ที่มา thaifreenews
โดย bozo
เขียนโดย JJ_Sathon
ในทุกวัน มีประชาชนชาวไทยหลายคนตระหนักถึง
โศกนาถกรรมของการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 ในยุคใหม่
ทั้งนี้เป็นเพราะมีการการจับกุม การดำเนินคดี และการลงโทษอย่างทารุณ
ที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
ความกังวลเพิ่มระดับสูงขึ้น
เพราะการกระทำอันป่าเถื่อนนี้ไม่ได้ทำลายเหยื่อเพียงอย่างเดียว
แต่ยังทำลายประเทศชาติและสถาบันกษัตริย์อีกด้วย
ประชาชนไืทยได้หมดความอดทนต่อกฎหมายที่ล้าหลัง
และการบังคับใช้กฎหมายบทนี้อย่างไร้สติ
ข้อเท็จจริงคือประชาชนมองว่าประเทศไทยกำลังจะก้าวไปข้างหน้า
ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งต้องตระหนักด้วยว่ามีความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปกฎหมาย
การปฏิรูปไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของความยุติธรรมเพียงอย่างเดียว
แต่ยังช่วยเพิ่มแรงสนับสนุนจากประชาชนที่เลือกพวกเขาเข้ามาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าการปฏิรูปนี้ยังไม่เกิดขึ้น
เพราะแทนที่จะปกป้องประเทศชาติและสถาบันด้วยการยืนหยัดต่อสู้ในสิ่งที่ถูกต้อง
แต่ผู้แทนประชาชนอันทรงเกียรติกลับมุ่งเอาชนะคะคานกันว่าใครจะสุดโต่งและบ้าคลั่งมากกว่ากัน
ไม่น่าแปลกใจ
หากพรรคที่มีอุดมการณ์ไม่ตรงกับชื่ออย่างพรรคประชาธิปัตย์
จะใช้กฎหมายมาตรา 112 ทำลายความเข้มแข็งของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่าประชาชนจะรู้สึกไม่สบายใจกับการกระทำดังกล่าวมากขึ้นทุกวันก็ตาม
พรรคประชาธิปัตย์ไม่สนใจที่เจะอาชนะในการเลือกตั้ง
สำหรับพวกเขาแล้ว การทำให้รัฐบาลอ่อนแอคือการสร้างเชื้อเพลิงความเกลียดชัง
ในกลุ่มคนบ้าคลั่งกลุ่มเล็กๆ
ซึ่งเป็นพวกเดียวที่ช่วยปูทางให้นายอภิสิทธิ์ขึ้นสู่อำนาจในปี พ.ศ.2551
รองโฆษกหัวรุนแรงหน้าใหม่ของพรรค นางสาวมัลลิกา บุญมีตระกูลทำงานอย่างเป็นอิสระ
เพราะการสมรู้ร่วมคิดโดยการเงียบเฉยของหัวหน้าพรรค
นางสาวมัลลิกาทำให้ประเทศไทยกลายเป็นตัวตลก
เพราะข้อเสนอให้ปิดประเทศของเธอ
เนื่องจากของความมั่นคงประเทศกำลังถูกคุกคามโดยเวปไซต์ยูทูปและเฟคบุ๊ค
พรรคเพื่อไทยรู้ดีกว่านี้ แกนนำพรรคและกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคต้องทนทุกข์
จากความอัปยศทีู่ถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน
เพราะเหตุผลทางการเมือง พวกเขาหลายคนเข้าใจดีว่า
กฎหมายมาตรา 112 ทำลายประเทศชาติและสถาบันกษัตริย์อย่างไร
และยังรู้ด้วยว่าประชาชนที่ถูกสังหารในปี 2553 เสียสละชีวิตของพวกเขา
เพื่อสิ่ิงที่ยิ่งใหญ่กว่าการเปลี่ยนรัฐบาล
เพราะเหตุนี้ มันจึงเป็นเรื่องน่าโมโหและผิดหวังมากกว่าที่ได้ยินสมาชิก
ในคณะรัฐมนตรีประกาศว่ารัฐบาลจะเพิ่มการสอดส่องพฤติกรรมของประชาชน
ปิดกั้นข่าวสาร และจับกุมประชาชนมากขึ้น
เป็นไปได้ว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะรู้สึกกดดันให้ใช้คำพูดในลักษณะแบบนี้
และยึดแนวนโยบายของทหารและพรรคประชาธิปัตย์
เพื่อจะทำให้กลุ่มอำมาตย์รู้สึกมั่นใจและป้องกันการเกิดรัฐประหารอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี รัฐบาลจะต้องไม่อ่อนข้อให้กับกองทัพหรือพรรคทหาร
โดยให้คนกลุ่มนี้มาควบคุมนโยบายเสรีภาพทางการแสดงออก
ความกลัวว่าจะเกิดรัฐประหารไม่สามารถกลายเป็นอาวุธ
ที่กลุ่มอำมาตย์ใช้ปราบปรามพรรคเพื่อไทยได้
แต่กลุ่มอำมาตย์จะทำให้เพื่อไทยแพ้ภัยตนเอง
โดยการทำให้เพื่อไทยทอดทิ้งอุดมการณ์ของตน
และทำให้กับประชาชนที่สนับสนุนพรรคสงสัยว่าพวกเขาต่อสู่เพื่ออะไรกันแน่
รัฐบาลนี้ขึ้นสู่อำนาจมาตามแนวทางประชาธิปไตย
และประชามติของประชาชนเพื่อจะนำพาประเทศ
ก้าวข้ามผ่านหลุมกับดักของการไม่ยอมรับความแตกต่างและความกลัว
ความสำเร็จและความชอบธรรมของรัฐบาล
จะแสดงให้เห็นผ่านทางความสามารถของรัฐบาลที่จะรวมรวมความเข้มแข็ง
ที่จะปฏิรูปตัวบทกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายที่ถ่วงความเจริญของประเทศ
การปฏิรูปนี้ไม่เพียงแต่จำเป็นสำหรับประเทศไทย
ในแง่ของการปฏิบัติตามพันธกรณีที่มีต่อกฎหมายระหว่างประเทศ
ตามที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติแนะนำ
ในวันศุกร์ที่ผ่านมาเท่านั้น
แม้แต่บุคคลที่มีแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมอย่าง นายอนันต์ ปัญยารชุน
และคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ
ซึ่งจัดตั้งโดยรัฐบาลที่แล้วยังสนุบสนุนการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 อย่างครอบคลุม
เนื่องจากจำนวนของประชาชนที่ถูกจับกุมมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
ซึ่งมีจำนวนมากกว่าในอดีต ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะหันหน้ามาพูดคุยกัน
เรื่องอนาคตดประเทศอย่างเป็นมีวุฒิภาวะ
มันเป็นเรื่องชัดเจนว่าสมาชิกบางคนในพรรรคเพื่อไทยเชื่อว่า
การปรองดองสามารถเกิดขึ้นได้โดยปราศจากนิติรัฐ
ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
การดำเนินคดีตามกฎหมายมาตรา 112 ละเมิดกฎขั้นพื้นฐานที่สุดขอ
หลักนิติรัฐ นั้นคือ
“หลักที่ว่าประชนต้องได้รับการบอกกล่าวถึงรายละเอียดของข้อกฎหมาย”
เนื่องจากไม่สามารถเข้าใจอย่างชัดเจนได้ว่าข้อความใดบ้าง
ถือเป็นองค์ประกอบความผิด
ไม่มีประชนที่ปฏิบัติตามกฎหมายคนไหนสามารถเข้าใจได้อย่างครอบคลุมและชาญฉลาด
และสามารถใช้สิทธิตามประชาธิปไตยได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ การข่มขู่ว่าจะดำเนินคดี ลดตำแหน่ง
และจัดการกับเจ้าหน้าที่
ที่ไม่ยอมบังคับใช้กฎหมายมาตราอาญา112
ตำรวจ อัยการ และผู้พิพากษาจึงไม่สามารถใช้ดุลพินิจอย่างรอบคอบ
ที่อาจช่วยให้มีการใช้กฎหมายมาตราอาญา112 อย่างสมเหตุสมผลและยุติธรรมได้
เมื่อพิจารณาการลงโทษจำคุกในคดีละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112
ล่าสุด ซึ่งร้ายแรงกว่าผู้กระทำผิดฐานฆาตกรรม
คนที่ถูกกล่าวหาจึงมีสถานะเป็นนักโทษทางการเมืองในทันที
แม้แต่องค์กรนิรโทษกรรมสากลในประเทศไทย
ยังอดไม่ได้ที่จะให้ความเห็นกับสถานการณ์นี้
ข้อเท็จจริงที่ว่าองค์กรนิรโทษกรรมสากลถูกกระตุ้นให้ทำ
ในสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถทำได้ภายใต้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
นั้นคือสัญญาณที่ชัดเจนว่าว่าการดำเนินคดีประเภทนี้ได้เดินทางมาถึงจุดที่บ้าคลั่งอย่างแท้จริง
http://www.go6tv.com/2011/12/112_419.html