WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, June 18, 2011

นายกฯ ‘ผู้หญิง’ ดีกว่า นายกฯ ที่ไม่ใช่ ‘ลูกผู้ชาย’!!!

ที่มา vattavan

วาทตะวัน สุพรรณเภษัช

ช้าวันจันทร์ ที่ 13 มิถุนายน 2554 ผมได้ฟังคุณสุคนธ์ ชัยอารีย์ นักข่าวและหนังสือพิมพ์รุ่นเก่า ซึ่งโด่งดังมาจากคอลัมน์“ชัย อารีย์ ร้องทุกข์” ในหนังสือพิมพ์ “เดลินิวส์” และมาต่อที่ “สยามรัฐ” ปัจจุบันท่านหันมาเอาจริงเอาจังทางวิทยุ
แม้อายุกว่า 70 ปี แล้ว แต่ สุคนธ์ ชัยอารีย์ ผู้ใช้นามสกุลเป็นนามปากกา คือ“ชัย อารีย์” ก็ ยังขยัน ตื่นก่อนรุ่งสาง เพื่อไปคุยข่าวเล่าเรื่อง ที่วิทยุคลื่น Fm 97 MHz ตั้งแต่ตีสี่ถึงหกโมงเช้า สัปดาห์ละ 5 วัน ซึ่งถือว่าเก่งทีเดียว สำหรับคนอายุปูนนี้
คุณ“ชัย อารีย์” ได้พูดถึงข่าวที่ลงเกี่ยวกับ“โพลสันติบาล” หรือโพลที่ผู้คนเข้าใจว่า จัดทำโดยตำรวจสันติบาล เอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยได้วิจารณ์เพิ่มเติม ต่อจากข่าวที่เล่า ว่า
ตำรวจสันติบาลนั้น มีการ “ประเมินผลการเลือกตั้ง” หรือ ที่ชาวบ้านชอบเรียกจนติดปากว่า การทำ “โพล” (ซึ่งความจริงไม่ใช่โพล) มานมนานแล้ว และในวงการหนังสือพิมพ์รู้ดี ทั้งยังให้การยกย่องว่า กรรมวิธีและการประเมินผล ของหน่วยงานนี้
เชื่อถือได้!
เจ้าของนามปากกา“ชัย อารีย์” ยังเสริมต่อไปด้วยว่า การคาดการณ์เลือกตั้งของสันติบาลนั้น...
...แม่นยำมาก ชนิดไม่เคยทำนายผิดเลย!!
ท่านผู้อ่านฟังแล้ว รู้สึกอย่างไรครับ?

ที่ผมต้องนำเรื่องนี้มาเขียน เพราะการที่หน่วยงานของทางราชการ ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนหาข่าวการเมือง และความมั่นคงของชาติมาเนิ่นนาน อย่างตำรวจสันติบาลนั้น มีประวัติและผลงานดีเด่น แต่ความที่เป็นหน่วยงานการข่าว ซึ่งคุ้นเคยกับการ “ปิดลับ” สันติบาลจึงมีแนวทางในการทำงานชัดเจนว่า
จะไม่โฆษณาผลงานตัวเอง!
แต่...พวกเขากลับต้องถูกตำหนิทุกครั้งไป เมื่อข่าวอันไม่เป็นมงคล อันมาจากผลโพล หรือการประเมินผลได้ถูกเผยแพร่ออกไปว่า
พรรคแกนนำรัฐบาล ซึ่งอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันนั้น กำลังจะพ่ายแพ้ แบบย่อยยับ ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง!
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่พรรคแกนนำรัฐบาลโลซก อย่างประชาธิปัตย์ ต้องออกอาการสะดุ้งหวาดหวั่น ที่และขัดเคืองเป็นอย่างยิ่ง ที่มีข่าวสารเช่นว่านั้น หลุดออกไปปรากฏต่อสาธารณะ
ผู้คนจึงคาดการณ์กันว่า ฝ่ายการเมืองจะต้องมีการหาเหตุลงโทษ ผู้รับผิดชอบของหน่วยงานตำรวจสันติบาล เพื่อให้เป็นที่สะใจ และชดเชยกับการที่พวกเขาต้องเสียหน้า แทนที่คนในพรรครัฐบาลจะยอมรับ แล้วกลับมาสำรวจ พร้อมตั้งคำถามตัวเองและสมาชิกพรรคตัวเอง ว่า
“ใครไปทำ ‘ระยำหมา’ อะไรเอาไว้วะ ชาวบ้านเขาถึงจะไม่เลือกพรรคเราแล้ว!?”
อย่างนั้นต่างหาก...ถึงจะถูกต้อง!!

จากประสบการณ์ของตัวเอง ผมบอกได้เลยว่า การที่สันติบาลสามารถทำงานได้ดี เพราะเขามีการทำงานที่เป็นระบบ ระเบียบ ตามหลักนิยมและแบบธรรมเนียม ของหน่วยข่าวกรองของโลกอารยะ
นอกจากยังมีการเก็บข้อมูลต่างๆไว้เป็นคลัง ตามมาตรฐานอันเป็นสากล ไม่ว่าจะเป็น แฟ้มเรื่องราว แฟ้มบุคคล หรือแฟ้มพื้นที่ ซึ่งบรรจุตั้งแต่ข้อมูลพื้นฐาน ไปจนถึงข้อมูลที่ละเอียด และอ่อนไหวอย่างที่สุด เอาไว้ด้วย

ดังนั้น การที่ “มติชน” หนังสือพิมพ์คุณภาพ เพื่อคุณภาพของประเทศ ได้พาดหัวตัวไม้ เมื่อวันเสาร์ 11 มิ.ย. 2554 ระบุว่า
“โพลสันติบาลชี้ พท. ทิ้งขาด แลนด์สไลด์"
เรื่องนี้จึงกลายเป็น talk of the town ไปอย่างกว้างขวาง และกลายเป็นความไม่ “สันติ” ที่ “บาน” ไปทั่วประเทศ ชนิดเป็น “สันติหุบ” ไม่ได้ เพราะมัน “หุบ” ไม่ลงนั่นเอง
น่าประหลาดนัก ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยโฆษกฯได้ออกมาและพยายามแถลง ‘หุบข่าว’ ดังกล่าวในวันรุ่งขึ้น โดยปฏิเสธหน้าเฉยตาเฉยว่า
สันติบาล ‘ไม่’ เคยทำโพล เช่นว่านั้น!

ไม่รู้ว่า อีตาโฆษก สตช.แกจะได้มีโอกาสได้ฟัง“ชัย อารีย์” พูดทางวิทยุ อย่างที่ผมเล่าให้ท่านผู้อ่านฟัง หรือไม่?
ข่าวที่ทางตำรวจแถลง บอกมีการบอกว่าจะให้จเรตำรวจ ทำการสืบสวนข้อเท็จจริง แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า
สืบ สวนเสร็จแล้ว จะมีการแถลงให้ประชาชนทราบหรือไม่? หรือจะมีการสมคบคิดกัน ดัดแปลงผลการประเมิน ที่เรียกกันว่า “โพล” ของสันติบาล ให้ออกมา เป็นที่ถูกอกถูกใจรัฐบาลปัจจุบันอย่างนั้นหรือ?
เลยต้องขอพูด ‘ดักคอ’ กันเอาไว้ก่อน!

ยากจะบอกกับท่านผู้อ่าน แต่ให้ได้ยินไปถึงผู้บังคับบัญชาของ สตช.ว่า
เรื่องการประเมินผลของสันติบาล หรือที่เรียกกันตามสมัยนิยมว่า “โพล” นั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ ที่ฝ่ายผู้กำลังจะสูญเสียอำนาจ ย่อมจะออกอาการขัดเคือง หรือไม่พอใจอย่างแรง เพราะจะทำให้ตัวเองหรือพรรคพวก ดูตกต่ำในสายตาประชาชน จนเป็นเหตุให้เสียขวัญ และกำลังใจกันไปกันหมดทั้งพรรค
เรื่องอย่างนี้ ในอดีตก็ได้เกิดขึ้นมาแล้ว และซ้ำซากด้วย!
ดังนั้น ขอนำข่าวเกี่ยวกับเรื่องโพลของสันติบาล ที่เคยมีมาในอดีต มานำเสนอท่านผู้อ่าน รวมทั้งให้โฆษกตำรวจและตัว ผบ.ตร. พิจารณากัน ณ ที่นี้
ข่าวนี้เกิดขึ้น ขณะกำลังจะมีการเลือกตั้ง เมื่อเกือบ 4 ปี ก่อน คือในปี พ.ศ.2550 ซึ่งเป็นการแข่งขันกันระหว่าง พรรคพลังประชาชน ที่มี คุณสมัคร สุนทรเวช ผู้ถือธงนำแทน พ.ต.ท.ทักษิณ กับพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีทหารและกลุ่มพันธมิตรสนับสนุนเต็มที่
ข่าวมีอย่างนี้ครับ...

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2550 ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27พฤศจิกายน 2550 เขาพาดหัวว่า
“รมต. ‘พล่าน’ โพลสันติบาล”

เนื้อข่าวเขาบรรยาย เอาไว้ว่า

...เมื่อ วันที่ 27 พ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีโพลของตำรวจสันติบาลระบุว่า
พรรคพลังประชาชนจะชนะการเลือกตั้ง ได้เก้าอี้ถึง 219 เสียง ว่า ตนไม่แน่ใจว่าเป็นโพล ของสันติบาล เพราะ ผบ.ตร. ยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้ ไม่ทราบว่าตำรวจสันติบาลมีหน้าที่อะไรถึงไปทำโพล และถ้าเป็นโพลจริง ตนจะได้ถาม ผบ.ตร. ว่า
ตำรวจสันติบาลมีหน้าที่ทำโพล หรืออย่างไร?
"โพลดังกล่าวถือว่า ชี้นำแน่นอนไม่มากก็น้อย และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ เพราะเคยมีการทำวิจัยมาแล้ว ดังนั้น จึงมักจะมีโพลชี้นำออกมา เพื่อที่จะตอกย้ำประชาชนเป็นระยะๆ ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งของการหาเสียงเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามไม่ทราบว่าใครไปจ้างทำโพล" รมต. ประจำสำนักนายกฯกล่าว

ลับลมคมในไม่น่าเชื่อถือ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะประสานกับทาง ผบ.ตร. เพื่อให้ระงับการทำโพลดังกล่าวหรือไม่ นายธีรภัทร์กล่าวว่า
ตน ไม่เคยได้ยินผู้บัญชาการสันติบาลบอกว่า เป็นโพลของท่านเลย จึงคิดว่าไม่ใช่โพลของสันติบาลแน่นอน เพราะการทำโพล ไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย จะต้องอาศัยสถาบันวิชาการที่เกี่ยวข้องโดยตรงจึงจะได้ผลโพลอย่างแท้จริง ตนเป็นนักวิชาการและทำวิจัยมาแล้วยืนยันได้ว่า โพลที่ทำทั่วประเทศและมีความแม่นยำนั้น มีน้อยสถาบันที่จะทำได้ ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ไม่ใช่สุ่มตัวอย่างเพียงไม่กี่คนก็อ้างอิงว่าเป็นโพล ถ้าทำเช่นนั้นจะกลายเป็นเครื่องมือคนอื่นไป ส่วนตัวเชื่อว่าโพลที่ออกมานั้นเป็นเครื่องมือทางการเมือง
"สื่อเองต้องถามตัวเองว่า ไปเอาข้อมูลนี้มาจากไหน ถ้าไปใช้คำลอย ๆ ว่า เป็นโพลสันติบาล ทางสันติบาลเขาอาจจะเสียหายได้ เพราะเขาไม่ได้ยอมรับว่าเป็นโพลของเขา โพลอะไรที่ไม่เป็นทางการมีลักษณะลับลมคมใน มันก็ไม่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรที่จะไปควบคุมการทำโพลของสำนักต่าง ๆ เพราะถือเป็นเสรีภาพทางวิชาการ แต่จะต้องตอบคำถามว่าทำเพื่ออะไร" นายธีรภัทร์กล่าว

รับสำรวจจริง แต่ไม่ใช่โพล
ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผช.ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก สตช.กล่าวว่า สตช. ยืนยันว่าไม่ใช่การทำโพลของตำรวจสันติบาล หน้าที่ของตำรวจสันติบาลมีอย่างเดียวคือ การประเมินสถานการณ์การเลือกตั้งในพื้นที่...

การที่ “ไอ้ตี๋” ธีรภัทร์ มันดันทะลึ่งออกมา โวยวายฟูมฟายอย่างนั้น ก็ไม่ต่างจากเหตุการณ์ ที่กำลังเกิดขึ้นปัจจุบันไม่ผิดเพี้ยน เพราะข้อเท็จจริงที่มีอยู่เพียง สันติบาลเขา “ประเมินผลการเลือกตั้ง” ไปตามวงรอบข่าวกรอง และเป็นไปตามภารกิจของหน่วยงานโดยแท้ แต่...
การที่สันติบาลสามารถประเมินผลการเลือกตั้ง ได้แม่นยำ เป็นที่น่าเชื่อถือของสาธารณะ แม้กระทั่งในวงการหนังสือพิมพ์ก็ยังยกย่อง อย่างที่ “ชัย อารีย์” นักข่าวมือเก่าพูดให้เครดิตสันติบาล ในรายการของท่าน นั้น
ผู้เขียนบอกได้เลยว่า
ทั้งนี้ ก็เป็นเพราะทักษะในการสืบสวนหาข่าว แบบ “มืออาชีพ” ของสันติบาลนั่นเอง เพราะ...

หน่วยงานนี้ มีการฝังตัวเจ้าหน้าที่และสายข่าว เกาะติดในพื้นที่อย่างเหนียวแน่น ยาวนาน บางคนแม้จะไม่ใช่คนในพื้นด้วยซ้ำ แต่อยู่ที่จังหวัดที่ตนมีหน้าที่ประจำ มานานกว่าอายุของคนมีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนมากด้วยซ้ำไป
จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่พวกสันติบาล สามารถล่วงรู้ความเคลื่อนไหว ความเป็นไปทั้งพื้นที่ เรื่องราว และบุคคล ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
นี่คือข้อเด่นมากๆ...ของตำรวจสันติบาล!
ผมเพิ่งคุยกับนายตำรวจสันติบาลเก่าคนหนึ่ง ซึ่งมือฉมังนักในเรื่องการประเมินผลเลือกตั้ง เขาบอกกับผมอย่างน่าสนใจว่า

content/picdata/304/data/photo1.jpg

มีบางพื้นที่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องผิดหวังอย่างรุนแรง เพราะอาจมีปรากฏการณ์ “ตาย-ยกรัง” คล้ายกับการเลือกตั้งกรุงเทพ เมื่อราวสามทศวรรษก่อน ที่นายถนัด หรือ พ.อ.ถนัด นามสกุลว่า “คอมันตร์” อดีตหัวหน้าพรรคดักดานในตอนนั้น รอดตายจากการเลือกตั้งในกรุงเทพ เพียงคนเดียวอย่างทุลักทุเล ด้วยคะแนนเสียงห่างจากคู่แข่งด้วยระยะ
แค่ “คอหมา” เท่านั้น!
พรรคการเมืองดักดาน อย่างประชาธิปัตย์นั้น ได้เสวยอำนาจในปัจจุบัน ชนิดขัดใจพี่น้องประชาชน พฤติกรรมของพวกเขาได้ฉายภาพของการ “ยกฝูง” กันเข้ามาหาประโยชน์ ไม่ต่างจาก “ไฮยีน่า” โดยพยายามทั้งรุมฟัด และกัดแทะกันอุตลุด ชุลมุนวุ่นวาย ดังที่ผมได้เขียนบรรยายเอาไว้ อย่างชัดเจน ในบทความหลายต่อหลายชิ้นต่อเนื่องกัน ใน www.vattavan.com ซึ่งคงผ่านสายตาท่านผู้อ่าน ไปบ้างแล้ว (อ่านย้อนหลังได้ เพราะเก็บไว้ครบถ้วน)
นี่เอง เป็นเหตุให้ในการเลือกตั้ง ที่กำลังจะมาถึง พี่น้องประชาชนที่ทนไม่ได้ เขากำลังจะ ‘รวมตีน’ กัน
เพื่อ ‘ถีบ’ ประชาธิปัตย์ ตกจากอำนาจ ให้จงได้!
สิ่งที่คนในพรรคดักดาน กลัวกันมากเหลือเกิน ก็คือ
รัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเข้ามานั้น จะต้องรีบเข้าตรวจสอบกรณีทุจริตต่างๆ ที่ประชาธิปัตย์กับพรรคพวก ก่อกรรมทำเข็ญ ไว้ให้กับประเทศ อันเป็นที่รักของพวกเราชาวไทย!!

พรรคประชาธิปัตย์นั้น ได้เข้าสู่อำนาจและบริหารบ้านเมืองมากว่า 2 ปี พวกเขาและคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พยายามอย่างยิ่ง ที่จะแคะไค้กรณีทุจริต ที่เคยกล่าวหาสมาชิกพรรคทักษิณเอาไว้ แต่ปรากฏว่า
ไม่เป็นผล สักเรื่องเดียว!
พูดอีกอย่างก็คือ
พรรคทักษิณ ไม่มีเรื่อง ‘ทุจริต’ ดังที่ถูกกล่าวหา นั่นเอง!!

เรื่องนี้ผมไม่ได้พูดเล่นๆว่า ไม่มีการทุจริตโดยทักษิณและพรรคพวก เพราะแม้กระทั่งเรื่องที่พรรคดักดาน อย่างประชาธิปัตย์ จะเคยแสดงความมั่นอกมั่นใจนักหนา ถึงกับร้องกรี๊ดวี้ดว้ายกะตู้วู้ บอกกับประชาชน ว่า
มีพยานหลักฐานแน่นหนา ที่จะมัดพรรคทักษิณ ในคดี
CTX แต่คดีดังกล่าว ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะรับดำเนินคดีกันมา ตั้งแต่ครั้งแก๊ง ค.ต.ส. เรืองอำนาจ มาถึงมือของ ป.ป.ช. แต่จนกระทั่งหลายปีผ่านไป มาถึงวันนี้แล้ว...

...ไอ้หน่วยงานโลซก ไร้ประสิทธิภาพอย่าง ป.ป.ช. นั้น
มันยังไม่สามารถ ฟ้องหมู...ฟ้องหมา ได้สักตัวเดียว!

นอกจากความพยายาม ที่จะฟ้องร้องกล่าวหา พรรคพวกทักษิณในเรื่องทุจริตไม่ได้แล้ว แต่เรื่องกลับโอละพ่อ เพราะพรรคดักดานอย่างประชาธิปัตย์นั่นแหละ ที่ต้องตกเป็น
“จำเลยสังคม”
กล่าวคือ
เพียงเข้าบริหารประเทศ แค่ตดยังไม่ทันหายเหม็น ก็มีรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ ก็เข้าไปพัวพันในเรื่องที่ไม่โปร่งใส และไร้จริยธรรมทางการเมืองอย่างยิ่ง จนกระทั่งต้อง ‘ลาออก’ จากตำแหน่งไป 2 คน
ใช่แต่แค่นั้นนะครับ...
คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ กระทรวงหมอ ดันเสือกไปทำรุ่มร่าม ส่อไปในทางหาประโยชน์จากบริษัทเอกชน จนเขาถ่ายคลิปเอาไว้ได้ ทนหน้าด้านต่อไปไม่ไหว
จนต้องยกโขยง...ลาออกทั้งชุด!
ส่วนคนที่เคยเป็นรองนายกฯ และคุมโครงการ “ไทยเข้มแข็ง” หรือที่พี่น้องชาวบ้าน เขาชอบเรียกขานกันว่า
“โครงการ ‘แดก’ สารพัดทิศ”
มีอันต้องพ้นจากตำแหน่งไป หลังจากที่น้องชายที่เอาเข้ามาช่วยงานการเมือง เพื่อคุม “โครงการ-สารพัดแดก” ต้องลาออกไปก่อนหน้านั้นแล้ว
ที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง ก็คือ...
แทน ที่พรรคประชาธิปัตย์ จะเอาคนพวกนี้เข้าคุก หรือสอบสวนหาความผิดกันอย่างจริงจัง กลับขาดจริยธรรมทางการเมืองอย่างร้ายแรง ด้วยการเมินเฉยต่อการดำเนินคดี กับคนเหล่านี้!
มันดันทำลืมๆ กันไปเสียนี่...ไอ้ทุเรศ!!

ดังนั้น เมื่อโพลการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะจัดทำโดยสถาบันต่างๆ หรือการประเมินผลของสันติบาล ยิ่งออกมาเขย่าขวัญมากขึ้นเท่าใด ก็ดูเหมือนว่า คนในพรรคดักดาน อย่างประชาธิปัตย์
ยิ่งประสาทจะ ‘แดก’ มากขึ้นเท่านั้น!
นี่ได้ยินข่าวว่า พรรคเก่าแก่ดักดานนี้ ได้ทุ่มความหวังไปที่
ไอ้โพลเฮงซวย อย่าง เอแบดโพล (A-Bad Poll) ที่คอยสอพลอพรรคนายมาร์ค มุกควาย ดันออกข่าวมาว่า
จะทำ Exit Poll วันเลือกตั้งล่วงหน้า!
ชาวบ้านเขากำลังพากันจับตาดู ว่า ไอ้ ‘โพลสัปรังเค’ ที่แม้แต่สถาบันของมัน ยังถูกร้องเรียนจากนักศึกษา ว่า “โกงได้แม้กระทั่ง นักศึกษาของตัวเอง” นั้น
มันจะทำโพลตอแหล ตอหลด ตดใต้น้ำ หลอกลวงให้ผู้คนเขาหลงเชื่อ เหมือนกับนักศึกษาที่น่าสงสาร ได้อย่างไรกัน?

ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ

แม้ก่อนการเลือกตั้ง เหล่าบรรดามารเล็กมารใหญ่ ทั้ง “ไอ้เกือกหน้าม้า-ไอ้หมาหน้าหมอ” มันยกโขยงทัพเดรัจฉาน ตามแห่ตามแหนกันเป็นระลอกๆ โดยมีจุดมุ่งหมายจะไปก่อเวรร่วมกัน ด้วยการปั้นเรื่องโจมตีผู้สมัคร ‘หมายเลข 1’ ซึ่งเธอกำลังนำทัพชาวบ้าน อันประกอบด้วยพลเมืองที่รักชาติ และรักประชาธิปไตย
เข้าชิงตำแหน่ง ‘ผู้นำ’ แห่งสยามประเทศ!
แต่...

content/picdata/304/data/photo2.jpg

การกระทำของบรรดา “ไอ้และอี...กาลี” ที่เป็นองครักษ์พิทักษ์แมลงสาบ ไม่สามารถสร้างความระคายเคือง ให้กับสุภาพสตรี ‘หมายเลข 1’ ผู้ที่ท่านเห็นในภาพเลยแม้แต่น้อย
มิหนำซ้ำ เธอกลับได้รับความเห็นอกเห็นใจ และความรักจากพี่น้องประชาชน อย่างท่วมท้นล้นคณนาอีกต่างหาก ซึ่งสอดคล้องกับท่วงทำนองของ “บารมีกถา” ที่ว่า...

“เพราะ ‘มาร’ มันมี ...บารมีจึงบังเกิด”

ในที่สุดแล้ว ก็คงจะหนีไม่พ้น ที่พี่น้องประชาชนคนในประเทศไทยที่รักของเรา คงจะได้ฉลอง...

“นายกรัฐมนตรี ‘ผู้หญิง’ คนแรก เพราะยังไงๆ ก็ดีเลิศประเสริฐศรีกว่า...นายกฯที่มันไม่ใช่ ‘ลูกผู้ชาย’ แน่ๆ!!!”

....................

(คอลัมน์ ประจำสัปดาห์ ตอน นายกฯ ‘ผู้หญิง’ ดีกว่า นายกฯที่ไม่ใช่ ‘ลูกผู้ชาย’!!! ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 18 มิถุนายน 2554)