ที่มา บางกอกทูเดย์
ภาพ สะท้อนของการ “ออกอาการ” ที่เกิดขึ้นกับบรรดากลุ่มหัวแถวของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์การเมืองหลายองค์กรมองตรงกัน ว่าลักษณะเช่นนี้ถือเป็นอาการที่ไม่ดีในทางการเมือง
ยิ่งนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกอาการธาตุไฟแตก หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ออกอาการของขึ้น... มากขึ้นเท่าไหร่ ความรู้สึกติดลบในสายตาประชาชนก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
มี อย่างที่ไหน หงุดหงิดจนควันออกหูเรื่องการถูกชูป้ายว่าดีแต่พูด ถึงกับไปเล่นงานลำเลิกเบิกประจานไปถึงครอบครัวคนอื่นเช่นนั้น สำหรับคนที่มีจิตใจเป็นกลางแล้ว ต่างก็พากันวายหน้าไปตามๆกัน เพราะเคยมองว่านายอภิสิทธิ์นาจะมีวุฒิภาวะ มีสติยับยั้งชั่งใจได้มากกว่านี้
จึง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เวลานี้ นอกจากผลโพลคะแนนจะเป็นตัวกดดนให้คนแถวหน้าของประชาธิปัตย์เครียดแล้ว เรื่องของการไม่ยอมรับท่าทีพฤติกรรมของประชาธิปัตย์ ก็ยิ่งขยายวงบานออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ
อย่างกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ไปช่วยเดินหาเสียง ที่บริเวณตลาดโชคชัย 4 โดยนายอภิสิทธิ์ได้ขึ้นรถปราศรัยเพื่อขอคะแนนจากประชาชนที่อยู่บริเวณดัง กล่าว ได้มีพ่อค้าชูชุดเอี้ยมสีแดง เขียนข้อความว่า
“กูเพิ่งมา มึงอย่าเพิ่งยิง”
และ มีหญิงสาววัยกลางคนถือวัสดุสีแดงลักษณะคล้ายอวัยวะเพศชาย และเขียนเบอร์ 1 ชูใส่ขบวนรถที่ผ่านไปด้วย แต่ก็มีประชาชนไม่น้อยที่ออกมาให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์
รวมทั้งเมื่อ นายอภิสิทธิ์ได้เดินทางไปเขตห้วยขวาง ก็ได้รับการต้อนรับจากประชาชนสองข้างทาง แต่ก็ยังมีกลุ่มเสื้อแดงประมาณ 4 คนยืนปะปนกับกลุ่มคนตะโกนด่า ทำให้ผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์พากันตะโกนแข่งว่าเบอร์ 10 จนกลุ่มเสื้อแดงเงียบเสียงไป
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ได้แต่ยิ้มรับไม่ตอบโต้อะไร
รวม ทั้งล่าสุดที่นายอภิสิทธิ์ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงย่านบางบอน-หนองแขม เนื่องจากต้องสู้กับคู่แข่งสำคัญของพรรคเพื่อไทย ที่ส่งนายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยลงรับสมัครเลือกตั้ง
ขณะที่หาเสียงบริเวณตลาดบางบอนและขึ้นรถตระเวนหาเสียงในหมู่บ้านพระปิ่น 5 เอกชัย 109 ก็มีประชาชนให้การต้อนรับและส่งเสียงให้กำลังใจ
อย่างไรก็ตาม ขณะที่นายอภิสิทธิ์เดินเข้าไปในหมู่บ้านพระปิ่น 5 ได้มีแม่ค้าที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยชูป้ายโจมตีเรื่องน้ำมันราคาแพง
ซึ่ง ไม่ได้มีเพียงแค่นายอภิสิทธิ์เท่านั้นที่ถูกชูป้ายต่อต้าน แม้แต่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรตประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ช่วยลูกพรรคหาเสียงที่ จ.ลำปาง ขณะที่ขึ้นปราศรัย ก็ปรากฏว่าถูกชายสวมเสื้อแดงสกรีนข้อความ “ความจริงวันนี้” ชูข้อความ “91 ศพ”
แต่ได้ถูกพ่อค้าแม่ค้า และกลุ่มแม่บ้านที่ซื้อขายภายในตลาดที่ฟังการปราศรัยอยู่โห่ไล่ จนชายคนดังกล่าวต้องเดินหลบไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดรอหลังตลาด
นอก จากนายชวนที่โดนแล้ว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็เจอเต็มๆตอนได้เดินทางไปหาเสียงในพื้นที่ตำบลสำโรงเหนือ โดยในขณะที่คณะนายสุเทพ กำลังเดินทักทายประชาชนบริเวณหน้าห้างซุปเปอร์เซฟ ซึ่งอยู่เยื้องกับห้างอิมพีเรียลสำโรง ได้มีชายวัยกลางคนได้มายืนอยู่ที่เกาะกลางถนนพร้อมทั้งใช้ไข่ปาข้ามถนนใส่ นายสุเทพ แต่พลาดเป้าไม่ถูก ไข่กลับตกพื้นก่อนถึงตัวนายสุเทพ
ซึ่งชายคนดังกล่าวยังได้ตะโกนว่า จะแก้ไขปัญหาเรื่องไข่ชั่งกิโลอย่างไร
เจ้า หน้าที่ตำรวจจึงได้คุมตัวมาทำการสอบสวนที่โรงพัก สภ.สำโรงเหนือ ทราบชื่อ นายพิษนุ ชมโฉม อายุ 28 ปีอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่ในย่านสำโรงเหนือ จากการสอบสวน นายพิษนุ ให้การยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง
แต่ไม่ยอมให้ เหตุผลว่าที่ปาไข่ใส่นายสุเทพ เพราะเหตุผลอะไร เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ก่อความเดือดร้อนรำคราญ ก่อนเปรียบเทียบปรับ 1 พันบาท และบันทึกทำประวัติและปล่อยตัวไป
ใน ขณะที่นายสุเทพ ก็ยังคงเดินหน้าหาเสียงต่อ โดยพาผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดสมุทรปราการ เดินหาเสียงที่บริเวณหน้าปากซอยวัดด่านสำโรง ตำบลสำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ ได้พบกลุ่มเสื้อแดงกว่า 100 กว่าคน ได้มายืนรวมตัวกันประท้วงขับไล่ กลุ่มหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 200 นาย คอยดูแลเรื่องความสงบเรียบร้อย
ใน ขณะที่ขบวนนายสุเทพ เคลื่อนขบวนมาถึงปากซอยวัดด่านสำโรง กลุ่มเสื้อแดงที่มารวมกันประมาณ 100 คนต่างพากันโห่ร้องขับไล่ขบวนนายสุเทพ ทำให้ขบวนต้องเปลี่ยนแผนรีบเดินทางกลับทันที่เกรงว่าเหตุการณ์จะบานปลาย
ซึ่ง นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยกรณีเหตุการณ์นายสุเทพ ปาไข่ใส่ขณะลงพื้นที่หาเสียง ว่า ในการลงพื้นที่หาเสียงไม่ว่าจะผู้สมัครพรรคใด ทางจังหวัดก็มีการวางแผนมาตรการดูแลความปลอดภัยแล้ว โดยทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ดูแลเข้ม เพราะยังเป็นรักษาการรัฐบาลอยู่ ไม่มีการลดหย่อนประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัย
แต่เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย ซึ่งได้มอบหมายให้ทางตำรวจภูธรจังหวัดจัดกำลังดูแลเข้มแล้ว
และในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ ที่นายกรัฐมนตรีก็จะลงพื้นที่ ทางตำรวจก็มีการวางแผนรักษาความปลอดภัยเข้มเช่นกัน
ซึ่ง ยอมรับว่าในพื้นที่มีกลุ่มเสื้อแดงจำนวนมาก การดูแลอาจไม่ทั่วถึง บางคนก็ไม่ได้ตั้งใจแต่ทำไปด้วยอารมณ์ แต่เชื่อว่าทั้งหมดจะไม่มีการก่อเหตุรุนแรงหรือสร้างความเสียหาย ถึงขั้นชีวิตหรือรุนแรง
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเกรงว่า ช่วงเลือกตั้งทำให้ข้าราชการเกียร์ว่าง จึงไม่สนใจงานและหน้าที่นั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ยืนยันว่า ที่จังหวัดสมุทรปราการ ข้าราชการทุกคน ยังทำตามหน้าที่ ไม่มีเกียร์ว่าง รวมทั้งไม่หวั่นหากมีการเปลี่ยนรัฐบาลจะถูกโยกย้าย เพราะข้าราชการไม่ว่าตำแหน่งใดก็ต้องทำงานตามหน้าที่ ไม่อิงว่ารัฐบาลชุดใด
อย่าง ไรก็ตาม ทางด้าน ผกก.สภ.สำโรงเหนือ ก็ไม่ต้องถูกโยกย้ายตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ หลังจากปล่อยให้มีเหตุการณ์ปาไข่ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ป่วนหาเสียง ใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ จนกระทั่งมีคำสั่งย้าย ผกก.สภ.แม่ริม ที่ผ่านมา
รวม ทั้งในเรื่องความเคลื่อนไหวของ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำม็อบหลากสี และนายแก้วสรร อติโพธิ อดี คตส. ที่ยื่นดีเอสไอสสอบกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทยให้การเท็จในคดีซุกหุ้น ในจังหวะที่กำลังหาเสียงเลือกตั้งเช่นนี้ ก็หนีไม่พ้นที่จะถูกมองว่ามีพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังหรือไม่?
เนื่องจากกรณีที่พุ่งเป้ายื่นตรวจสอบไปที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประชาชนมองได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นผู้ได้ประโยชน์
เพราะ แม้แต่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำม็อบพันธมิตร ออกมาร่วมขย่มว่าทั้งนายแก้วสรร และ นพ.ตุลย์ เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์จะยิ่งมัดทำให้มองว่าพรรคประชาธิปัตย์มีส่วน พัวพันด้วย
แม้นายสุเทพ จะโต้ว่า คนอาจจะคิดไปในทางใดทางหนึ่ง พรรคไม่สามารถไปบังคับจิตใจคนได้ แต่พวกตนไมได้เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ รวมทั้งพูดชัดเจนว่า
“ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณสนธิ ผมไม่ชี้แจงอะไรกับคุณสนธิๆ ก็ด่าผมฟรีๆ มาตลอด แต่ผมไม่อยากจะทะเลาะด้วย แต่ว่าวันหนึ่งคุณสนธิจะต้องตอบกับประชาชนว่าเมื่อก่อนชวนคนมาต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อต้านระบอบทักษิณ แต่วันนี้มาพูดจาเข้าข้างคุณยิ่งลักษณ์แล้วมีอะไรหรือเปล่า คุณสนธิต้องไปตอบคำถามประชาชนเอาเอง”
งานนี้โดนสารพัดเรื่องกดดันรอบ ทิศ แถมโดนป้ายชูต่อต้านตลอด ก็ต้องถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ โดนหนักหนาสาหัสเป็นอย่างยิ่ง แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่ควรออกอาการไฟธาตุแตกแลกหมัดหรือเก็บอารมณ์ไม่อยู่
ในยามนี้ถ้า ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัยหนึ่งในได้ นายอภิสิทธิ์ต้องแสดงวุฒิภาวะ ต้องนิ่งและยอมกลืนเลือดเอาไว้ ไม่ร้องออกมา เพราะประเภทที่ร้องนั้นไม่ใช่เสือ
ส่วนกรณีนายสุเทพที่ออกอาการเหวี่ยงหมัดมั่วไปหมดนั้น ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย เพราะยากจะเยียวยาแล้ว