ที่มา ประชาไท
แอ นดรูว์ แม็กเกรเกอร์ มาร์แชล อดีตผู้สื่อข่าวรอยเตอร์สเรียกร้องให้รอยเตอร์สเสนอข้อเท็จจริงกรณีการเสีย ชีวิตของฮิโระ มูราโมโต้ ช่างภาพรอยเตอร์ส ระหว่างปฏิบัติหน้าที่วันที่ 10 เม.ย. ระบุ ทีมสอบสวนของรอยเตอร์สชี้ชัด แนวโน้มตายจากอาวุธทหาร
แอนดรูว์ แม็กเกรเกอร์ มาร์แชล อดีตผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ส ผู้เขียน Thailand: in the moment of truth เขียนบทความขนาดยาว IN MEMORY OF HIRO MURAMOTO เผยแพร่ในบล็อกของเขาระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิตของนายฮิโระ มูราโมโต้ ช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์สเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 นั้น ทางรัฐบาลไทย โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เคยยอมรับต่อสำนักงานของรอยเตอร์สว่าผู้ตายถูกสังหารด้วยอาวุธปืนของทหาร แต่หลังจากนั้นกลับแถลงข่าว โดยอ้างว่า ผู้ตายถูกกระสุนขนาด 7.62 ม.ม. โดยปฏิเสธว่าไม่ใช่อาวุธของทหาร
เขาระบุในบทความว่า เบื้องต้นรายงานของดีเอสไอนั้น มีหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่า ผู้ตายถูกกระสุนจากทหารไทย โดยที่เขาไม่ใช่เป้าหมายเฉพาะเจาะจงเพราะเป็นสื่อมวลชน แต่เป็นเหยื่อของการยิงสุ่มไปยังฝั่งผู้ชุมนุม โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนระบุเองว่า มูราโมโต้เสียชีวิตด้วยกระสุนของทหาร ซึ่งธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็ยอมรับในข้อสันนิษฐานนื้ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2553โดยนายธาริตกล่าวว่า เนื่องจากสาเหตุการตายนั้นอาจเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นจึงต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนเพิ่มเติม
ในเดือน ธันวาคม รายงานการสืบสวนของดีเอสไอในส่วนที่เกี่ยวกับการตายของนายมูราโมโต้และผู้ เสียชีวิตอีก 6 คนที่วัดปทุมวนารามเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 หลุดมาสู่รอยเตอร์ส โดยเอกสารที่หลุดรอดออกมานั้นยืนยันข้อสันนิษฐานของดีเอสไอที่ว่ามีความเป็น ไปได้ที่กองทัพไทยจะต้องรับผิดชอบต่อการตายของมูราโมโต้ และคดีของมูราโมโต้ถูกส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการสืบสวนสอบสวน เพิ่มเติม แอนดรูว์ แม็กเกรเกอร์ มาร์แชล ระบุในบทความว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ปฏิเสธกับสื่อมวลชนว่า ผลการสอบสวนนั้นไม่ใช่เอกสารที่แท้จริง แต่กลับยอมรับกับทางรอยเตอร์สว่าเอกสารที่หลุดออกไปนั้นเป็นเอกสารของดีเอส ไอจริง แต่ยังเป็นเพียงเอกสารขั้นต้น
มาร์แชลระบุว่า โดยมาตรฐานของรอยเตอร์สแล้ว เมื่อพนักงานของรอยเตอร์สถูกฆ่าตายขณะปฏิบัติหน้าที่ รอยเตอร์สจะว่าจ้างบริษัทเอกชนเพื่อทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีอย่างเป็นอิสระ ซึ่งบริษัทที่ว่าจ้างนั้นมีความเป็นมืออาชีพและเป็นบริษัทระดับแนวหน้า ทำการสืบสวนโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการชันสูตรหลักฐาน รายงานของทีมสืบสวนเอกชนชุดนี้ระบุเช่นกันว่า มีแนวโน้มที่กระสุนที่ใช้สังหารมูราโมโต้จะเป็นกระสุนที่ถูกใช้ในกองทัพ ไม่ใช่กระสุนจากปืน AK47 หรือปืนพก รายงานฉบับดังกล่าวนี้ถูกเก็บเป็นความลับของฝ่ายจัดการของรอยเตอร์ส
ใน เดือนกุมภาพันธ์ 2554 เจ้าหน้าที่ของดีเอสไอออกมาบอกว่าพบหลักฐานที่ระบุได้ว่า นายมูราโมโต้ถูกสังหารด้วยกระสุนAK47 ซึ่งเป็นการทำให้กองทัพพ้นจากข้อกล่าวหา
เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน ของไทยสรุปว่ากระสุนสังหารมีขนาด 7.62 ม.ม. ในขณะที่ทหารไทยมีปืน M16 ซึ่งใช้ยิงกระสุนขนาด 5.56 ม.ม. โดยที่ธาริต แถลงข่าวว่า กระสุนที่ใช้สังหารมูราโมโต้มีขนาด 7.62 ม.ม. ไม่ใช่ M16 ซึ่งเจ้าหน้าที่ไทยใช้ โดยปืนที่ใช้ยิงน่าจะเป็น AK-47 หรืออาวุธอื่นที่มีลักษณใกล้คล้ายคลึงกัน แต่ใครเป็นผู้ยิงนั้นไม่สามารถตอบได้ ต้องทำการสอบสวนเพิ่มเติม
แอ นดรูว์ แม็กเกรเกอร์ มาร์แชลระบุในบทความด้วยว่า เขาทราบว่าการสันนิษฐานเช่นนั้นมาจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญรายเดียวที่ สันนิษฐานจากภาพถ่ายของบาดแผลเท่านั้น
เขายืนยันว่า จากข้อมูลของฝ่ายสืบสวนเอกชนที่รอยเตอร์สได้ว่าจ้างให้ดำเนินการสืบสวนต่อ กรณีของมูราโมต้นั้น ระบุว่า มูราโมโต้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 5.56 มิลลิเมตร วันที่ 10 เม.ย. ที่ถนนดินสอ
เขาเรียกร้องในท้ายบทความว่า ถึงเวลาแล้วที่รอยเตอร์สจะต้องช่วยเปิดเผยความจริง แทนที่จะสมรู้ร่วมคิดปกปิดความจริงนั้น
แปลและเรียบเรียงจาก http://www.zenjournalist.com/2011/06/in-memory-of-hiro-muramoto/