ที่มา Thai E-News
มือเปล่ากับรถถัง-BBCนำเสนอภาพและคลิปข่าวบุรุษนิรนามคนหนึ่งขึ้นไปกอดปืนบนรถถังไม่ให้กราดยิงประชาชนในเหตุการณ์สงกรานต์เลือด นี่เป็น1ภาพแทนพันๆคำว่า นี่หรือคนที่NGOหรือใครจะหมิ่นแคลนว่าเขารับจ้างทักษิณมา หรือทำเพื่อทักษิณเพียงคนๆเดียวโดยใช้"ความรุนแรง" ทั้งที่เขาวีระอาจหาญกล้าสู้กล้าเอาชนะกล้าเสียสละ และอุทิศตนเพื่อประชาธิปไตยอย่างที่ภาพข่าวกำลังฟ้อง( ภาพและคลิปข่าวBBC คลิ้กที่นี่ )
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดชุมชนฟ้าเดียวกัน
24 สิงหาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกา"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ซึ่งเคยเขียนซีรีส์ยอดฮิต"ลากไส้สื่อเหี้ย"อันลือลั่น กลับมาอีกครั้งด้วยซีรีส์ชุดใหม่ลากไส้แวดวงNGO,นักวิชาการ,นักสิทธิมนุษยชน,นักกิจกรรมสังคม,นักศิลปิน,นักธุรกิจ,ศาล,องค์กรอิสระ และฝ่ายซ้ายเก่า ซึ่งเขาได้ตีแผ่วงการด้วยสำนวนฮาร์ดคอร์ดิบเถื่อนให้เห็นว่า เพราะเหตุใดแวดวงดังกล่าวจึงได้ผิดเพี้ยนเปลี่ยนจุดยืนมาสนับสนุนขบวนการอำมาตย์ได้อย่างน่าพิศวงอย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งไทยอีนิวส์ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนให้เผยแพร่เป็นตอนๆนับแต่บัดนี้
#สารี อ่องสมหวัง(ขวา)กับรสนา โตสิตระกูล
#นิมิตร์ เทียนอุดม
โฉมหน้าผู้ออกใบอนุญาตปราบสงกรานต์เลือด-สารี อ่องสมหวัง ผู้นำเอ็นจีโอด้านสลัมและสิทธิผู้บริโภค กับนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้นำเอ็นจีโอด้านเอดส์ เป็นแกนนำเอ็นจีโอที่ลงนามในแถลงการณ์ร่วมกับสมาคมนักข่าวฯในนามเครือข่ายกลุ่มประชาชนไม่เอาสงครามกลางเมืองระบุทักษิณ ชินวัตรยั่วยุและนปช.ก่อความรุนแรง จึงขอให้รัฐบาลใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อควบคุมสถานการณ์เท่าที่"จำเป็น" และต่อมาหลังสงกรานต์ทมิฬได้ร่วมกันรณรงค์"หยุดทำร้ายประเทศไทย" แต่ตอนพันธมิตรทำร้ายประเทศไทย ยึดทำเนียบ ยึดสนามบิน ยึดสถานีโทรทัศน์ ไม่รู้พวกเขาหลับอยู่ที่ไหน!?
#ศยามล ไกรยูรวงศ์
#วิฑูรย์ เพิ่มพงศาเจริญ
#เรวดี ประเสริฐเจริญสุข
#บรรจง นะแส
โฉมหน้าพวกเสนอตัวรับใช้เผด็จการเป็นสว.ลากตั้ง-แกนนำเอ็นจีโอทั้งหมดข้างต้นนี้ รวมทั้งนิมิตร์ เทียนอุดม เสนอตัวเป็นสว.ลากตั้งต่อคณะกรรมการลากตั้ง โดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้งของคนไทย 63 ล้านคน แต่ถูกเปรมปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไย แต่ปานนี้ก็หาได้สำนึกตัว คำถามคือพวกเขาเคารพต่อเสียงอันแท้จริงของพลเมืองไทยจริงหรือจากพฤติการณ์นี้?
พอดีมีคนถามผมถึงเอ็นจีโอในรุ่นถัดมาจากพวกขาใหญ่ทั้งหลายอย่างหมอประเวศ ส.ศิวรักษ์ เสน่ห์ จามริก
มาถามจุดคีมึ้งพอดี เพราะถามถึงนิมิตร์ เทียนอุดม ผมก็เลยจะฉายภาพให้เห็นถึงความริยำอัปรีย์ของคนพวกนี้ว่าหน้าไหว้หลังหลอก กลับกลอกกับประชาชน กับประเทศชาติ กับประชาธิปไตยไทยอย่างไรให้ฟัง
เอ็นจีโอที่ไปร่วมมือกับพันธมิตรเต็มลำไม่ได้มีแค่พิภพ ธงชัย กับสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์นะครับ ว่าไปแล้วก็แทบทั้งยวง ทั้งที่เก็บอาการอยู่ และเก็บอาการไม่อยู่
หลังๆก็มีบรรจง นะแส ประธานเอ็นจีโอภาคใต้ โดดขึ้นเวทีพันธมิตรแบบปักหลักยาว และเลยมาถึงตั้งพรรคเหี้ยๆอย่างพรรคการเมียใหม่
นอกจากนั้นก๋มีนิมิตร์ เทียนอุดม ที่เป็นผู้นำเอ็นจีโอด้านเอดส์ ตอนแรกในเบื้องต้นก็แสดง"ปรากฏการณ์"ว่า เป็นคนมีอุดมคติดูว่าผ่านเบ้าหลอมเพื่อประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอะไรนี่มาพอสมควร
แต่เก็บอาการไม่อยู่ก็โดดขึ้นเวทีพันธมิตรก่อนมีรัฐประหาร 19 กันยา แล้วก็ไปไฮปาร์คประมาณว่า คนที่โปรเหลี่ยมสนับสนุนทักษิณนี่นะเป็นพวก"ขาดข้อมูล"
พูดง่ายๆด่าว่าชาวบ้านโง่ ซึ่งผมเองก็งงๆอยู่คนทำงานภาคประชาชนห่าอะไรวะ มองชาวบ้านที่เลือกเหลี่ยมไม่ต่างจากพวกเหี้ยเหลืองเลยคือมองว่าโง่ โดนซื้อเสียง...พูดเป็นแผ่นเสียงตกร่อง ทั้งที่ชาวบ้านเขาก้าวหน้าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว
ผมฟังตอนแรกก็อุตส่าห์แก้ตัวให้ว่า เอาหนะอาจจะเผลอพูดไปตามความมันส์และบรรยากาศบนเวทีชุมนุมการเมืองแค่นั้นมั๊ง เพราะที่รู้จักกันมานิมิตร์ก็เป็นคนใช้ได้ มีหลักมีการคนนึงนี่หว่า
แต่ที่ไหนได้ตอนหลังรัฐประหารที่มีการแต่งตั้งส.ว.จำกันได้ใช่มั๊ย ที่มันมีส.ว.ลากตั้งกันหนะที่บอกให้พวกอำมาตย์7คน(ความจริงใครก็รู้ว่าคนเดียวคือเปรมเป็นคนสั่งจะเอาไม่เอาใคร)เป็นคนลากตั้ง ขณะที่ชาวบ้าน63ล้านคนเลือกส.ว.ได้จังหวัดละคน ซึ่งก็คือการดูถูกริดรอนสิทธิ์ของประชาชนเห็นๆ
แล้วเป็นไง นิมิตร์ก็แร่ไปเสนอตัวเป็นสว.ลากตั้ง พร้อมกับพวกเอ็นจีโอหัวแถวตั้งหลายคน คือบรรจง นะแส ,วิฑูรย์ เพิ่มพงศาเจริญ แกนนำเอ็นจีโอด้านสิ่งแวดล้อม,เรวดี ประเสริฐเจริญสุข(หากผมจำไม่ผิดตอนนั้นเรวดีน่าจะเป็นประธาน กป.อพช.)คือเป็นประธานใหญ่ของNGOแล้วก็นก-ศยามล เมียนก-ภาคภูมิไปหน้าด้านเสนอตัวเป็นสว.ลากตั้ง
สุดท้ายป๋าเปรมก็ไม่เอาซักตัว
ป๋าก็ไปตั้งพวกที่จะเห่าหอนแทนป๋าได้อย่างไอ่เอ๋สมชาย แสวงการ ที่เคยเป็นนายกสมาคมนักข่าววิทยุทีวี หรือคำนูณ สิทธิสมาน แล้วก็ประสาร ไตรรัตน์วรกุล...
หากผมเป็นนิมิตร์หรือพวกหน้าด้านทั้งหลายที่เอ่ยมาเป็นเสนียดปาก ผมคงมียางอายและมาทบทวนตัวเองมั่ง นี่ก็เปล่า
ตอนพวกพันธมิตรประท้วงไล่รัฐบาลทำเลวร้ายสารพัดทั้งยึดสนามบิน ยึดทำเนียบ ยึดโทรทัศน์ ยกพวกไปยิงวิทยุแท็กซี่ ฆ่าม็อบเสื้อแดงตาย พวกห่านี่ก็ออกแถลงการณ์ว่า"อย่าทำร้ายผู้ชุมนุม" คัดค้านรัฐบาลออกประกาศฉุกเฉิน เรียกร้องรัฐบาลสมัคร-รัฐบาลสมชายลาออก
แต่พอเสื้อแดงม็อบมั่งในตอนเมษาเลือด แล้วรัฐบาลออกประกาศฉุกเฉิน ทหารถืออาวุธมาเต็มกราดยิงพวกเสื้อแดงระนาว พวกมันก็ออกแถลงการณ์ไปคนละเรื่องเลย มีองค์กรด้านเอดส์ของนิมิตร์นี่ไปลงชื่อด้วย ตอนนั้นจับมิอกับสารี อ่องสมหวัง เอ็นจีโอที่ใกล้ชิดทีมเดียวกันกับรสนา โตสิตระกูล พากันออกแถลงการณ์บอกว่า"
ขอให้คุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเคารพกฎหมาย และต่อสู้ภายใต้กรอบกระบวนการยุติธรรม ยุติการอ้างประชาธิปไตยและใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาผลประโยชน์ของตนเอง ส่วนกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต้องชุมนุมโดยสงบ และไม่สร้างเงื่อนไขยั่วยุให้มีการใช้ความรุนแรง"โดยแถลงการณ์นี้ออกดักหน้าตั้งแต่ตั้งม็อบกันหน้าทำเนียบวันที่ 8 เมษายน โดยที่ตอนนั้นไร้วี่แววเหตุการณ์รุนแรงใดๆ(คลิ้กอ่านแถลงการณ์ที่นี่)
และพอทหารเริ่มปราบปรามประชาชนเสื้อแดงในวันที่ 13 เมษายน แทนที่เอ็นจีโอพวกนี้จะออกแถลงการณ์คัดค้านการออกประกาศฉุกเฉิน และห้ามทำร้ายผู้ชุมนุมแบบที่เคยทำตอนพันธมิตรทำสิ่งเลวร้ายสารพัด ก็ไปร่วมมือกับสมาคมนักข่าวออกแถลงการณ์ว่า "ผู้ชุมนุมอย่ารุนแรง"แถมออกบัตรเชิญให้มีการปราบปรามด้วยคำสวยหรูว่า"หากรัฐบาลจะควบคุมสถานการณ์ก็ให้ทำเท่าที่จำเป็นอย่าให้บาดเจ็บล้มตาย"
ผมจำได้ว่าเมื่อผมเห็นแถลงการณ์นั้นของเอ็นจีโอกับของสมาคมนักข่าว(ซึ่งทุกคนก็คือเพื่อนเก่าของผมทั้งนั้น)ผมก็เดาได้ไม่ยากว่าอะไรกำลังจะตามมา
แล้วก็ผมก็ร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจ
....
...
....
หากผมจะทำอะไรให้กับเหยื่อ13เมษายนได้บ้าง ก็คืออย่างที่ผมได้เปิดโปงแวดวงนักข่าว และกำลังถึงคิวNGOในเวลานี้
เรื่องแถลงการณ์ที่ว่านี้ ผมขอบันทึกไว้เพื่อเป็นอัปยศแก่วงการเอ็นจีโอให้เป็นหลักฐานผมขอนำมาลงแสดงไว้ที่นี้
แถลงการณ์ร่วมขอให้ใช้แนวทางสันติวิธีในการแก้ไขวิกฤตประเทศ
จันทร์, 13 เมษายน 2009
จากการที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ปิดถนนบริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อวันที่ ๙ และ ๑๐ เมษายน และบุกเข้าโรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาเมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน จนทำให้รัฐบาลต้องเลื่อนการประชุมดังกล่าวออกไปอย่างไม่มีกำหนด และได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน และเกิดเหตุการณ์รุนแรงในตอนเช้าตรู่วันที่ ๑๓ เมษายน ที่สามเหลี่ยมดินแดงนั้น องค์กรทั้งหลายตามรายชื่อข้างท้าย มีความห่วงใยในสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะลุกลามไปสู่วิกฤตการณ์ที่รุนแรงจนควบคุมไม่ได้ จึงขอเสนอความคิดเห็นดังต่อไปนี้
๑. การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงอาจจะทำให้สถานการณ์ยิ่งร้ายแรงมากยิ่งขึ้น ขอให้รัฐบาลและกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) ใช้กำลังของเจ้าหน้าที่เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อควบคุมสถานการณ์เท่านั้น อย่าใช้ในการปราบปรามหรือสลายการชุมนุม เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปจนอาจกลายเป็นจลาจล และเมื่อสถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว รัฐบาลควรยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงโดยเร็วที่สุด
๒. สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญนั้นจะต้องเป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ และต้องไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น แต่การชุมนุมของ นปช. ในขณะนี้มีการใช้ความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งวิธีการเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการบุกโรงแรม บุกกระทรวงมหาดไทย ทุบทำลายรถในขบวนของนายกรัฐมนตรี การปิดถนนสายต่างๆ การยึดรถเมล์ การยึดรถก๊าซ ล้วนแต่เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพนอกขอบเขตของรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมายทั้งสิ้น แกนนำ นปช. ต้องยุติการใช้ความรุนแรง การละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น และต้องควบคุมผู้ชุมนุมไม่ให้ใช้ความรุนแรง รวมถึงยุติการสร้างความเกลียดชังผ่านทางสื่อในเครือข่ายดังที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ สำหรับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ต้องยุติการยั่วยุและปลุกระดมที่นำไปสู่การใช้ความรุนแรง และถ้าหากเกิดเหตุร้ายแรงมากไปกว่านี้ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่อาจที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้
๓. ขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาการชุมนุมที่ละเมิดกฎหมายโดยใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเหมาะสม และใช้กระบวนทางกฎหมายที่ให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายอย่างแท้จริง การดำเนินคดีกับ นปช. ก็ต้องดำเนินคดีกับประชาชนกลุ่มอื่นที่ใช้เสรีภาพเกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญด้วยอย่างเสมอกัน
๔. ขอให้รัฐบาลใช้แนวทางสันติวิธีและการเจรจาในการแก้ปัญหา ซึ่งจะเป็นหนทางในการนำความสงบกลับคืนมาสู่ประเทศไทยได้อย่างแท้จริง รัฐบาลควรต้องเปิดการเจรจากับแกนนำ นปช. และพรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคการเมืองอื่นๆ ในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง และขอให้ ส.ส. ของพรรคเพื่อไทยที่ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. กลับมาใช้เวทีรัฐสภาในการแก้ไขปัญหาของประเทศ
๕. สื่อมวลชนทุกแขนง ต้องรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างครบถ้วนรอบด้าน รวมทั้งต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารที่จะรายงานออกไป เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนและเกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สำนักสันติวิธี สถาบันพระปกเกล้า
กลุ่มประชาชนผู้ไม่เอาสงครามกลางเมือง
เครือข่ายประชาธิปไตยเห็นต่างกันได้แต่อย่าใช้ความรุนแรง
คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา ๓๕
เครือข่ายนักวิชาการไม่เอาความรุนแรง
๑๓ เมษายน ๒๕๕๒
เรื่องทุเรศยังงี้ เข้าใจว่ามีคนออกมาท้วงอยู่คนเดียวคือจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล แต่ก็เป็นไปในแวดวงจำกัดคือตั้งกระทู้ในบอร์ดเวบฟ้าเดียวกัน ไม่มีสื่อที่ไหนนำไปลงเลยมั๊ง ผมขอคัดมาดังนี้
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เขียนกระทู้หัวข้อเรื่อง "2 บรรทัดฐาน" ของ ทหาร, สื่อมวลชน, นักวิชาการ เอ็นจีโอ กรณีรัฐบาลประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน"
หมายเหตุของผม:กระทู้ของอาจารย์สมศักดิ์อันนี้ลงไว้ตอน9โมงเช้าวันที่13เม.ย.น่าจะเป็นการออกมาท้วงว่าทำไมนักข่าว เอ็นจีโอไม่ออกแถลงการณ์คัดค้านการปราบปรามเสื้อแดงแบบเคยหนุนหลังพันธมิตรมั่ง แต่แทนที่นักข่าวกับเอ็นจีโอจะตอบรับข้อท้วงติงของสมศักดิ์ ก็ไปออกแถลงการณ์ดังข้างบนที่ผมลงไว้ ในช่วงราวเที่ยงหรือบ่ายวันนั้นเองเหมือนให้ใบอนุญาตรัฐบาลปราบปราม และฟันธงว่าพวกเสื้อแดงรุนแรง ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าคงรุนแรงอยู่ แต่มันรุนแรงเท่าพันธมิตรยึดทำเนียบ ยึดสนามบิน ยึดทีวีช่อง11 ล้อมสภา บุกยึดบชน. บุกยิงวิทยุแท็กซี่ไหม ตอนนั้นทำไมนักข่าวกับเอ็นจีโอออกแถลงการณ์ว่าอย่ารุนแรงกับผู้ชุมนุม และให้รัฐบาลลาออกวะ?)
กระทู้ของสมศักดิ์ตั้งข้อสังเกตว่าการออกแถลงการณ์ล่าสุด นับว่าเป็น2มาตรฐานหากเทียบกับที่เคยออกแถลงการณ์ในยุครัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
โดยสมศักดิ์กล่าวถึงในยุครัฐบาลนายสมัครนั้น หลังเกิดการปะทะในคืนวันที่ 1-2 กันยายน 2551 ซึ่ง นายณรงค์ศักดิ์ กรอบไธสง ของ นปช. ถูกคนของพันธมิตรฯ ทำร้าย จนเสียชีวิต รัฐบาลสมัครได้ประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ปรากฏว่า นอกจากทหาร ที่รับมอบหน้าที่ ไม่ยอมปฏิบัติอะไรทั้งสิ้นแล้ว วงการสื่อมวลชน นักวิชาการ เอ็นจีโอ ยังพร้อมใจกันออกมาประณามรัฐบาลสมัคร และเรียกร้องให้ สมัคร ลาออก และยกเลิกประกาศ พรก.ฉุกเฉิน นี่เป็นรายงานข่าว ของบางตัวอย่างของปฏิกิริยาของบรรดาสื่อมวลชน เอ็นจีโอ ในขณะนั้น (ความจริง ยังมีตัวอย่างอีกมาก)
อันที่จริง อาจกล่าวได้ว่า การไม่ยอมปฏิบัติตามหน้าที่ของทหาร และการพร้อมใจกันออกมาคัดค้าน ความพยายามดำเนินการยุติการชุมนุมของพันธมิตรฯของรัฐบาลสมัครในขณะนั้น ของสื่อมวลชน นักวิชาการ เอ็นจีโอ มีส่วนรับผิดชอบ ต่อความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นที่ตามมา
โดยแถลงการณ์ในตอนนั้นมีตัวอย่างดังต่อไปนี้
-"องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน 5 องค์กรออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน"
-"กป.อพช.เรียกร้องนายกฯ ลาออก ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน..."
และเพื่อให้เรื่องนี้จบแบบสมบูรณ์
ผมขอบันทึกอัปยศแนบท้ายไว้อีกหน่อยว่า...
1.ความจริงเคยมีแถลงการณ์ประณามพันธมิตรอยู่หนเดียว โดยสมาคมนักข่าว กรณีพันธมิตรบุกยึดNBT แต่เนื้อหาแถลงการณ์นั้นก็ออกมาแนวหน่อมแน้มพอสมควร(ลองไปเสิร์ซหาอ่านกันเองแล้วกัน )
ผมก็ถามไอ้พวกมือออกแถลงการณ์ทำนองว่า ทำไมพวกเมิงเพิ่งจะมาออกแถลงการณ์วะ มันก็ว่า แม่งไอ้พวกพันธมิตรนี่มันก็ดันพวกกันเองทั้งนั้น ออกไปไม่ดูตาม้าตาเรือก็โดนแม่งด่าเปิง แต่กรณีบุกยึดNBTนี่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของสื่อ พวกกรูก็หนีไม่ออก เลยจำเป็นต้องออกแถลงซะหน่อย...!!
2.หลังจากออกแถลงการณ์เหมือนให้ใบอนุญาตปราบปรามพวกเสื้อแดงอย่างนองเลือดแล้ว พวกเอ็นจีโออย่างนิมิตร์ และสารี รวมทั้งกป.อพช. หรือคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาภาคเอกชน ที่เป็นแกนกลางประสานงานของเอ็นจีโอก็ดัดจริตออกมาร่วมกับสมาคมนักข่าวตั้งเครือข่ายรณรงค์หยุดทำร้ายประเทศไทย
อ้าว! แล้วมึงจะรณรงค์ไปทำพ่องเหรอ ก็ในเมื่อพวกมึงนี่แหละริยำอัปรีย์ตัวพ่อเลยในการทำร้ายประเทศไทย...ทำร้ายประชาธิปไตยไทย ออกใบอนุญาตให้เผด็จการปราบปรามผู้เรียกร้องประชาธิปไตย
ไม่รู้ว่า พวกมึงจะสะตอบอแหลและเหี้ยสัดๆๆกันไปถึงไหน ไอ่พวกเอ็นโตดีเหี้ยๆ
00000000
อย่าพลาดซีรีส์สุดมันส์ในชุดนี้ตอนที่ผ่านมา
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่1):เอ็นโตดี NGO พวกเขาไม่ได้โง่และไม่ได้บ้าแต่ว่าเพี้ยน..
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่2):ยอยศการเมืองภาคประชาชน นาฏกรรมบนลานกว้าง