ที่มา มติชน
โดย ศักดา เสมอภพ, อริน เจียจันทร์พงษ์
"คน เราจะบังคับให้คนรัก 100% ก็ไม่ได้ หรือทำให้คนเกลียด 100% ก็คงไม่ใช่ มันมีทั้งคนรักคนชัง อยู่ที่เราทำตัวให้ดีก็แล้วกัน อย่าไปสนว่าใครจะรักใครจะชัง ถ้าคุณทำดี คนก็รักชอบไปเอง แต่ถ้าคุณทำไม่ดี ต่อให้นามสกุลสวยหรูยังไง คนก็ไม่ชอบ"
อีกอึดใจเดียว การเลือกตั้งครั้งประวัติ ศาสตร์จะมาถึง
และผลของการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคมนี้ จะชี้ชะตา ชี้อนาคต "ประเทศไทย" อีกครั้งหนึ่ง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นการแข่งขันระหว่าง 2 พรรคใหญ่ "เพื่อไทย" กับ "ประชาธิปัตย์" เท่านั้น
พรรค ประชาธิปัตย์ยังคงเสนอ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศอีกสมัย ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้ชู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
ท่าม กลางกระแส "นายกฯนอมินี" ที่จะก้าวเข้าสู่อำนาจเพื่อกรุยทางไปสู่การนิรโทษกรรมทางการเมืองแก่คนเสื้อ แดงและพี่ชาย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ยังพำนักอยู่ต่างประเทศ
"เลือก ยิ่งลักษณ์ ได้ทักษิณ" เป็นสโลแกนติดปากของพรรคคู่แข่งที่ยกขึ้นมาดิสเครดิต และล่าสุดนำมาสู่แคมเปญใหม่ "ไม่ล้างผิด" และชักชวนให้ "ถอนพิษประเทศไทย" อีกด้วย
สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีผู้เป็น "น้องเขย" พ.ต.ท.ทักษิณ นั่นเท่ากับว่าเป็น "พี่เขย" น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ต้องประสบกับแรงต้านจากการประท้วงบนถนนและปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล จนทำให้ "สมชาย" กลาย เป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มีโอกาสนั่งทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า จนกระทั่งต้องตกเก้าอี้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคพลังประชาชน
ก้าว ย่างของ "ยิ่งลักษณ์" ในอนาคต จะละม้ายคล้ายกับ "สมชาย" ในอดีต ยังไม่มีใครกล้าฟันธง แต่วันนี้ "สมชาย" พอที่จะอรรถาธิบายสิ่งที่เห็นและเป็นไปในการเมืองที่ตัวเขาได้เข้ามาสัมผัส เพื่อเป็นอนุสติให้กับคนการเมืองหรือแม้แต่ "น้องปู-ยิ่งลักษณ์" ได้ ...
- ที่ผ่านมาเกิดกระแสต่อต้านพรรคเพื่อไทยพอสมควร
เป็น
ธรรมดา เพราะการเลือกตั้งเป็นการเสนอตัวเข้าสู่การคัดเลือกของประชาชน ต่างคนต่างก็ต้องการให้ประชาชนเห็นว่าตัวเองดี น่าจะเป็นตัวแทนได้ พรรคเพื่อไทยตอนนี้ก็กระแสดี โพลสำนักต่างๆ ออกมาก็นำอยู่หมด คู่ต่อสู้คงพยายามรื้อฟื้นขึ้นมา แต่อาจจะไม่รู้ว่า แต่ละคนจะใช้วิธีการต่างๆ ระบบประชาธิปไตยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทุกคนต้องวิ่งเข้าหาประชาชน ทำตัวให้ประชาชนเห็นว่าฉันดี เหมาะสมจะเป็นตัวแทนของคุณ โดยการนำเสนอนโยบาย แต่บ้านเรามันอาจจะดูแหวกแนวหน่อย บางทีก็มุ่งโจมตีกัน ไอ้โจมตีกันเนี่ย ผมว่ามันไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน ที่มาด่ากันเองน่ะจะทำให้ประชาชนเบื่อ พรรคไหนที่อ่านใจประชาชนตอนนี้ออก ไม่ต้องห่วงหรอกว่าคนอื่นจะโจมตี ขอให้คุณเข้าให้ถึงใจประชาชน ถ้าผมเป็นนักเลือกตั้งในขณะนี้ผมจะทำแบบนี้
- คุณยิ่งลักษณ์ลงเลือกตั้งครั้งแรก ก็ได้เป็นแคนดิเดตนายกฯเลย ในบริบทการเมืองแบบนี้จะทนแรงเสียดทานได้หรือ
โอ๊
ย... ทำไมจะไม่ไหวล่ะ ตอนนี้ประชาชนตอบรับทั้งประเทศไปแล้ว (หัวเราะ) ผมว่าไม่มีปัญหาหรอก ถ้าเราคิดว่าเป็นการเล่นการเมืองตามระบอบ เสนอตัวเข้าสู่สายตาประชาชนแล้ว ผมพูดถึงคุณยิ่งลักษณ์ลำบากตรงที่ว่า พูดแล้วเหมือนจะเชียร์กันเอง เพราะรู้กันอยู่ว่ามีความใกล้ชิด แต่ถ้าให้ผมมอง ผมก็พยายามเอาตัวออกมา แล้วมองด้วยสายตาประชาชนก็คิดว่า ประสบการณ์ในการทำงานเขาก็มี เป็นผู้บริหารองค์กรใหญ่ ทุนทรัพย์เป็นแสนล้าน ทำงานตั้งแต่เป็นเซลล์ขายของจนเป็นผู้บริหาร สังคมก็ทราบกัน ถ้าพูดในทางการเมือง ก็จริงอยู่เพิ่งเป็นบุคคลใหม่ในทางการเมือง แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีประสบการณ์ เพราะอย่างน้อยก็เป็นน้องสาวอดีตนายกฯทักษิณ ก็คงจะเห็น เคยติดตาม เคยดู เคยช่วยอยู่เบื้องหลัง คุณยิ่งลักษณ์คลุกคลีอยู่กับพรรคมาตลอด แม้จะไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค คนเราก็ต้องมีการเริ่มต้น ต้องมีการเริ่มแรกทั้งนั้น ไม่มีใครจะมาเป็นนักการเมืองครั้งแรกแล้วเชี่ยวชาญเลย แต่ผมมองอีกว่าคุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้เสียหายในเรื่องว่าเข้ามาใหม่ เพราะอย่างน้อยมีพื้นฐานและพิสูจน์ได้ จากการไปลงพื้นที่หาเสียง ซึ่งไม่ได้แพ้หัวหน้าพรรคการเมืองพรรคไหนเลย
- แวดวงการเมืองเล่นกันทั้งเกมบนดินใต้ดิน ผู้หญิงจะรับมือไหวเหรอ
คุณ ยิ่งลักษณ์เคยพูดว่า วันนี้ถ้าเห็นแก่ประชาชนก็ควรทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ดีกว่ามาเสียดทานเสียดแทงกัน มันพ้นสมัยแล้ว ประชาชนรอมานานแล้ว แล้วก็เสียหายไปเรื่อยๆ มาทำแข่งกัน ใครทำไม่ดีประชาชนก็คัดเลือกใหม่ ผมว่าน่าจะพัฒนาสักครั้งหนึ่งเราจะได้หลุดพ้นจากวงจรเดิมๆ ที่มันเป็นแรงดึงแข้งดึงขา ไม่ให้ประเทศพัฒนาไปข้างหน้าหมดไปเสียที
- หากพรรคเพื่อไทยชนะ ประสบการณ์จากรัฐบาลคุณทักษิณ คุณสมัคร (สุนทรเวช) และคุณสมชาย จะนำมาปรับใช้ให้คุณยิ่งลักษณ์อย่างไรเพื่อให้เป็นนายกฯตลอดรอดฝั่ง
ประสบการณ์ มันก็สอนอยู่ แต่ผมว่าสำคัญสุดตอนนี้คือ ประชาชนไปไกลแล้ว อะไรที่เขาเสียประโยชน์ประชาชนก็ต้องลุกขึ้นมา ไม่ใช่ต่อสู้แบบมีเรื่องนะ แต่ต่อสู้ในทางการเมือง แล้วก็สถานการณ์ที่ผมเจอ ท่านสมัครเจอ มันน่าจะเลยเวลาแล้วที่จะกลับไปคิดทำกันแบบนั้นอีก เพราะเห็นกันแล้วว่าไม่มีอะไรดีขึ้น ล้มลุกคลุกคลานกัน ผมอยากให้ข้างหน้าเดินไปอย่างเรียบร้อย การต่อสู้การเมืองเป็นเรื่องธรรมดา การหาเสียงเกทับกันเป็นเรื่องธรรมดา ก็ขอให้ประชาชนตัดสิน อย่าเอาพวกวิชามาร เทคนิคที่มันมาทำลายกันมาใช้ มันพอแล้ว ไม่ควรทำแล้ว ผลออกมาอย่างไรก็ว่ากันไปเลย แล้วทุกคนก็ยอมรับว่า ประชาชนเลือกใครก็ให้เป็นอย่างนั้น ถ้าประชาชนเลือกพรรคประชาธิปัตย์เป็นที่ 1 พรรคเพื่อไทยก็อย่าไปยุ่ง อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ดี คุณปล่อยก่อนสิ ให้เขาทำงานไปก่อน แล้วประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ถ้าเพื่อไทยมาที่ 1 พรรคอื่นก็อย่ามายุ่ง (หัวเราะ) ให้เขาทำไปก่อน ถ้าทำไม่ได้ค่อยว่ากัน เดิมบ้านเราก็ทำแบบนี้ แต่มันก็เปลี่ยนไป ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ก็ดี ไม่ต้องมาแก่งแย่งกัน แก่งแย่งกันมันล้าสมัย ไม่สวยงาม
- การมาของคุณยิ่งลักษณ์ทำให้พรรคเพื่อไทยเป็น "ชินวัตร" อย่างสมบูรณ์แบบ
อ้าว...แล้ว พรรคชาติไทยพัฒนาล่ะ พี่ชายน้องชายหรือเปล่า ก็เหมือนกันแหละ เราน่าจะมองที่ความสามารถจะดีกว่า อย่างท่านชุมพล (ศิลปอาชา) เป็นหัวหน้าพรรค ผมก็ว่าท่านเหมาะสม ถึงแม้ท่านบรรหารจะอยู่เบื้องหลังหรืออาจจะสนับสนุนทุน ก็ไม่แปลกอะไร ถ้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วถ้าอดีตนายกฯทักษิณมา สนับสนุนคุณยิ่งลักษณ์ มันก็ทำนองเดียวกัน เป็นธรรมดา ท่านสุวัจน์กับคุณหมอวรรณรัตน์ ก็เป็นคู่เขย ผมไม่เห็นเสียหาย มันอยู่ที่ประชาชนจะเห็นว่า ใครทำประโยชน์ให้เขาได้มากเท่านั้นเอง อย่าไปมองเรื่องที่ว่าเลย ทำไงได้ถ้าตระกูลนั้นเป็นคนเก่งแล้วประชาชนรับได้ ดังนั้นไม่แปลกนะ อย่าไปกีดกันว่าเป็นพี่น้อง แล้วพี่น้องเป็นนายกฯก็เคยมีคือ ม.ร.ว.เสนีย์ กับ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ประชาชนก็รับได้ ฉะนั้นขอให้มองที่ความสามารถ
- ถ้าคนในตระกูลชินวัตรกลับมาจะไปขัดหูขัดตาใครอีกหรือไม่
(สวนทันที) มันเป็นยังไงเหรอชินวัตร ผมไม่เห็นว่ามันเป็นปัญหาอะไร
- บางคนเขาไม่ค่อยชอบชินวัตร
คือ... ไอ้อย่างนี้มันพูดไม่ได้หรอก เพราะว่าคนเราจะบังคับให้คนรัก 100% ก็ไม่ได้ หรือทำให้คนเกลียด 100% ก็คงไม่ใช่ มันมีทั้งคนรักคนชัง อยู่ที่เราทำตัวให้ดีก็แล้วกัน อย่าไปสนว่าใครจะรักใครจะชัง ถ้าคุณทำดีคนก็รักชอบไปเอง แต่ถ้าคุณทำไม่ดี ต่อให้นามสกุลสวยหรูยังไง คนก็ไม่ชอบ
- เผอิญมีการพูดกันว่าคนที่ไม่ค่อยชอบนั้นมีอำนาจพิเศษ
ผม คิดว่าวันนี้เรามาอิงอำนาจประชาชนแล้วไง ทุกคนถือว่าเป็น 1 เสียงก็แล้วกัน แล้วก็ใครที่คิดว่าตนเองมีอำนาจ ก็อย่าทำลายในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าทำร้ายความรู้สึกของประชาชน ให้ประชาชนเขาตัดสินใจ แต่ถ้าเขาทำไม่ดี ทำผิด กระบวนการมีอยู่ ผิดกฎหมาย คอร์รัปชั่น มีกฎหมายอยู่ถูกดำเนินคดีติดคุกติดตะรางได้หมด กระบวนการมันมีของมันครบหมด อย่าเอาความรู้สึกของตัวเองมาตัดสิน ผมก็ไม่รู้ใครไม่ชอบชินวัตร เห็นแต่คุณยิ่งลักษณ์ไปไหนก็มีแต่คนชอบ ผมไม่รู้จักคนที่ไม่ชอบ (หัวเราะ)
- "แก้ไขไม่แก้แค้น" จะทำให้อยู่กับอีกฝั่งหนึ่งได้ไหม
ฝั่งไหนล่ะครับ (หัวเราะ)
- อย่างเสื้อแดงบอกว่ากองทัพฆ่าประชาชน ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะไม่แตะกองทัพ
ผม คิดว่าใครขึ้นมาเป็นรัฐบาลไม่ได้มีอำนาจทำอะไรตามอำเภอใจ ต้องมีกฎเกณฑ์ ระเบียบ กติกา กฎหมาย ถ้าใครทำไม่ถูก ไม่ควร ไม่ดี กระบวนการจัดการมันก็มีอยู่ ถามว่าถ้าขึ้นมาจะทำอะไรทหารมั้ย มันไม่มีใครทำอะไรใครได้ทั้งนั้น ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการที่เหมาะสม พอมีรัฐบาลก็ต้องมีรัฐมนตรีกลาโหม ทุกสิ่งทุกอย่างในฝ่ายทหาร รัฐมนตรีกลาโหมก็รับผิดชอบ เสนอรัฐบาลจะทำอะไร ของบฯเท่าไหร่ จะโยกย้ายแต่งตั้งใคร มันมีกระบวนการหมด ไม่ใช่คนที่มาเป็นนายกฯ หรืออดีตนายกฯทักษิณ จะมาชี้เป็นชี้ตาย มันเป็นไปไม่ได้หรอก ระบอบประชาธิปไตยมันมีกลไกตรวจสอบ ฝ่ายค้านในสภาเขาก็ไม่ยอมหรอก ผมบอกว่าให้กระบวนการมันเดินไป เราไม่ต้องไปวิตกกังวล มันไม่มีใครทำอะไรใครได้ อย่างนายทหารเขาอยู่ดีๆ จะไปยุ่งอะไรล่ะ ไปโยกย้ายแต่งตั้งเขามีเหตุผลไหมล่ะ ก็ต้องมีเหตุผลทั้งนั้น ถ้าไม่มีคนก็วิจารณ์ ฝ่ายค้านก็โจมตี ถ้าไปทำอะไรผิดเขาก็ไปฟ้องศาลปกครอง ศาลอะไรตั้งเยอะ มันมีการตรวจสอบ แต่ขอให้เป็นไปตามระบบและกระบวนการจะดีที่สุด แต่ที่สำคัญสุดคือ คนที่จะมานั่งเป็นรัฐบาลต้องซื่อสัตย์สุจริต และบริหารอย่างโปร่งใส คนถึงจะยอมรับ ถ้าเราไปทำอย่างนั้น คนเขาก็เห็นว่า คุณทำไม่ดี เสียงวิจารณ์ก็ตามมา การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เกิดขึ้น เลือกตั้งครั้งต่อไปคนก็ไม่เลือก
- แล้วเรื่องการนิรโทษกรรมทางการเมืองล่ะ
นิรโทษ กรรม.. (นิ่งคิด) ผมว่ามันเป็นเรื่องที่อาจจะเข้าใจไม่ตรงกันหรือเปล่า หลายคนบอกว่าเพื่อไทยจะนิรโทษกรรมให้อดีตนายกฯทักษิณ แต่ผมไม่เห็นนโยบายนิรโทษกรรมให้อดีตนายกฯทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์บอกว่า ต้องการเข้าสู่การปรองดอง การสร้างสรรค์ทางการเมือง พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน เขาก็ชูปรองดอง หลายพรรคก็ชู ซึ่งปรองดองเนี่ย คงต้องทำเป็นกระบวนการที่ทุกฝ่ายร่วมกัน แต่สุดท้ายอาจจะนำมาซึ่งการนิรโทษกรรม มันก็เป็นไปได้ แต่เขาจะไปปรองดองกันแบบไหน วิธีการใด ก็ต้องออกเป็นกฎหมาย ไม่ใช่อยู่ดีๆ แล้วใครจะทำได้ ซึ่งการนิรโทษกรรมอาจจะอยู่ในหน่วยหนึ่งของการปรองดอง และถ้ามีการนิรโทษกรรมจริง ก็ไม่ใช่นิรโทษกรรมอดีตนายกฯทักษิณ ก็คงนิรโทษกรรมเพื่อความปรองดองแห่งชาติ ถ้าท่านทักษิณจะได้ก็คงเป็นส่วนหนึ่ง เป็นประชาชนคนหนึ่งที่จะได้เรื่องความเป็นธรรมจากปัญหาทางการเมืองที่เกิด ขึ้น ผมว่าคงไม่มีใครหยิบยกขึ้นมา เอาคนคนเดียวขึ้นมาปรองดองหรือนิรโทษกรรม ไม่ใช่อย่างนั้น ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่คนเข้าใจกันคลาดเคลื่อนมากกว่า คือคิดว่านิรโทษกรรม ถ้าจะมีก็เป็นกระบวนการในการปรองดอง แล้วก็คงจะทำเพื่อประชาชนทั้งประเทศ ถ้าทำนะ (เน้นเสียง) ผมไม่รู้หรอกว่ารัฐบาลไหนจะทำ ดังนั้นต้องทำความเข้าใจกัน ผมเห็น พล.ต.สนั่น (ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา) ก็ชูปรองดอง ถามว่าของท่านจะจบตรงไหน ก็อาจจะต้องมาจบที่มีกฎหมายสักฉบับ ซึ่งอาจจะเรียกว่านิรโทษกรรมหรือเรียกว่าอะไรก็ได้ ผมก็ไม่รู้ มันก็แนวเดียวกันทั้งนั้น แต่นี่บังเอิญอดีตนายกฯทักษิณเป็นคนดัง มีคนพูดถึงบ่อย คนคิดบ่อยว่าจะนิรโทษกรรมให้ท่านเหรอ ก็เลยว่ากันไป เป็นประเด็นข่าว บานปลายกันไปใหญ่
- ประชาธิปัตย์และนักวิชาการบางกลุ่มประสานเสียงโจมตีว่า พรรคเพื่อไทยสู้เพื่อคนคนเดียวเป็นเรื่องน่าอาย
แล้ว มันจริงไหมล่ะ (พูดสวน) ถ้าทำอย่างนั้นมันก็น่าอาย แต่เขาทำอย่างนั้นหรือยังล่ะ ยังไม่ทำอะไรเลย วันนี้เขาหาเสียง เขาก็เสนอนโยบายของพรรค 30 บาทรักษาทุกโรคคืนมา เอากองทุนหมู่บ้านคืนมา ก็ไม่เห็นผิดอะไร ก็เสนอนโยบายใหม่ๆ แต่เวลาพรรคการเมืองเขาหาเสียง เขาก็พยายามโจมตีกันก็แล้วแต่ ผมก็มองเห็นอย่างนี้ มันไม่มีอะไรที่จะทำร้ายประเทศชาติสักอย่าง มันไม่มีใครหรอกที่เวลาเข้าสู่เลือกตั้งแล้วจะเสนอนโยบายที่ไม่เอาใจประชาชน
- คุณทักษิณอยากกลับบ้าน แต่ก็มีคนบอกว่า 99% ของนายกฯที่ถูกรัฐประหาร ส่วนใหญ่จะไม่ได้กลับ (ขณะมีชีวิต)
ก็ ธรรมดา ท่านก็อยากกลับบ้าน ผมไปเมืองนอก 4-5 วันก็ยังอยากกลับบ้านเลย (หัวเราะ) แต่ที่ว่ามานั้นก็เป็นความเห็น ทุกคนมีสิทธิออกความเห็น คนที่ออกความเห็นว่าน่าจะกลับได้ก็มี คนที่บอกว่าไม่ควรกลับก็มีก็ต้องฟัง เป็นปุถุชนยิ่งเป็นคนดังอยู่ในสายตา และการวิจารณ์ก็ต้องยอมรับ
- สถานการณ์อย่างนี้คิดว่าสุดท้ายจะกลับได้ไหม เพราะมองแล้วคงต้องนิรโทษกรรมก่อน
เอ่อ...ผมคิดว่า กลับบ้านก็กลับได้ทุกคนแหละ ยิ่งถ้ากลับมาแล้วไม่มีปัญหา (หัวเราะ) ส่วนเรื่องนิรโทษกรรม ผมพูดไปแล้ว
- บทสรุปสุดท้ายของทุกเรื่องคือต้องคุยกับอำนาจอื่นๆ ใช่หรือไม่
อัน นี้ผมไม่ทราบ แล้วแต่คนที่มาเป็นรัฐบาลก็ทำกันไป แต่ผมว่าทุกอย่างในประเทศเรามีกระบวนการ ถามว่าถ้าอดีตนายกฯทักษิณจะกลับบ้าน ถ้ากลับมาโดยที่ผ่านการกลั่นกรองของกระบวนการทุกกระบวนการ และทำให้ท่านสามารถเคลียร์ตัวเองได้ก็ว่าไป ถ้าเคลียร์ไม่ได้ก็ว่าไป คือทุกอย่างให้เข้าไปสู่กระบวนการที่มีหน้าที่นั้นเป็นคนจัดการ เป็นคนตัดสิน ส่วนจะกลับยังไง วิธีไหน ก็คงต้องทำตามกระบวนการที่มีอยู่เพื่อหาหนทางนั้น ถ้าหาได้ก็กลับได้ หาไม่ได้ก็ยังกลับไม่ได้ ถ้ากลับมาแล้วจะเกิดปัญหา ท่านก็คงไม่กลับ ท่านยังเคยพูดว่าเพื่อไทยขอให้ทำงานไปเพื่อประชาชน ไม่ต้องคำนึงถึงตัวท่านว่าจะได้กลับบ้านหรือไม่กลับบ้าน ไม่สำคัญ สำคัญคือทำงานให้ประชาชนมีความสุข แต่ก็แล้วแต่คนฟังจะวิจารณ์ คนเราร้อยคนร้อยความคิด
****************************
"ปูยังเด็กนัก" !
"ผมรู้จักคุณปูตั้งแต่คุณปูอายุ 8-9 ขวบมั้ง" สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯที่มีสถานะหนึ่งเป็น "พี่เขย" ของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ อันดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย ย้อนเวลาถึงวันที่ตัวเองได้รู้จัก "คุณปู" เป็นครั้งแรก
"ตอน นั้นผมไปอยู่เชียงใหม่ (รับราชการเป็นผู้พิพากษา) ไปรู้จักคุณแดง (เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ (ชินวัตร) ) แล้วก็แต่งงานกัน คุณปูยังเล็กๆ อยู่เลย" สมชาย เล่าพรางหัวเราะเบาๆ
ครอบครัวชินวัตรใน ขณะนั้นมีพี่น้องทั้งหมด 9 คนและ "ยิ่งลักษณ์" คือน้องสาวคนเล็ก ทำให้อายุห่างจากพี่คนโตเยอะมาก ทำให้ "ครอบครัวชินวัตร" ทุกคนมีคำพูดติดปากถึง "แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก" ที่แฝงความเป็นห่วงเป็นใยเอาไว้ตลอดเวลาว่า "ปูยังเด็กนัก" !
"สมชาย" บอกว่า ด้วยสาเหตุนี้ทำให้ "ยินดี ชินวัตร" ผู้เป็นมารดา เป็นห่วง "ลูกปู" มากกว่าใคร
"พอ คุณแม่เสีย พี่เยาวลักษณ์ (ชินวัตร พี่คนโต) ก็รับหน้าที่ในการดูแลน้องทุกคนโดยเฉพาะคุณปู พี่เยาวลักษณ์ดูแลเหมือนเป็นแม่คนที่สองก็ว่าได้ พอมาระยะหนึ่งพี่เยาวลักษณ์ล้มป่วย ทำให้ไม่สามารถดูแลน้องๆ ได้ ท่านอดีตนายกฯทักษิณ ซึ่งเป็นลูกคนที่สองของครอบครัวก็รับภาระดูแลน้องๆ
..ตอน คุณแม่เสีย คุณปูยังไม่จบมหาวิทยาลัย คุณแม่คงเห็นว่าอดีตนายกฯทักษิณเป็นพี่ชายคนโต ที่ถัดมาจากพี่เยาวลักษณ์ และท่านก็เป็นคนเก่งมาตั้งแต่ไหน ผมจำได้ตอนนั้น คุณแม่บอกกับอดีตนายกฯทักษิณว่า ถ้าแม่เป็นอะไรไปให้ช่วยดูแลน้องด้วย แม่เป็นห่วงน้องปู ให้ดูแลน้องเหมือนลูกนะ ให้ส่งน้องไปเรียนเมืองนอก"
"สม ชาย" ยืนยันว่าคำสั่งของ "แม่" คือสาเหตุหลักที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" เลี้ยงดู "ปู-ยิ่งลักษณ์" ไม่ต่างกับลูกสาวคนโตของตัวเอง และทำตามที่ "แม่" สั่งเอาไว้ทั้งหมด
"พ.ต.ท.ทักษิณ" ส่ง "น้องสาวคนเล็ก" ไปเรียนต่างประเทศ เมื่อเรียนจบก็ให้กลับมาทำงานที่บริษัทที่ตัวเองเป็นเจ้าของ
"ผม มองว่าอดีตนายกฯทักษิณ มองการณ์ไกล ถ้าจะฝึกคนหรือปั้นคนก็ต้องให้เริ่มต้นตั้งแต่เป็นพนักงานขาย แล้วคุณปูก็เก่ง ใช้ความสามารถไต่ขึ้นมาจนเป็นผู้บริหารองค์กร"
และวันนี้ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ก็เป็นคนเลือก "ยิ่งลักษณ์" ขึ้นมาเป็น "แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี" ของพรรคเพื่อไทย ??
"ที่ คุณปูขึ้นมาอยู่ตรงนี้ เร็วก็เพราะความสามารถ ไม่ใช่ว่าใครปั่นหรือปั้นขึ้นมา คุณอภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ นายกฯ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์) อายุ 47 ปีเองไม่ใช่หรือ ก็เป็นนายกฯ เขาขึ้นมาคนละทางเท่านั้น คุณปูอาจจะไม่เคยลงเล่นการเมือง แต่คุณอภิสิทธิ์ก็ไม่เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กรเอกชนใหญ่ๆ เหมือนกัน ไม่เคยทำธุรกิจ ผมว่ามันไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกันหรอก" ! สมชายบอก
(ที่มา หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 27 มิ.ย. 2554)