ที่มา Thai E-News
จริงๆกรุงเทพฯต้องถูกน้ำท่วมไปนานแล้ว แต่ได้พระเจ้าตาก และ พระปิยะมหาราช ขี่ม้าทรงยื่นขวางลำน้ำอยู่ ช่วยไม่ให้กรุงเทพฯถูกน้ำท่วม แต่ตอนนี้ม้าตัวผอมเซียว ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ม้าจะหมดแรง พูดจบ น้ำตาท่านก็ไหลออกมา ท่านบอกว่า เวลาไปที่วงเวียนใหญ่ หรือพระบรมรูปทรงม้า ให้กราบไหว้โดยนำหญ้าที่ม้ากิน เพื่อให้ม้ามีกำลังยืนต่อไป..จะเชื่อหรือไม่ก็ได้...แต่กรุณาอย่าลบ หลู่...!เพราะมันสำคัญต่อชีวิตเราและลูกหลานในอนาคต
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ฟอร์เวิร์ดเมล์นี้มีต้นกำเนิดจากย่านสีลม ซึ่งรัฐบาลพยายามปกป้องจากน้ำท่วมอย่างที่สุด เรื่องนี้ยังได้สะท้อนโลกทัศน์ของชนชั้นกลางกรุงเทพฯที่มีนิยามว่าสลิ่ม ประการที่สำคัญคือ พวกเขารังเกียจพวกนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และฝากความหวังไว้กับศรัทธาบารมีของระบอบราชาธิปไตยอย่างไรด้วย หากจะหวนไปนึกถึงกรณีฟอร์เวิร์ดเมล์"พายุนาร์กีส"ในอดีต ซึ่งเรื่องราวคล้ายๆกัน (ได้คงตัวสะกดตามต้นฉบับFWM)
หรืออีกบางทีชนชาวสลิ่มกรุงเทพฯอาจต้องการหลุดโลก หลีกหนีไปจากความจริงที่ว่า่ ที่พวกเขาไม่เจอน้ำท่วมเลยนั้น ก็เพราะมีคนเขตกรุงเทพฯรอบนอกต้องรับบทผู้เสียสละไว้แทน...
FW: ทำไม ??กรุงเทพถึงไม่ถูกน้ำท่วม อ่านแล้วขนลุก!! จะเชื่อหรือไม่ก็ได้...แต่กรุณาอย่าลบหลู่...!ขอร้องว่าจะต้องอ่านให้จบ เพราะมันสำคัญต่อชีวิตเราและลูกหลานในอนาคต
พอดีเมื่อวานไปถวายเทียนพรรษาที่วัดหลวงพ่อโอภาษีครับ
คิดว่าเพื่อนๆที่อยู่แถวพระราม2 คงรู้จักกันทุกคน เข้าเรื่องเลยนะครับ ผมก็ไปกับที่บ้านรวม 5 คน เข้าไปถึงกุฎิที่พ่อผมบอกว่า เป็นพี่ชายของเจ้าอาวาส เป็นหลวงพ่อ อายุราวๆ 70 ตาซ้ายเสียอ่ะครับ
เห็นบอกว่าองค์นี้เก่งมากก็เข้าไปถวายเทียนพรรษา พร้อมๆกับอีกหลายๆคน ที่มาหาหลวงพ่อเช่นกัน พอถวายเทียนเสร็จหลวงพ่อท่านก็เล่าว่าท่านนิมิต(ฝัน)ว่า ท่านได้ไปนรกครับไปเจอเท้าเทพสุวรรณ(ยมฑูต)
ท่านก็เล่าว่า ท่านถามสุวรรณว่าท่านตายแล้วเหรอ? สุวรรณบอกว่าท่านยังไม่ตายแต่จะพาไปเที่ยว
แล้วเค้าก็พาหลวงพ่อเดินไป เดินไปเรื่อยๆ จนถึงระยะหนึ่ง หลวงพ่อหยุดเดิน สุวรรณที่เดินนำ ก็เดินกลับมาครับ แล้วถามว่า หยุดทำไม?
ท่านก็ตอบว่า เดินตั้งนานแล้วในนรกไม่เห็นมีอะไรเลย
ระหว่างนั้นท่านก็บรรยายบรรยกาศของนรกว่า นรกมีไฟเพลิงสีส้มแดง แต่ไม่มีควัน แล้วก็ไม่ร้อน ที่ท่านไม่ร้อนเพราะท่านมีบุญดีอยู่ แล้วสุวรรณก็ถามต่อครับว่า อยากเห็นอะไรละ? ท่านตอบว่า อยากเห็นต้นงิ้ว และกะทะทองแดง
สุวรรณบอกว่าไม่มีหรอก มนุษย์อุปโลกข์ขึ้นมาเองทั้งนั้น ในนี้มีแต่ไฟโลกัณฑ์ เดินไปอีกหน่อยแล้วจะรู้เอง ท่านก็ได้เดินต่อไป สิ่งที่ท่านเห็นก็คือ เหวที่มีไฟแดงฉาน อยู่ข้างล่าง สุวรรณบอกว่า ใครทำกรรมชั่วมากก็จะอยู่ข้างล่างสุด ทำกรรมชั่วน้อยก็จะอยู่ข้างบน ซึ่งข้างล่างจะร้อนกว่าข้างบน
คราวนี้เดินต่อไปเรื่อยๆ ท่านก็เห็นทางสามแพร่ง มีน้ำกันอยู่ จึงได้ถามสุวรรณว่านี้คืออะไร สุวรรณตอบว่านี่คือทางไปนรก สวรรค์ โลกมนุษย์ ซึ่งมีคนยืนในช่องทางไปโลกเยอะมากๆ มีบางคนแอบซุกเพื่อหลบน้ำที่จะต้องผ่าน ท่านจึงถามว่าน้ำนี่คืออะไร สุวรรณตอบว่าน้ำนี่ใช้ชะล้างจิตใจ ให้ลืมอดีต แล้วไปเกิดใหม่ คนที่หลบหลีกน้ำนี้ไปได้จะต้องเป็นทุกข์ (ที่เข้าใจคือระลึกชาติได้)
แล้วท่านก็เล่าว่า พวก สส.ที่มันได้ดีเพราะมันกินบุญเก่า เหมือนปลูกต้นแอปเปิ้ลไว้ ตัวเองปลูกตัวเองก็ได้กิน เมื่อต้นแอปเปิ้ลหมดก็อดกิน ก็เหมือนกับพวก สส. ที่กินบุญเก่าอยู่ เราไม่สามารถไปทำอะไรเค้าได้ ต้องรอ ให้เค้าหมดบุญไปเอง
หลวงพ่อท่านก็ถามสุวรรณต่อว่าวิญญาณมนุษย์ ไปเกิดก็เยอะ แล้ววิญญาณที่ยังอยู่ที่โลกก็เยอะ ทำไมไม่จับมาให้หมด สุวรรณก็ตอบว่า
จับมาไม่ได้เพราะเค้ายังไม่หมดอายุขัย ร่างกายคนเรา มี สังขาร (ร่างกาย) และจิตวิญญาณ เมื่อละสังขารแล้ว แต่ยังไม่ละจิตวิญญาณ คือยังไม่ถึงที่ตาย เช่นพวก ฆ่าตัวตาย หรือถูกรถชนตาย วิญญานก็จะต้องวนเวียนอยู่ ในโลกไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ละวิญญาณแล้ว ถึงจะไปรับมาได้
ท่านจึงถามต่อว่า พ่อหลวงจะมีอายุยืนยาวไหม? สุวรรณตอบว่า ท่านสิ้นอายุขัยแล้วแต่มีคนต่ออายุขัยให้ท่าน ซึ่งก็คือพี่สาวของท่านเอง
แล้วประเทศไทยละจะเป็นอย่างไรต่อไป? สุวรรณตอบว่า บอกไม่ได้ แล้วหลวงพ่อก็เดินต่อไปอีก
คราวนี้ไปเจอแอ่งน้ำลักษณะเหมือนเขื่อน ซึ่งมองไปที่กำแพงกั้นน้ำ สิ่งที่ท่านเห็นคือ ม้าตัวผอมเซียว ซึ่งมีพระเจ้าตาก และ พระปิยะมหาราช ยื่นขวางลำน้ำอยู่ ท่านบอกว่า ที่เห็นอยู่คือกษัตริย์เก่าๆ ช่วยไม่ให้กรุงเทพฯ ถูกน้ำท่วม จริงๆกรุงเทพฯต้องถูกน้ำท่วมไปนานแล้ว แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ม้าจะหมดแรง จากความหนาวของน้ำ และการอดอาหารมานาน หลวงพ่อท่านพูดจบ น้ำตาท่านก็ไหลออกมา
แล้วบอกให้ทุกคนที่ได้รับฟัง เรื่องราวของท่านว่า เป็นนิมิตของท่าน จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ เพราะท่านก็ยังคิดว่า เป็นความฝันของท่าน...
แต่ท่านก็กำชับกับทุกๆคนเอาไว้ว่า เวลาไปที่วงเวียนใหญ่ หรือพระบรมรูปทรงม้า หรือที่ไหนก็แล้วแต่ที่มี พระบรมรูป ให้กราบไหว้โดยนำ หญ้าที่ม้ากิน ล้างให้สะอาดไปถวายด้วย เพื่อให้ม้ามีกำลังยืนต่อไปได้
ผมก็คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ทุกคนมองข้ามไปจริงๆ เพราะคนส่วนมากเวลาไปไหว้ ก็จะนำแต่ดอกไม้ไปไหว้เท่านั้น สิ่งหนึ่งที่ผมคิดคือมันแปลกมากที่อยู่ๆ เข้าไปถวายเทียนแล้วท่านก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ในเมื่อมีโอกาสได้รับรู้ก็ควรเผยแพร่ แก่ทุกๆคนครับ
ก็อยากจะฝากเพื่อนๆ แต่อันนี้ สุดแล้วแต่ความเชื่อครับ ขอบคุณครับ
ส่งต่อให้คนที่คุณ รัก /ห่ว ง ส่งต่อเพื่อน และครอบครัว!!
fw ต่อให้อีก 30 คนแล้วชีวิตคุนจะมีแต่ความสุข !!!!!!
แซ่ซร้องพระปรีชาญาณยาวไกล
อีกเรื่องที่มีการนำไปกล่าวถึงกันมากคือพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 7 พฤศจิกายน 2553 หรือเมื่อปีที่แล้ว ที่พาดหัวข่าวว่า
ในหลวงห่วงพสกนิกร ถึง"สุบิน" ว่าน้ำท่วมกรงเทพฯ
ในฝัน-ยังทรงห้าม พยาบาลปิดหน้าต่าง นายกฯเผยทรงแนะ วิธีแก้ปัญหาอุทกภัย
โดยข่าวสดนำเสนอข่าวว่า เผย ′ในหลวง′ ทรงห่วงใยราษฎรผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างมาก ถึงกับทรงพระสุบินว่าน้ำท่วมกรุงเทพฯ
ดร.ภาธร ศรีกรานนท์ หนึ่งในคณะผู้จัดทำโครงการเพลงพระราชนิพนธ์นิวออร์ลีนส์แจ๊ซถวายในหลวง เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2553 เปิดเผยว่า เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมสร้างความเดือดร้อนกับประชาชน (ในปี2553) พระองค์ท่านก็ทรงเป็นห่วงจนถึงกับทรงพระสุบินว่าน้ำท่วมกรุงเทพฯ แล้วมีนางพยาบาลในพระสุบินมาปิดหน้าต่าง ก็รับสั่งว่าปิดทำไม พระองค์ท่านเป็นห่วงประชาชน
มีผู้นำข่าวนี้มาตั้งเป็นกระทู้ในเว็บบอร์ดพลังจิต เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 พร้อมแสดงความเห็นว่า
พระสุบินของท่านมักเป็นจริงค่ะ แต่ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลของพระองค์ท่าน เลยทำให้มหันตภัยทั้งหลายผ่านพ้นไปได้ด้วยดีค่ะ___________
*********
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:มาอีกแร๊ะ-FWMเรื่องฮาสาดของชาวสลิ่มล่าสุด