WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, June 30, 2011

ทัศนคติ ... ที่ (ยัง) เป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตย

ที่มา ประชาไท

ผู้ เขียนเองได้ร่วมเรียกร้องให้ทุกภาคส่วน “เคารพ” เสียงประชาชนผ่านบทความที่ลงตีพิมพ์ในมติชนรายวันเมื่อ 9 มิถุนายน 2554 ที่เพิ่งผ่านไป อย่างไรก็ตาม แม้การตอบรับที่มีมายังผู้เขียนจะค่อนข้างดี (มีผู้เห็นด้วยเป็นอันมาก) แต่ก็มี “ความรู้สึก” เล็กๆ แนบมาด้วยทำนองว่า “ขอให้เป็นเสียงที่แท้จริงของประชาชน” จะได้ไหม ?

ความรู้สึกกังวล ว่าเสียงประชาชนเป็นเสียงที่ถูกซื้อได้เกิดขึ้นในสังคม ไทยมาเนิ่นนานเต็มที ความจริงก็คือการซื้อสิทธิ์ขายเสียงนั้นได้มีอยู่จริงในกระบวนการ ประชาธิปไตยไทยอย่างยากที่จะปฏิเสธ สาเหตุเกิดจากทั้งตัวนักการเมืองและประชาชนเองอยู่ในช่วงเริ่มต้นของหน่อ เนื้อประชาธิปไตย

ความผิด (จากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์) ในอดีตของคนในชนบทรุ่นก่อนทำให้มี “ราคาที่ต้องจ่าย” เกิดขึ้นกับคนรุ่นใหม่ที่มีพัฒนาการประชาธิปไตยก้าวรุดหน้าไปจากเดิมมาก

แม้ไปเลือกตั้งด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็ยังอาจถูกตั้งคำถามว่ารับเงินเขามาลงคะแนนหรือเปล่า

กล่าวสำหรับคนเมืองที่ยังคงคลางแคลงใจกับคะแนนเสียงของคนชนบทนั้น ถึงเวลาที่เราอาจต้องปรับทัศนคติในเรื่องนี้กันเสียใหม่

ต่อให้คะแนนเสียงนั้นถูกซื้อหามา เราก็ยังต้องอดทนยอมรับเพื่อรักษาระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยนี้เอาไว้

อย่าว่าแต่ยามนี้ คนในชนบทได้พากันตื่นตัวอย่างขนานใหญ่ในเรื่องของประชาธิปไตยจนร่ำๆ จะแซงหน้า “คนเมือง” ไปหลายองคุลีแล้ว

เราคงต้องประคับประคองวิถีทางประชาธิปไตยไป พัฒนาคุณภาพของผู้คนไปพร้อมๆ กัน โดยเลือกเอาระบอบให้คงไว้ก่อนเป็นสำคัญ

ไม่ ใช่เอะอะก็มาบอกว่า ใครต่อใครที่เราสงสัยซื้อสิทธิ์ขายเสียง “ไม่ได้แล้ว .... มันแย่มากเลย “.... แล้วกวักมือเรียกอำนาจพิเศษให้ออกมาทำปฏิวัติ

ประเทศไทยก็เลยติดหล่มจมปลัก...วนอยู่แต่ในเขาวงกต

ไปไหนไม่ถูกอย่างที่เกิดขึ้นช่วง 4 – 5 ปี มานี้

ประชาธิปไตย ของประเทศไทยนั้น แปลกประหลาดที่สุดในโลก พอยุบสภาเสร็จต้องมานั่ง “เกร็ง” กันว่าจะมีเลือกตั้งไหม ครั้น กกต.ประกาศจัดเลือกตั้งกำหนดวันแน่นอนแล้ว ยังต้อง “เกร็ง” กันต่อว่า “โค้งสุดท้าย” จะมีใครแอบมากิน 3 ต่อเข้าฮอร์สหรือไม่ !

ชนชั้นกลางที่เป็นพลังเงียบ จึงอาจต้องเข้าใจให้ได้โดยเร็วว่า ประชาธิปไตยบ้านเรานั้น มีโอกาสที่จะถูกบิดเบือนให้ออกนอกลู่นอกทางได้ตลอดเวลา

การได้รัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้ง และประคับประคองให้อยู่ครบวาระ 4 ปีอย่างต่อเนื่อง จึงเป็น “โมเดล” ที่พวกเราอาจต้องช่วยกันดูแลให้เกิดขึ้นให้จงได้

และวิธีเดียวที่จะให้ได้รัฐบาลแบบนี้ก็คือ ให้ความเคารพต่อเสียงประชาชนที่พากันออกมาลงประชามติในวันเลือกตั้ง

อย่าได้เผลอไปสงสัยเรื่องความบริสุทธิ์ของคะแนนเสียง

ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ กกต. ซึ่งเป็นกรรมการกลางอำนวยความยุติธรรมอย่างเต็มกำลังความสามารถ ทำหน้าที่ตรงนี้

เพราะพลันที่เราสงสัย... ก็จะมีคนสวมรอยขยายผลพร้อมกับเรียกร้องหาอำนาจพิเศษในฉับพลันทันใด

ทัศนคติดังกล่าวนี้ยิ่งเป็นอุปสรรคต่อประชาธิปไตยในบ้านเรา เมื่อไปเกิดกับนักการเมือง ทั้งที่คร่ำหวอดและไม่คร่ำหวอดทั้งหลาย

ข้อ สังเกตที่นักการเมืองจำพวกนี้ชอบตั้งก็คือ ถ้าประชาชนไปเลือกพรรคที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม จะเป็นการซื้อสิทธิ์ขายเสียงทันที แต่ถ้าเลือกพรรคตนคือเสียงบริสุทธิ์

ทัศนคตินี้เองที่บั่นทอน นักการเมืองระดับปูชนียบุคคล และพรรคเก่าแก่บางพรรค เพราะไป “ปรามาส” หรือ “ดูถูก” ประชาชนจากการพูดเช่นนี้บ่อยๆ จนทำให้ไม่ได้ที่นั่ง ส.ส. แทบจะยกภาคกันเลยทีเดียว

กล่าวโดยสรุป คุณภาพของระบอบประชาธิปไตยไทยจะพัฒนาขึ้น ถ้าทุกภาคส่วนช่วยกันประคับประคองให้อำนาจจากประชาชนคงอยู่อย่างมั่นคงสถาวร ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็โดยที่ทุกองคพยพต่างพากันให้ความเคารพต่อเสียงประชาชน ผู้ไปลงคะแนนที่คูหาเลือกตั้ง โดยปราศจากความเคลือบแคลงสงสัยใดๆ