WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, December 11, 2011

ใจ อึ๊งภากรณ์:คำถามต่อรัฐบาลเพื่อไทย เรื่องการนำอภิสิทธิ์และพรรคพวกขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ

ที่มา Thai E-News



โดย ใจ อึ๊งภากรณ์

เสื้อแดงทุกคนคงทราบดีว่าทนาย โรเบิร์ด อัมสเตอร์ดัม ได้ส่งเรื่องการก่ออาชญากรรมฆ่าประชาชนเสื้อแดงของอภิสิทธิ์และพรรคพวกเข้าสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศ

และเราคงทราบว่าถึงทุกวันนี้ประเทศไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบรรณต่อธรรมนูญโรม เพื่อยอมรับศาลอาญาระหว่างประเทศ แต่ตอนนี้มีข้อมูลที่นำไปสู่คำถามที่เสื้อแดงทุกคนต้องถามกับรัฐบาลเพื่อไทย

ประเด็นสำคัญที่ทุกคนไม่ควรลืมคือความสำคัญของการนำคนอย่างอภิสิทธิ์ สุเทพ อนุพงษ์ และประยุทธิ์มาขึ้นศาล เพื่อไม่ให้ฆาตกรของรัฐอำมาตย์ลอยนวล และเพื่อไม่ให้วีรชนเสื้อแดงตายเปล่า เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เช่นกรณี 6 ตุลา หรือพฤษภา 35 เป็นต้น

การนิ่งเฉยไม่ทำอะไรของรัฐบาลเพื่อไทย บวกกับการเดินหน้าปราบคนที่คิดต่างด้วย กฏหมาย 112 หนักขึ้น กำลังทำให้อำมาตย์ ทหาร และคนอย่างอภิสิทธิ์มั่นใจมากขึ้น

ซึ่งเห็นได้จากคำพูดของอภิสิทธิ์กับตำรวจเมื่อวันก่อนว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์จัดการกับการประท้วงของเสื้อแดงเมื่อปีที่แล้วอย่าง “นิ่มนวล”

ในเรื่องการให้สัตยาบรรณต่อธรรมนูญโรม ซึ่งรัฐบาลที่ปกป้องประชาธิปไตยและเสรีภาพทุกรัฐบาลควรลงนาม จะไม่ทำให้เราสามารถนำอภิสิทธิ์และพรรคพวกขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศได้ เพราะจะเป็นการดำเนินคดีย้อนหลัง แต่มันจะมีประโยชน์มากในการห้ามปรามอาชญากรรมของรัฐไทยในอนาคต

คำถามคือ “ทำไมรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ลงนาม?” และเมื่อมีเสื้อแดงถามอดีตนายกทักษิณเรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้ ทำไมมีคำตอบกลับมาว่า จะไม่สนับสนุนการลงนามเพราะ “มีปัญหาส่วนตัว” คือทำไมพร้อมจะมีการลืมและหักหลังวีรชนเสื้อแดงแบบนี้?

ทั้งๆ ที่การให้สัตยาบรรณต่อธรรมนูญโรมจะไม่เปิดโอกาสให้จับอภิสิทธิ์และพรรคพวกมาขึ้นศาล แต่มีอีกวิธีที่ทำได้ทันที คือให้คณะรัฐมนตรีไทยตกลงที่จะ “ยอมรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ ตามมาตรา 12/13 ของธรรมนูญโรม” ซึ่งนำฆาตกรมาขึ้นศาลย้อนหลังได้ เช่นในกรณีอดีตผู้นำประเทศไอวอรรี่โคสต์ ในอัฟริกา

คำถามคือทำไมคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้เลือกที่จะไม่ทำ? แต่เลือกที่จะปราบปรามคนที่คิดต่าง และจำคุกเสื้อแดง?

เมื่อไม่นานมานี้ สส. สุนัย จุลพงศธร ประกาศต่อสื่อมวลชนว่าจะไปกรุงเฮก เพื่อเดินเรื่องอภิสิทธิ์และพรรคพวกกับรองประธานศาลอาญาระหว่างประเทศ ฮันส์ พิเทอร์ โคล แต่คดีนี้ถูกริเริ่มโดย โรเบิรด อัมสเตอร์ดัม และการนัดพบรองประธานฮันส์ พิเทอร์ โคล ริเริ่มโดย “สหภาพเพื่อประชาธิปไตยประชาชน” ซึ่งเป็นองค์กรเสื้อแดงในยุโรป

และปรากฏว่าเมื่อ สส. สุนัยเข้าพบรองประธานศาลก็มีการเปิดทางให้ทูตไทยที่เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเสื้อเหลือง เข้าไปด้วย และรองประธานศาลก็บอกกลุ่มคนไทยที่เข้าพบว่า ศาลอาญาระหว่างประเทศทำอะไรไม่ได้ถ้ารัฐบาลไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลด้วยมติคณะรัฐมนตรี

ตรงนี้คนเสื้อแดงจำนวนมากอาจมีคำถามในใจว่า สส. สุนัย เล่นเกมส์หรือเปล่า? คือสร้างภาพเพื่อกล่อมเสื้อแดงว่าพรรคเพื่อไทยกำลังเดินเรื่อง แต่ในรูปธรรมไม่ทำอะไร และให้อำมาตย์และทูตต่างประเทศรู้ด้วยว่าไม่ทำอะไร? ผมตอบคำถามนี้ไม่ได้เพราะไม่รู้ใจ สส. สุนัย

อีกสิ่งหนึ่งที่เสื้อแดงควรรับทราบคือ ถ้ารัฐบาลไทยประกาศนิรโทษกรรมทุกคนที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ความขัดแย้งในวิกฤตไทยหลังรัฐประหาร ๑๙ กันยา เพื่อการ “ปรองดอง” ศาลอาญาระหว่างประเทศจะไม่สามารถทำอะไรกับอภิสิทธิ์และพรรคพวกได้

นอกจากการถามคำถามกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยแล้ว เราต้องตั้งคำถามกับแกนนำ นปช. ว่า “ทำไมไม่รณรงค์เคลื่อนไหวเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรี ยอมรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ ตามมาตรา 12/13 ของธรรมนูญโรม เพื่อนำอภิสิทธิ์และพรรคพวกมาขึ้นศาลทันที?

และเราต้องถามรัฐบาลด้วยว่า ถ้าไม่อยากใช้ศาลอาญาระหว่างประเทศ ทำไมไม่แจ้งความจับฆาตกรที่สั่งฆ่าประชาชนเมื่อปีที่แล้ว และนำมาขึ้นศาลไทยเอง?

ในเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมเป็นวันสิทธิมนุษยชน เราต้องถามและกดดันรัฐบาลอีกว่าเมื่อไรจะ

ปล่อยนักโทษการเมืองทุกคน และยุติการใช้กฏหมาย 112 ตามคำเรียกร้องของสหประชาชาติ?

********

เรื่องเกี่ยวเนื่อง:

สุนัยเยือนศาลอาญาระหว่างประเทศยื่นหนังสือร้อง91ศพพฤษภาเลือดในไทย ICCบอกรออยู่พอดี

-ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช :ประเทศไทยกับศาลอาญาระหว่างประเทศ

-Big Questions for this government (2): When will you bring those responsible for ordering the killing to justice? What is the difficulty in acceding to International Criminal Court (ICC)?



Yingluck: If we have evidence that the soldiers killed the people, they would have to face jail as determined by the judicial process.
BBC commented that if Yingluck were to be able to do as said, it would be the first time in Thailand history, but BBC expressed doubt.

ฺิBy Thai E-news

อ่านพากษ์ภาษาไทย คำถามตัวโตๆต่อรัฐบาลนี้(2):เมื่อไรจะเอาคนสั่งฆ่าไปขังคุก มันลำบากตรงไหนกับการให้สัตยาบันICC?
The ‘Big Question’ for this government which came from great sacrifice of many of their supporters who lost their lives, limbs, and still continue to be ‘iron wall’ for the government is--- when will you release those on the side that got killed to freedom, and when will you put those that kill in prison.
Question No. 2: When will you bring the killers to justice? When will you accede to the Rome Statute of the ICC?


The cases still pending in DSI, the new government had transferred the 16-death case which including 3-death case in Wat Prathum to the DSI. At Wat Prathum, there was evident that soldiers fired from BTS rail. The DSI also indicated that the deaths resulted from the military, and wanted the police to continue its investigation.

Latest, Col Sansern Kaewkamnerd, spokesperson for the Centre for the Resolution of the Emergency Situation (CRES), said CRES came into existence through the Executive order of then Prime Minister Abhisit Vejjajiva, while Suthep Tueksuban, deputy prime minister, was CRES Chairman.

It can simply state that the military will not be able to act in dispersing the Red Shirts without having special order from CRES, which in turn got its from Abhisit and Suthep.

Col Sansern, again, stated in the press conference yesterday (22 November 2011) that he witnessed this.
…………
“My testimony did not intend to direct or point finger at anyone. As to how Mr. Abhisit and Mr. Suthep would take this, I am not sure how they feel, but all of us had duties to do. They had theirs; military had its own”.

………………………
The Big Question is when will the government bring Abhisit, Suthep to justice?

Police Major Gen Anuchai Lekbamrung, deputy metropolitan commissioner, who is head of police investigation unit on the 16-death stated that the investigation was under his control, but filing charge was under DSI control. It is the responsibility of the DSI to bring whomever to justice.

The Big Question following the previous question is how much confidence or trust should we have on the DSI bringing charge to Abhisit, Suthep, and military leaders who ordered the firing to kill?

When the BBC documentary, Thailand – Justice Under Fire, reported conversation with anonymous DSI official that said:

……………….
“(DSI) has policy to blame the Red Shirts in every case as much as possible. If you could not find the perpetrator, blame the Red Shirts. This is the order from the chief of DSI”.

“If you could not find who fired the shot, you have to assume that the Red Shirts and their supporters did it”.
………………..

The Big Question is, will Tharit Pendit, chief of the DSI, continue to have this same policy in the new government?

The Big Question for the government who is boss of DSI is, if he obstructs, why keep him?

Another Big Question is, when Chalerm made comment that Abhisit and Suthep would ‘shaking all over’ and would ‘lost some sleep’ when they learnt about the finding of 92-death case. Is this real or just ‘talk’? Up until now, Mark-Tuek still around. Even ‘ThepTuek’ had admitted at Rachaprasong before July 3 elections that he issued the order firing to kill.



I ordered everything I am responsible , Suthep
So, what is the wait? After one and half year had passed, why justice cannot even touch ‘Mark-Tuek little pinky fingers’?

The problem is in the ‘double standard’ of Thai justice system in the past 5-6 years. Thai people and the international community all lost faith. Should Mr. Tharit had a change of heart, and prosecuted the 92-death case faithfully and straightforwardly; how much trust can we have on the other elements within the judicial process such as attorney- general, judge, prison administration, etc.?

This was why the International community trying to persuade the Thai government to fight against impunity by acceding to the Rome Statute of the International Criminal Court (ICC).

On 3 October 2011, the Coalition for the International Criminal Court – CICC sent a letter to Yingluck government pledging with Thailand to join the ICC. The letter read in part:

---the Coalition—a global network of more than 2,500 civil society organizations in 150 countries advocating for a fair, effective and independent ICC—urged the government of Thailand to move forward with the accession process of the Rome Statute.

Thailand’s accession to the Rome Statute would provide an important example to other ASEAN member states. “Thailand, as a leading country in the ASEAN, has been in the forefront of promoting human rights in the region,” noted Evelyn Balais-Serrano, the Coalition’s regional coordinator for Asia-Pacific. “With a new government, it is time to consider ratification of the Rome treaty in its efforts to forge unity among its people and its neighbouring countries. Its commitment to ending impunity and pursuing justice for victims of past conflicts are in line with the goals and spirit of the Rome Statute and the ICC,” she stated.

The Coalition also recalled Thailand’s participation in the Rome Conference and its subsequent steps toward accession. In recognition of some legal challenges that have surfaced with regards to compatibility between the Rome Statute and Thai domestic legislation, the Coalition called on Thailand to draw examples from states parties that have successfully addressed similar compatibility issues. By addressing these issues, the new government would demonstrate its commitment to the protection and promotion of human rights.

“As it undergoes major reforms, the new administration would benefit from accession to the Rome Statute, as it would show the Thai people’s concern for and solidarity with the sufferings of victims of conflicts in Asia and around the world,” stated Dr. Taejing Siripanich, commissioner of the Thai Human Rights Commission and head of the ICC Working Group in Thailand.

……………

The attempt to have Thailand joined the ICC in October failed, because maybe in part due to massive flooding problem that took all the government attention.

A Big Question for this government is, should the flooding problem subsided, is it time for the government to join Rome Statute as a way to bring heinous criminal to justice through the ICC?

In the Rome Statute Part 2, Article12 Section 3, there is a provision that allows the criminal to be prosecuted by the ICC even though the country is not the signatory to the ICC. It requires only country’s acceptance of the ICC jurisdiction.

So why waits?



It’s obvious, the ‘big question’ for this government which came from great sacrifice of many of their supporters who lost their lives, limbs, and still continue to be ‘iron wall’ for the government is--- when will you release those on the side that got killed to freedom, and when will you put those that kill in prison.

The old formulaic answer that calls for ‘for reconciliation’ that allows Red Shirts to continue to be in jail, killers allowed to be on the loose, the commanders scot-free awaiting amnesty, and ‘real Commander’ receives ‘worship’ as usual as if nothing had happened, then

The ‘Big question’ remains.

The big question is really this: When will there be justice. If there is no justice, there is no stability. If there is no stability, there is no peace.

So, No Justice, No Peace!

**************
Related Topics:

-Series of ‘Big Questions’ for this Government: First question, Do you have any heart? Why you ignoring the Red Shirts still in Prisons

-Bangkok Post:2010 crackdown complaint to ICC

Pheu Thai party list MP Sunai Julapongsathorn
A complaint will be filed with the International Criminal Court (ICC) in the Netherlands asking it consider last year's crackdown on the red-shirt protesters as a special case, Pheu Thai party list MP Sunai Julapongsathorn said on Monday.
Mr Sunai, in his capacity as chairman of the House committee on foreign affairs, announced this at a press conference in the presence of Pheu Thai list MPs Charuphan Kuldilok, Khattiyaa Sawasdipol and Pol Col Nitiphum Navarat.

The committe chairman said a complaint filed on behalf of Thailand regarding the deaths of 91 people in the crackdown between April 10 and May 19 last year had made little progress, causing pain for the relatives of the dead, who included Ms Khattiyaa, daughter of Maj-Gen Khattiya Sawasdipol or Seh Daeng.

Those who should be held responsible for the deaths were then-prime minister Abhisit Vejjajiva and then-deputy PM security affairs Suthep Thaugsuban, who was director of the Centre for the Resolution of the Emergency Situation (CRES), he said.

To ensure justice for all, Mr Sunai said he would leave for The Hague in the Netherlands on Dec 9 to file a complaint with the ICC, asking that is treat this as a special case.

Ms Charuphan said since the cabinet had ratified the ICC Rome Convention of 2000 in 2009, Thailand is a full member of the ICC and can file a complaint.

Ms Khattiyaa said she had asked the Abhisit government if any progress had been made in the investigation of her father's death but to no avail.

So, the case should instead be in the hands of the ICC to deter criticism which might be made against Prime Minister Yingluck Shinawatra.

Pol Capt Nitiphum said that the decision to send Mr Sunai, as chairman of the House committee on foreign affairs, to The Hague to ask the ICC to accept the case for consideration was intended to ensure justice to all concerned, including Mr Abhisit and Mr Suthep.

*******

10 ‘Smoking Guns’ that Tied Abhisit-Suthep to Crime/10หลักฐานมัดแน่นมาร์ค-เทือกชดใช้หนี้เลือด


บ่ายวันนี้(9ธ.ค.)ระหว่างที่รถของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขับเข้ามาในกองบัญชาการตำรวจนครบาล มีกลุ่มผู้ชุมนุมสวมชุดดำมารออยู่ ราว 20 คน นำโดย"เจ๊ดา แดงเดือด"ดารุณี กฤตบุญญาลัย พร้อมตะโกนประณาม"ไอ้ฆาตกร91ศพ" (ภาพ:สีหน้าชัดๆของอภิสิทธิ์ที่บชน.วันนี้)

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ บอกว่าน่าเอน็จอนาถใจ และไม่เข้าใจว่าเหตุใดกลุ่มคนเหล่านี้ถึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น ทั้งที่พรรคเพื่อไทยที่พวกเขาสนับสนุนได้เป็นรัฐบาลแล้ว ทำไมยังตามรังควานพวกตนอีก

ขณะที่นายอภิสิทธิ์ให้การกับตำรวจโดยปฏิเสธไม่ได้สั่งสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง เขาเพียงแต่ดูภาพรวมนโยบาย การปฏิบัติการเป็นอำนาจของนายสุเทพ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการศอฉ. และผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น พร้อมทั้งนำภาพถ่ายชายชุดดำให้ตำรวจว่ามีส่วนสังหารผู้ชุมนุม



From the documents, eye-witnesses, and reports; is it safe to say that Mark-and-Tuek, were the perpetrators and should be responsible for their crimes?

Is it too much to ask for their arrests and prosecutions? What kind of justice would they receive--- the same as the Red Shirt Arisman Pongruangrong who was denied bail for afraid of fleeing, or something special for the elites?

By Thai E-News

December 9 2011

อ่านพากษ์ภาษาไทย 10 หลักฐานเอกสารมัดแน่นมาร์ค-เทือกชดใช้หนี้เลือดวีรชน

On this December 8-9, former Prime Minister Abhisit Vejjajiva, leader of the Democrat Party, and his then deputy PM Suthep Thaugsuban said they would meet the police investigators on their roles in the death of the 16 Red Shirt protesters during the April-May 2010.

Since both of them were not remorseful, and further accused the current government of ‘Payback politics’


Thaienews would like to present the evidence to our readers’ consideration, that this is NOT ‘about payback politics’, but a crime, a massacre, that both of them have to face the consequences.

They were not witnesses of the crime, but perpetrators of the crime.

1. The following document is the Internal ‘Top Secret’ government document that both Suthep Thaugsuban and Colonel Sansern Kaewkamnerd acknowledged that it was genuine.







The essence of the document is that it showed Abhisit Vejjajiva, the Prime Minister at the time, was the one who issued the order through Suthep Thaugsuban with acknowledgement from the Army Chief, ordering the military to disperse the protesters, which resulted in 92 deaths, over 2,000 injuries, and more than 400 protesters arrested.

2. The following is the ‘Lessons Learned’ document from the military ‘Information operation’, which really a ‘Misinformation operation’, accusing the Red Shirt demonstrators as ‘terrorists’. This misinformation operation laid groundwork for ‘license to kill’ and created an environment for the people to be more amenable to the military actions.

AW-SP-69-81



The essence of this document is that it showed the effectiveness of the ‘Information operation’. Through coordinated operations of the government and the military, many Thais were brainwashed into supportive of the military actions. With Thai media constantly showing the burning images of Central World department store, Siam Theater amongst others, had created impression that the Red shirts were criminal, arsonists, and deserved to die.



3. The following is the ‘Lessons Learned’ document from the ‘Tighten the Cordon operation’ used in dispersing the protesters.






Lesson 7

The essence of this document is that it was clear from the start among the military apparatus that the government had plan to use the military force to pressure the United Front of Democracy against Dictatorship (UDD). They used the military to cordon off the site to pressure the protesters to end the occupation, not to bring back negotiation. On 12 May, then Prime Minister Abhisit, while in the meeting of the Centre for the Resolution of the Emergency Situation (CRES), ordered the military to activate the plan.

This ‘Tighten the Cordon operation’ is a military ‘battle’ plan against the protesters which employed heavy military machineries such as tanks, live ammunitions, and snipers to cordon off the protest site preventing people from going in or out.

4. The following document listed the names of the military commanders involved in the operations on 10 April-19 May 2010.













The essence of the document is that it showed place and time of the military personnel who involved in the operations. It also listed the names and places of protesters killed from the operations, which can be used to implicate those involved.

5. The following is the document from the Truth for Reconciliation Commission of Thailand (TRCT), which Abhisit commissioned. As part of its missions, the TRCT was to investigate and determine the truth about the violence that occurred during April-May 2010. It founded that at least 13 protester deaths were from the military actions.



รายงานความคืบหน้า คอป ครั้งที่ 1

The essence of the report is that at least 13 protester deaths were from the government actions. The report did not mention the so-called ‘Men in Black’ were responsible for any protesters’ death during 10 April-19 May 2010. Investigations into these deaths either by the police or the Department of Special Investigation (DSI) were tainted with political interference, no attempts to bring those responsible to justice. The report did not support any amnesty plan.

6. From the Wongsak Sawasdipanich’s Interview on Suthep’s shotguns request


The Matichon-Weekly issued number 1618 dated 19-25 August 2011 had a report on Wongsak’s refusal to order the provincial governors to turnovers the 300 shotguns to Suthep.

Wongsak said that Suthep phoned him and asked him to turnover 300 shotgun rifles to CRES, but he refused because it was beyond his authority.

He expressed disagreement with using force to settle conflicts no matter what ‘color of shirts’ you are. The conflict should be settled through dialog, not under barrel of a gun. This perhaps made him got transferred from director-general of the Provincial Administration. He later got his old job back.

7. TRCT unveiled charges against Red Shirts were ‘Inflated’




Somchai Hom-laor, chairman of the TRCT’s fact finding subcommittee, said many charges filed against Red Shirts had been inflated and now 53 Red Shirts faced accusations of arson and terrorism, carrying a maximum penalty of death.

He also said police investigators and public prosecutors admitted to being pressured by the Abhisit Vejjajiva government’s policy makers to inflate charges and they had ended up filing ‘indiscriminate’ charges against the Red Shirts demonstrators.

“The feeling of the [Red Shirts] demonstrators is that they are victims of a one-sided judicial process while state officers who have committed crimes to a greater or lesser extent are not being put through the judicial process.” Somchai said according to the Nation.

8. DSI had the policy that ‘came from the top’ to blame the Red Shirts as much as possible.



In the BBC documentary, Thailand – Justice Under Fire, reported a conversation with anonymous DSI official who stated that:

“The DSI has policy to blame the Red Shirts as much as possible. If the perpetrators could not be found, blame the Red Shirts. If you could not find who fired the shot, you have to assume that the Red Shirts and their supporters did it. This order was from the chief of the DSI”.

9. Col Sansern claimed the order to use force came from Mark and Tuek

On 15 November 2011, Col Sansern Kaewkamnerd, spokesperson of the Centre for the Resolution of the Emergency Situation (CRES), said during the police investigations into the bloody crackdown of the protesters during April-May 2010 that CRES came into existence through the executive order of then Prime Minister Abhisit Vejjajiva, while Suthep Thaugsuban as deputy prime minister and CRES chairman.

He stated that the military will not be able to use force in dispersing the Red Shirts without having order from CRES which got its order from Abhisit and Suthep.

10. Suthep admitted at Rachaprasong that he was the one who issued the order.

During the July-3-election rally at Rachaprasong, Suthep Thaugsuban admitted that he ordered everything; “Mark had nothing to do with it”, he was quoted as saying.




I ordered everything I am responsible
..

From the above documents, eye-witnesses, and reports; is it safe to say that Mark-and-Tuek, were the perpetrators and should be responsible for their crimes?

Is it too much to ask for their arrests and prosecutions? What kind of justice would they receive--- the same as the Red Shirt Arisman Pongruangrong who was denied bail for afraid of fleeing, or something special for the elites?