถูกกล่าวหาเผาศาลากลางจังหวัดในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา รายงานว่า หลังจา่กเมื่อวานนี้ ผลคำพิพากษาคดีของศาลชั้นต้นได้ตัดสินยกฟ้อง 16 คน และลงโทษจำคุก 13 คน คนละ 20 ปี ในข้อหาเผาศาลากลาง และศาลชั้นต้นไม่ให้ประกัน และให้ศาลอุทธรณ์ไปพิจารณาให้ประักันตัว ล่าสุดวันนี้ศาลสั่งไม่ให้ประกัน โดย
อ้างเป็นคดีร้ายแรง กระทบความมั่นคง
เศร้า และลำบากใจมากที่ต้องมาบอกข่าวกับบรรดาญาติๆของจำเลยที่มารอหน้าเรือนจำว่า ศาลไม่ให้ประกัน อีกใจนึงก็รู้สึกแค้น จุกที่อก
ทนายอานนท์แจ้งข่าวทางเฟซบุ๊คด้วยว่า ได้เกิดเหตุ 1ใน 13 จำเลยที่ถูกตัดสินจำคุก 20 ปีได้พยายามฆ่าตัวตาย
ญาติจำเลยที่ถูกพิพากษาจำคุก 20 ปีคดีเผาศาลากลางจ.มุกดาหาร เพิ่งโทร.เข้ามาว่า จำเลยฆ่าตัวตายในเรือนจำ รถโรงพยาบาลเพิ่งมารับออกไป อาการยังไงยังไม่รู้ กำลังจะตามไปโรงพยาบาล !-ทนายอานนท์แจ้งข่าวทางเฟซบุ๊คช่วงเช้าวันนี้
ต่อมาอีกราว 1 ชั่วโมงได้แจ้งเพิ่มเติมว่า
ช่วยบอกมันหน่อยว่ายังไม่ตาย จำเลยมีอาการคลุ้มคลั่ง หมอให้ยานอนหลับแล้ว ไม่ได้ดราม่า มีเสียงพึมพำจากจำเลยว่า "ผมไม่ผิด"
ศาลชั้นต้นมุกดาหารได้พิจารณาจากภาพว่าจำเลยช่วยกันขนยางเข้าไปจริง จึงเชื่อได้ว่า มีการวางแผนและแบ่งหน้าที่กันทำ ส่วนฝ่ายจำเลยต่อสู้ว่า ในวันดังกล่าวมีการเจรจาให้ขนยางเข้าไปเพื่อกดดันรัฐบาลในขณะนั้นให้หยุดฆ่า ประชาชนที่ชุมนุมประท้วงในกรุงเทพฯ ซึ่งตำรวจก็มิได้ห้ามปราม(ดังภาพประกอบด้านบน) รวมทั้งจำเลยให้การว่า มีการห้ามปรามกัน และบางคนก็มีการขนยางออกด้วยซ้ำ
จำเลย13ราย ที่ถูกตัดสินจำคุกคนละ20ปีรอฟังคำสั่งประกันตัว แต่ที่สุดศาลชั้นต้นได้โยนให้ศาลอุทธรณ์สั่ง และผลออกมาคือไม่ให้ประกันตัวสู้คดี อ้างเป็นคดีร้ายแรงและผิดต่อความมั่นคง (ภาพและคำบรรยาย:อานนท์ นำภา)
ใน ที่สุดก็ไม่ให้ประกัน ศาลอุทธรณ์สั่งไม่ให้ประกัน ส่งจำเลยทั้ง 13 เข้าเรือนจำ เห็นภาพนี้แล้วอยากเผาเสื้อครุยทิ้ง ผมขอโทษที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากกว่านี้(ภาพและคำบรรยาย:อานนท์ นำภา)
นาย ไมตรี พันคูณ จำเลยคดีเผาศาลากลางอีกคนที่ถูกพิพากษาจำคุก 20 ปี เขาเป็นเสื้อแดงขนานแท้เลยทีเดียว ไมตรีเดินทางเข้าร่วมการชุมนุมกับเสื้อแดงและผ่านเหตุการณ์ 10 เมษา 53 มาพร้อมกับบาดแผล ไมตรีเล่าให้ฟังว่า วันดังกล่าวเขาเป็นแนวหน้าที่วิ่งเข้าผลักดันทหาร และเป็นคนที่ใช้ถังน้ำวิ่งเก็บกระป๋องแก๊สน้ำตาที่โปรยลงมาจากฮ. (พูดพลางโชว์รอยแผลที่ผ่านการไหม้ของแก๊สน้ำตา)
"มันโยนมาเราก็เอาจุ่มน้ำ เราต้องดูแลพี่น้องเรา ผมไม่เคยกลัว 555"
ไมตรีเล่าประสบการณ์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่จริงจังในเนื้อหา เขาเดินทางกลับจากกรุงเทพฯช่วงกลางเดือนพฤษภา 53 ในวันเกิดเหตุเขาไปร่วมชุมนุมที่ศาลากลาง แต่ยืนยันว่าไม่ได้เข้าไปข้างใน เขาถูกจับกุมบริเวณสี่แยกไฟแดงด้านนอกศาลากลาง และโดนทำร้ายร่างกายจากตำรวจตชด.
เขาถูกบังคับให้ลงชื่อในเอกสารที่มีภาพชายปิดหน้าว่าเป็นเขา ศาลเห็นว่า "การที่จำเลยเบิกความว่า ถูกบังคับให้ลงชื่อนั้น เป็นเพียงการให้การเพียงลอยๆ ไม่มีน้ำหนัก และที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เห็น และวิ่งตามจับคนร้ายภายหลังจากก่อเหตุและเบิกความว่าได้วิ่งไล่จับชายพรางใบ หน้าที่แต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวสีดำและสวมทับด้วยเสื้อสีแดง จึงน่าเชื่อถือ เพราะไม่มีเหตุโกรธเคืองที่จะปรักปรำจำเลย และแม้จะจับจำเลยมาได้ปรากฏตามภาพถ่ายที่เปิดหน้าจะปรากฏว่าจำเลยใส่เสื้อ ยืดสีขาว ก็อาจเป็นไปได้ว่าจำเลยได้เปลี่ยนเสื้อเพื่อมิให้มีการจดจำได้ จึงเชื่อว่าจำเลยกระทำความผิดจริง..."
ก่อนออกจากศาลไปเรือนจำ ไมตรีพูดเพียงข้อความสั้นๆ "ผมจะสู้คดีต่อ ผมไม่ผิด" (ภาพและคำบรรยาย:อานนท์ นำภา)
คุณ แม่ของสมัคร ลิลุนา จำเลยคดีเผาศาลากลาง จ.มุกดาหาร รอลูกชายโดยหวังว่าจะได้ประกันในวันนี้ แต่ศาลชั้นต้นไม่สั่ง แต่ส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์สั่งแทน ทำให้ต้องรอไปอีกอย่างน้อย 1 วัน นายสมัคร เข้ามอบตัวกับตำรวจ และปฏิเสธมาโดยตลอด สำหรับพยานหลักฐานของเขากับโทษ 20 ปี ศาลกล่าวว่า "แม้ไม่มีภาพถ่ายของจำเลย แต่จำเลยรับว่าเป็นคนขับสามล้อ และรับจ้างเอายางมาส่ง แม้จะออกจากศาลากลางไปแล้ว แต่เชื่อว่า บุคคลทั่วไปย่อมทราบ และหลีกเลี่ยงที่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ จึงเชื่อได้ว่าจำเลยได้ร่วมกับพวกเผาศาลากลาง..."(ภาพแและคำบรรยาย:อานนท์ นำภา)
เปิดคำพิพากษาศาลมุกดาหาร
เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ นางวรพรรณ รักความสุข ผู้พิพากษาศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา ที่พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองมุกดาหาร ยื่นฟ้องสมาชิกกลุ่มเสื้อแดง จังหวัดมุกดาหาร ฐานความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ ร่วมกันทำลายทรัพย์สิน และวางเพลิงเผาอาคารศาลากลางเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ซึ่งมีผู้ถูกส่งฟ้องรวมทั้งสิ้น 29 คน
โดยศาลใช้เวลาอ่านรายละเอียดการเบิกคำให้การของพยานแวดล้อมที่อยู่ใน เหตุการณ์ โดยพิจารณาจากภาพถ่ายทำให้ศาลเชื่อว่าจำเลยช่วยกันขนยางเข้าไปและมีการวาง แผนและแบ่งหน้าที่กัน ก่อนมีคำพิพากษาตัดสินลงโทษและยกคำฟ้องจำเลย ซึ่งใช้เวลาอ่านคำตัดสินประมาณ 2 ชั่วโมง โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมารักษาความสงบเรียบร้อยกว่า 500 นาย พร้อมชุดตรวจหาวัตถุระเบิดจาก ตชด.23 มาดูแลอย่างเข้มงวด
ศาลจังหวัดมุกดาหาร พิพากษา ให้จำคุก 20 ปี 13 ราย ในข้อหาความผิดบุกรุกสถานที่ราชการ ร่วมกันทำลายทรัพย์สิน และวางเพลิงเผาอาคารศาลากลางจังหวัด ส่วนอีก 16 ราย ศาลมี คำพิพากษาให้ยกฟ้อง เนื่องจากไม่มีหลักฐานอื่นที่แสดงว่าโจทก์ ได้ร่วมกระทำความผิดอื่นตามฟ้อง
หลังศาลอ่านคำพิพากษา เจ้าหน้าที่เรือนจำได้นำตัวผู้ต้องหาลงจากบัลลังก์ เพื่อนำกลับเข้าไปควบคุมไว้ที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ส่วนผู้ที่ถูกยกฟ้อง เมื่อออกมาจากห้องพิจารณาคดีต่างร้องไห้และสวมกอดกับครอบครัวที่มาให้กำลัง ใจ
ขณะที่นายนิสิต สินธุไพร แกนนำกลุ่มนปช. ที่เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มเสื้อแดงมุกดาหารกล่าวว่า จะยื่นขอประกันตัวทั้ง 13 คน โดยใช้เอกสิทธิ์ ส.ส. 7 คน เงินประกันคนละ 600,000 บาทเพื่อยื่นขอประกันทั้ง13 คนโดยเร็ว และขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้ที่ถูกตัดสินจำคุกด้วย ทั้งนี้ จะหาแนวทางดูแลให้ดีที่สุด
สำหรับผู้ต้องขังที่โดนพิพากษาจำคุก 20 ปี ทั้ง13คนได้แก่ นายดวง คนยืน นายทวีศักดิ์ แข็งแรง นายณัฐวุฒิ พิกุลศรี นายไมตรี พันธ์คูน นายวิชัย อุสุพันธ์ นายวิชิต อินตะ นายพนม กันนอก นายวินัย ปิ่นศิลปชัย นายนพชัย พิกุลศรี นายสมัคร รุนลิลา นายแก่น หนองพุดสา นายทินวัฒน์ เมืองโคตร และนายประคอง ทองน้อย