WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, December 15, 2011

ปธน.ใหม่ ตูนีเซียกล่าวปฏิญาณ บอกไม่ลืมผู้เสียชีวิตจากการปฏิวัติ

ที่มา ประชาไท

มอนเซฟ มาร์ซูวคี ประธานาธิบดีคนใหม่ของตูนีเซียอดีตนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชน ได้กล่าวให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะรักษาผลประโยชน์ของชาติ ปกป้องเป้าหมายการปฏิวัติ พร้อมทั้งแสดงการคารวะต่อเหล่าผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ลุกฮือเพื่อโค่นล้ม อดีตปธน. เผด็จการ และบอกว่าจะช่วยเหลือพี่น้องผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในเยเมนและซีเรีย

ประธานาธิบดีคนใหม่ของตูนีเซีย มอนเซฟ มาร์ซูวคี ได้กล่าวให้สัตย์ปฏิญาณต่อหน้าสภารัฐธรรมนูญ ในขณะที่ประเทศตูนีเซียมาถึงช่วงเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ใหม่หลังจากที่ สามารถลุกฮือโค่นล้มอดีตประธานาธิบดี ซีเน เอล อบีดีน เบน อาลี ได้สำเร็จ จากการปฏิวัติ "อาหรับสปริง"

"ข้าพเจ้าจะเป็นผู้ค้ำประกันผลประโยชน์ของประเทศชาติ ตามหลักกฏหมายและสถาบัน ข้าพเจ้าจะซื่อสัตย์ต่อผู้พลีชีพ และต่อเป้าหมายของการปฏิวัติ" มาร์ซูวคีกล่าวให้สัตย์ปฏิญาณในช่วงเช้าของวันที่ 13 ธ.ค. โดยถือคัมภัร์อัลกุรอานไว้ในมือ

มาร์ซูวคีสวมผ้าคลุมยาวตามประเพณีของชาวอาหรับ ในขณะที่กล่าวให้สัตย์ว่าจะเป็นประธานาธิบดีของชาวตูนีเซียทุกคนและจะทำ ทุกอย่างเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเหล่าเพื่อนร่วมชาติ

นอกจากนี้เขายังได้ให้การคารวะเหล่าผู้ที่เสียชีวิตจากการลุกฮือเพื่อโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีเบน อาลี เมื่อปีที่ผ่านมาด้วย

"หากไม่มีการเสียสละจากพวกเขาแล้ว ข้าพเจ้าก็คงไม่มาอยู่ในที่นี้" มาร์ซูวคี ผู้เป้นอดีตนักกิจกรรมกล่าวโดยมีน้ำตาคลอเบ้า

ผู้สื่อข่าวอัลจาซีร่ารายงานจากเมืองหลวงกรุงตูนิสว่า คำปฏิญาณของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก

"มันเป็นช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ ที่ชาวตูนีเซียจะจดจำไปอีกหลายรุ่น" เขากล่าว

ผุ้สื่อข่าวรายงานอีกว่า มาร์ซูวคีได้กล่าวถึงแผนโครงสร้างของรัฐบาลและสถาบันทางการเมือง โดยบอกอีกว่า "พวกเราต่างก็มีพันธกิจในทางประชาธิปไตย และพวกเราก็จะให้การช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องของเราในซีเรียและเยเมนด้วย"

มาร์ซูวคีได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 153 จากทั้งหมด 217 ที่นั่งในสภา โดยมีผู้แทน 3 รายจาก 202 รายให้คะแนนเสียงโหวตคัดค้าน 2 รายงดเว้นไม่ลงคะแนนเสียง และ 44 รายซึ่งเป็นสมาชิกพรรคฝ่ายค้านส่งบัตรลงคะแนนเปล่า

รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของตูนีเซียซึ่งมาจากรัฐบาลผสมจะได้รับการแต่ง ตั้งโดยพรรคฝ่ายซ้าย ขณะที่พรรคเอนนาห์ดาซึ่งเป็นพรรคอิสลามจะทำหน้าที่ดูแลการต่างประเทศและ ตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทย พวกเขาบอกว่าพรรคเอนนาห์ดาและพรรคร่วมขนาดเล็กอีกสองพรรคตกลงกันว่าหน้าที่ รัฐมนตรีการคลังควรเป็นของพรรคเอตตาคาตอล ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้าย โดยพวกเขายังไม่ได้ระบุตัวผู้ท้าชิงตำแหน่งนี้

แหล่งข่าวระบุว่า อาลี ลาราเยดห์ เจ้าหน้าที่พรรคเอนนาห์ดาและอดีตนักโทษการเมืองอาจจะได้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ขณะที่ราฟีค อับเดสเลม นักวิเคราะห์จากอัลจาซีร่าและสมาชิกพรรคเอนนาห์ดาอาจจะได้เป็นรัฐมนตรี กระทรวงต่างประเทศ โดยอับเดสเลมยังมีความสัมพันธ์โดยแต่งงานกับลูกสาวคนหนึ่งของราชิด กานนูวชี หัวหน้าพรรคเอนนาห์ดาด้วย

นักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชน

ปธน. มาร์ซูวคี จบแพทย์จากฝรั่งเศส เป็นผู้นำสหพันธ์ปกป้องสิทธิมนุษยชนของตูนีเซีย (LTDH) ตั้งแต่ปี 1989 จนกระทั่งเขาถูกบังคับให้ออกจากประเทศในปี 1994 เขามีวีรบุรุษในดวงใจคือมหาตมะ คานธี ผู้เรียกร้องเอกราชของอินเดีย เขาเคยเดินทางไปอินเดียรวมถึงประเทศแอฟริกาใต้หลังช่วงที่เปลี่ยนผ่านไปเป้ นประชาธิปไตยแล้ว

มาร์ซูวคี ยังได้เขียนหลังสือออกมาหลายเล่ม ทั้งในภาษาฝรั่งเศสและภาษาอาหรับ รวมถึงเล่มที่ชื่อว่า "จับตามองเผด็จการ : เส้นทางสู่ประชาธิปไตยของโลกอาหรับ" (Dictators on Watch: A Democratic Path for the Arab World)

ภารกิจแรกของประธานาธิบดีใหม่คือการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี โดยมีตัวเก็งคืออามาดี เจบาลี เบอร์สองของพรรคอิสลามสายกลางเอนนาห์ดา

อย่างไรก็ตาม มีนักวิจารณ์กล่าวหาว่ามาร์ซูวคี เป็นแค่เบี้ยหมากของพรรคเอนนาห์ดา ที่มีคะแนนเป็นอันดับหนึ่งจากการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยได้ไป 89 ที่นั่ง ขณะที่มาร์ซูวคีนั้นมาจากพรรคสภาเพื่อสาธารณรัฐ (Congress Party for the Republic) ซึ่งได้คะแนนมาเป็นอันดับสอง พรรคนี้มีสัญลักษณ์เป็นแว่นตาสีแดงที่ได้แรงบันดาลใจมาจากแว่นสายตาของเขา เอง

มาร์ซูวคีได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีสองวันหลังจากที่สภาได้มีมติ รับรองรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวทำให้ประเทศสามารถเลือกรัฐบาลใหม่ได้ การลงมติเกิดขึ้น 5 วันหลังจากที่มีการโต้เถียงกันอย่างโกลาหลโดยมีประชาชนหลายร้อยคนมาชุมนุม กันหน้าอาคารสภาตะโกนคำขวัญว่า "เสรีภาพและศักดิ์ศรี"