ที่มา โพสต์ทูเดย์
ทักษิณจ้อสื่อนอก ยอมรับผิดฆ่าตัดตอน เชื่อ "ยิ่งลักษณ์" เป็นนายกฯ เตรียมกลับไทยธ.ค.นี้ ขอสร้างความสามัคคีในชาติ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร ดา สปีเกิล ของเยอรมนี แสดงความมั่นใจว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว จะคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. และได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย ซึ่งจะช่วยให้เจ้าตัวสามารถเดินทางกลับบ้านเกิดได้
อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท. ทักษิณยังแสดงรัฐบาลอาจกระทำการบางอย่างเพื่อขัดขวางทุกวิถีทางไม่ให้นส. ยิ่งลักษณ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย ขึ้นจัดตั้งรัฐบาล
สปีเกล : คุณคิดว่ายิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งที่จะมาถึง จะได้เป็นผู้นำของประเทศไทยในเร็วๆนี้หรือไม่?
ทักษิณ : เธอมีคะแนนนำจากผลสำรวจความคิดเห็นทุกสำนัก แต่ขณะเดียวกันผมก็ยังรู้สึกกังวลอย่างมาก เพราะวัฒนธรรมการเมืองของไทย ค่อนข้างรุนแรงมาก ผมมั่นใจว่า รัฐบาลจะกระทำบางอย่างเพื่อขัดขวางน้องสาวของผมไม่ให้ชนะการเลือกตั้ง
สปีเกล : เป็นไอเดียของใคร ที่ส่งยิ่งลักษณ์ลงสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้?
ทักษิณ : เราตัดสินใจร่วมกัน ทั้งครอบครัว พรรค และแน่นอน ตัวเธอเอง เราใช้เวลาคิดนาน และคิดหนักว่าใครคือผู้ที่เหมาะสมที่จะมาเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทนในการเลือก ตั้ง แต่ท้ายที่สุดเราก็ย้อนกลับมาที่ยิ่งลักษณ์
สปีเกล : คนจำนวนไม่น้อยยินดีที่จะเชื่อฟังคุณ ทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าคุณเป็นผู้ตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวคุณเอง และ ใช้ยิ่งลักษณ์เป็นเพียงเครื่องมือ
ทักษิณ : ไม่ว่าจะส่งใครเป็นผู้สมัคร กลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามก็ต้องกล่าวอ้างอยู่ดีว่าคนๆนั้นถูกใช้เป็นเครื่อง มือ ไม่เว้นแม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่สมมติว่าเปลี่ยนใจกลับมาจับมือกับพรรคเพื่อไทยกะทันหัน ก็ไม่วายย่อมถูกฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองกล่าวหาเช่นกันว่าถูกผมใช้เป็น เครื่องมือ
สปีเกล : อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้เห็นว่านส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้สมัครที่เหมาะสมกับ ตำแหน่งนายกฯ ทั้งๆที่เธอไม่มีประสบการณ์ด้านการเมืองแม้แต่น้อย?
ทักษิณ : แน่นอนว่านั่นเป็นข้อได้เปรียบ เพราะหลังจากการทำรัฐประหารเมื่อปี 2549 และ เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงครั้งรุนแรงเมื่อปีที่แล้ว อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 90 คนนั้น สะท้อนว่าประเทศชาติไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการสมานฉันท์ บุคคลซึ่งไม่เคยเกี่ยวข้องทางการเมืองจึงเป็นผู้ที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ยิ่งลักษณ์ไม่เคยมีประวัติแปดเปื้อนใดๆเกี่ยวกับการเมือง ยิ่งกว่านั้นยังเป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จ เคยเป็นผู้นำองค์กรขนาดใหญ่อีกด้วย
สปีเกล : คุณมีน้องสาว 8 คน แต่ดูเหมือนว่าคุณจะสนิทกับยิ่งลักษณ์มากเป็นพิเศษ?
ทักษิณ : เป็นความจริง เธอเป็นน้องสาวคนเล็กของผม แม่ของผมก็สนิทกับลูกสาวคนนี้มากเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่แม่ของผมเสียตั้งแต่อายุยังน้อยมาก ก่อนแม่ตาย แม่ขอให้ผมดูยิ่งลักษณ์เป็นพิเศษ และผมก็ทำเช่นั้น ผมเลี้ยงเธอมาเหมือนเป็นลูกสาวของตัวเอง ผมส่งเธอไปเรียนที่สหรัฐ และเมื่อเธอกลับมาเมืองไทยหลังจากเรียนจบ เธอได้ทำงานในตำแหน่งเล็กๆในบริษัทแห่งหนึ่งของผม เธอเป็นคนที่วิเศษมาก และสามารถเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วขึ้นมาเป็นประธานบริษัทโทรคมนาคม (เอไอเอส) ของผม เรามีวิธีการคิดที่เหมือนกัน มีดีเอ็นเอเดียวกัน
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
สปีเกล : คุณกลัวว่าจะเกิดการรัฐประหารขึ้นอีกหรือไม่หากนส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้ชนะในศึกเลือกตั้งครั้งนี้
ทักษิณ : ผมหวังจะเห็นการเลือกที่โปร่งใสและเป็นธรรม แม้ว่าฝ่ายกองทัพจะมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ และผมยังหวังว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย จนทำให้รัฐบาลไม่สามารถพลิกผลการเลือกตั้งได้
สปีเกล : คุณจะระดมกลุ่มผู้สนับสนุนออกมาแสดงพลังหรือไม่ หากเห็นว่ามีความไม่ชอบมาพากลในการเลือกตั้ง
ทักษิณ : เราจะพยายามป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น เราไม่ต้องการแก้แค้น แต่จะสร้างความสมานฉันท์กับฝ่ายตรงข้าม ประเทศจำเป็นต้องกลับมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่เคยพูดถึง และนี่คงจะเป็นเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลชุดปัจจุบันจึงไม่มีโอกาสจะคว้าชัยในการ เลือกตั้งครั้งนี้
สปีเกล : การสมานฉันท์ที่กล่าวถึง ครอบคลุมถึงการนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบในการสังหาร ประชาชนในเหตุจลาจลเมื่อปีที่แล้วด้วยหรือไม่?
ทักษิณ : หาก มีหลักฐาน ก็ต้องมีการพิจารณาด้วยความเป็นธรรม แต่ขั้นแรกเราต้องเริ่มด้วยการทำทุกอย่างให้ข้อเท็จจริงปรากฏ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะสังกัดพรรคการเมืองใดก็ตาม ในที่นี่ผมหมายกลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มคนเสื้อเหลือง รวมทั้ง ทหารตาม
สปี เกล : คุณรู้สึกประหลาดใจกับการตอบสนองที่ค่อนข้างไม่กระตือรือร้นของนานาชาติต่อ กรณีการใช้ปฏิบัติการของกองทัพ ซึ่งมีหลักฐานหลายชิ้นบ่งชี้ว่า ทหารได้ยิงกระสุนจริงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ไร้อาวุธหรือไม่?
ทักษิณ : เมื่อเร็วๆนี้ผมเพิ่งได้อ่านข้อความในหมายขับของโมฮัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ซึ่งมีความผิดฐานสั่งให้กองทัพใช้กระสุนจริง และ ใช้ทั้งปืนสไนเปอร์ และรถถัง ในการต่อสู้กับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่นายอภิสิทธิ์กระทำทั้งสิ้น แตกต่างคือ ไทยไม่มีน้ำมัน และ รัฐบาลสามารถโกหกได้อย่างยอดเยี่ยม
สปีเกล : ขณะที่คุณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คุณก็ไม่ใช่นักประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์แบบนัก คุณถูกกล่าวหาว่าได้กระการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงเช่นกัน
ทักษิณ : ผมยอมรับเสียงวิจารณ์ดังกล่าว ผมได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดไป โดยเฉพาะในการทำสงครามกับยาเสพติด
สปีเกล : ...ระหว่างนั้น มีประชาชนหลายพันคนสันนิษฐานว่าจะถูกฆ่า
ทักษิณ : บาง ทีผมอาจจะตั้ง ความหวังไว้สูงเกินไป ผมต้องการให้บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น ผมต้องการที่จะขู่พวกอาชญากร ต้องการที่จะส่งคำเตือนไปยังพวกเขา แต่ผมไม่เคยสั่งให้ฆ่าใคร ผมเป็นชาวพุทธ ผมเชื่อว่าใครที่ฆ่าคนจะต้องถูกตามฆ่าในชาติหน้า และขณะที่ผมเป็นนายกฯ มีคนมาหาผม และถามผมว่าควรจะกำจัดคู่อริ อย่าง สนธิ ลิ้มทองกุล หรือไม่ ทว่าทั้งที่ผมมีอำนาจในขณะนั้น ผมก็ยังตอบไปว่า ผมไม่ต้องการให้ใครถูกฆ่า แม้กระทั่งสนธิ ลิ้มทองกุล
สปีเกล : มีคนบอกว่าคุณซื้อเสียง?
ทักษิณ : คุณไม่สามารถที่จะซื้อคะแนนเสียงได้ แน่นอนว่าคุณจะให้เงินใครบางคน 500 บาท และบอกให้คนๆนั้นไปลงคะแนนเสียงให้ แต่ถ้าหากคนๆนั้นไม่ชอบคุณ เขาอาจเปลี่ยนใจไปกาชื่อผู้สมัครรายอื่น ตอนที่อยู่ในคูหาเลือกตั้ง ในฐานะนักการเมือง คุณจำเป็นต้องรักษาคำมั่นสัญญา มิฉะนั้นคุณจะไม่มีมีวันได้รับเลือกตั้งเข้ามาอีก และผมก็มักได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาอีก
สปีเกล : แล้วสำหรับข้อกล่าวหาที่ระบุว่าคุณจ่ายเงินให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาชุมนุมตามท้องถนนเมื่อปีที่แล้ว?
ทักษิณ : คุณ ไม่สามารถจ่าย เงินจ้างใครบางคนให้ออกมา และเสี่ยงกับการถูกยิงได้ เป็นเรื่องที่ไร้สาระ ผมมีเงินน้อยครึ่งหนึ่งที่ผมมีเมื่อตอนค.ศ.1990 ราวๆเกือบ 1 พันล้านบาท เงินของผมส่วนหนึ่งหมดไปกับการซื้อสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องจริง ที่ผมทำให้ตัวเองรวยขึ้น แต่ความจริงแล้วผมกำลังถูกปล้น
สปีเกล : ดังนั้น คุณก็ไม่ได้ให้เงินทุนสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง
ทักษิณ : ไม่ ผมมีเพื่อนที่ทำแบบนั้น ผมไม่สามารถที่จะถ่ายโอนเงินจากที่นี่ได้ แต่อย่าดูถูกความตั้งใจจริงของประชาชนธรรมดาที่บริจาคเงินให้
สปี เกล : กฏหมายที่กำลังเป็นที่โต้แย้งกันมากที่สุดขณะนี้ในประเทศไทยดูเหมือนจะเป็น มาตรา 112 ซึ่งใช้ลงโทษทางอาญาแก่ผู้ที่หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยปัจจุบันมาตรดังกล่าวส่วนใหญ่มักถูกใช้เพื่อปิดปากคู่แข่งทางการเมือง
ทักษิณ : คนจำนวนมากถูกโยนเข้าคุก เพราะมาตราดังกล่าว รวมทั้งชาวต่างชาติเองก็เช่นกัน
สปีเกล : ขณะที่คุณเป็นนายกรัฐมนตรี ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันก็ถูกระบุว่าผิด?
ทักษิณ : เมื่อคุณอยู่ในอำนาจ บางครั้งคุณอาจจะหลงระเริงไปกับสิ่งล่อใจในการใช้อำนาจนั้น อย่างไรก็ตาม ในหลวงทรงตรัสว่าอย่าไปสนใจสิ่งรอบข้าง (When you're in power, you can sometimes fall for the temptation to use this power. However, the king talked me out of it.)
สปีเกล : ทำไมพระองค์ถึงไม่ออกมาและแก้ปัญหา? (Why won't the king step in and sort things out now?)
ทักษิณ : พระองค์ทรงพระชนมายุมากแล้ว และทรงกำลังประชวร นอกจากนี้พระองค์ทรงถูกห้อมล้อมด้วยคนที่ไม่ดี (He is very old and sick, and he's surrounded by the wrong people.)
สปีเกล : ทำไมคุณไม่กลับมายังประเทศไทยเพื่อสู้คดี?
ทักษิณ : ผมจะกลับมา ต่อเมื่อมั่นใจว่าจะมีการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม แต่ในขณะนี้ ผม ครอบครัวของผม และกลุ่มผู้สนับสนุนไม่มีทางได้เห็นความยุติธรรม
สปี เกล : นื่คือเหตุผลที่ทำให้คุณยังใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานด้วยการลี้ภัยอยู่ต่างถิ่น แต่ดูเหมือนขณะที่คุณอยู่ที่ดูไบ ทุกอย่างจะกำลังเป็นไปด้วยดี?
ทักษิณ : ส่วนใหญ่ผมมักอยู่ที่แอฟริกา ซึ่งเป็นที่ที่ผมลงทุนทำเหมืองทองในยูกันดา ทองคำขาวและถ่านหินในแอฟริกาใต้ ซิบบับเว และแทนซาเนีย ผมซื้อสัมปทานมาก และจ้างคนคอยดูแล นักลงทุนจำนวนมากสนใจจะเข้ามาร่วมทำธุรกิจนี้ เพราะ พวกเขาหวั่นเกรงกับความไม่งบทางการเมืองและอาชญากรรม
สปีเกล : คุณเก็งกำไรตลาดโภคภัณฑ์?
ทักษิณ : ผมเป็นคนไฮเปอร์ ผมไม่สามารถนั่งเฉยหรืออยู่ที่ใดที่หนึ่ง 10 เดือนที่แล้ว ผมซื้อเครื่องบินให้ตัวเอง และ เวลาราว 2 ชั่วโมงครึ่งในแต่ละวันอยู่บนเครื่องบิน เมื่อเร็วๆนี้ ผมบินไปที่เจนีวา เพื่อพบกับเพื่อน และ รับประทานอาหารด้วยกัน จากนั้นผมก็บินไปรัสเซีย พบกับเพื่อนเก่าอย่างนายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูติน ขณะที่อยู่บนเครื่องบิน ผมจะเปิดออนไลน์โปรแกรมสไกป์ และ จัดการกับธุรกิจของผม
สปีเกล : ดูเหมือนว่าคุณจะไม่คิดถึงประเทศไทยมากนัก
ทักษิณ : ผมคิดถึงประเทศไทยมากในช่วงปีแรก ซึ่งในห้วงเวลานั้น มีผู้คนมากมายแวะมาเยี่ยมเยียน ทั้งเพื่อนๆและญาติพวกเขาหิ้วไส้กรอกจากเชียงใหม่ และ แกงจากชลบุรีมาฝาก ซึ่งกำลังใจเหล่านี้ทำให้ผมผ่านช่วงเวลานั้นมาได้
อย่างไรก็ตาม ผม คาดว่าจะเดินทางกลับมายัง ประเทศไทยอีกครั้งในเดือนธ.ค.เพื่อมาร่วมงานแต่งงานของลูกสาวคนโต ซึ่งในเวลานั้นผมคิดว่าน้องสาวของผมจะเป็นผู้บริหารประเทศ