WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, August 7, 2011

66 ปีก่อน เมื่อฮิโรชิม่ากลายเป็นนรก

ที่มา ประชาไท

รำลึก ครบรอบ 66 ปี เหตุการณ์ทิ้งระเบิดฮิโรชิม่าเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เคอิจิโร่ มัตสุชิม่า ผู้อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น บอกเล่าเรื่องราวในห้วงเวลาแห่งความพินาศและความตาย

ฮิโรชิม่าโดมใรปี ค.ศ. 1945 (ที่มาภาพ: wikipedia.org)

6 ส.ค. 54 - เมื่อ 66 ปีที่แล้ว เมืองฮิโร่ชิม่าหมกไหม้ไปด้วยเพลิงนรกเมื่อสหรัฐฯ ตัดสินใจทิ้งระเบิดนิวเคลียร์

เคอิจิโร่ มัตสุชิม่า ยังคงอายุ 16 ปี ในช่วงเวลานั้น เมื่อเขาได้เห็นการโจมตีที่ปลิดชีวิตผู้คน 100,000 คนในวันเดียว

เค อิจิโร่เล่าย้อนความทรงจำว่าในวันที่ 6 ส.ค. 1945 นั้นเป็นวันที่อากาศสดใส ท้องฟ้าเป็นสีคราม เขาเพิ่งกลับมาเรียนหนังสือเมื่อสัปดาห์ก่อนหลังจากที่เขาและเพื่อนต้องถูก เกณฑ์ให้ไปทำงานหนึ่งปีครึ่งในโรงงานผลิตเครื่องแบบทหาร

ในตอนเช้า 8.15 น. ของวันนั้น ชั้นเรียนของเขาเพิ่งเริ่มขึ้น เขากำลังฟังครูอธิบายโจทย์แคลคูลัสเชิงอนุพันธ์และเชิงปฏิพันธ์

"ผม มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเห็นเครื่องบินทิ้งระเบิด B-29 ของอเมริกา 2 ลำ ในใจก็คิดว่า 'เครื่องบินพวกอเมริกันอีกแล้ว' เดาว่าเครื่องบินพวกนั้นคงแค่ออกบินลาดตระเวนตามปกติ"

แต่พอเขาหันกลับมาที่ตำราเรียน ก็เกิดระเบิดขึ้น

"มีแสงสว่างจ้าและคลื่นความร้อนมหาศาล โลกทั้งใบกลายเป็นสีส้ม ผมรู้สึกเหมือนถูกโยนเข้าไปในเตาอบชั่วขณะหนึ่ง"

ต่อมาเขาถึงรู้ว่าอุณหภูมิที่จุดระเบิดตกห่างจากโรงเรียนของเขา 2 กม. นั้นสูงถึงระดับ 3,000 องศาเซนติเกรด

'คุณพระช่วยลูกด้วย'

แสง สว่างจ้าตามมาด้วยเสียงปะทุสนั่นหวั่นไหว จนถึงบัดนี้มัตสุชิม่ายังไม่อาจระบุแย่ชัดว่าเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียง จากระเบิดหรือเสียงของอาคารที่พังทลาย

"ผมปิดหูปิดตาแล้วกระโดดหลบลงไปใต้โต๊ะ" เขากล่าว

"ทุกอย่างเป็นสีดำสนิท ผมไม่เห็นอะไร มีเด็กอยู่มากในห้องเรียนแต่ไม่มีใครหวีดร้อง"

"ทุกอย่างเงียบสงัด ผมคลานไปมา ในใจร้องว่า 'แม่จ๋าช่วยลูกด้วย คุณพระช่วยลูกด้วย' เป็นครั้งแรกเลยที่ผมสวดภาวนาถึงพระพุทธ"

มัตสุชิม่าบอกว่าตัวเองเป็นผู้มีชีวิตรอดที่โชคดีที่สุดคนหนึ่ง เขามีแผลถูกเศษกระจกบาดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงใดๆ เลย

"ผม คิดว่ามันจะเป็นแค่ระเบิดธรรมดาลูกเดียว แต่เมื่อผมออกไปดู ผมก็ตกตะลึงที่ได้เห็นตึกราบ้านช่องถูกทำลาย ผมคิดว่า 'มันแค่เครื่องบินสองลำนี่ พวกมันทำอะไรไว้' "

เพื่อนของเขาคนหนึ่ง มีแผลเป้นรอยตัดใหญ่ที่ศรีษะ มัตสุชิม่าใช้เศษผ้าช่วยผิดบาดแผลไว้ และคอยพยุงเพื่อนขณะที่พาเขาเดินช้าๆ ไปยังสถานพยาบาลของสภากาชาด

'ขบวนภูติผี'

สิ่งก่อสร้างต่างๆ มีเพลิงโหมไหม้ เด็กทั้ง 2 คนพบคนบาดเจ็บจำนวนมากเดินไปตามทางรถราง ห่างจากจุดระเบิดใจกลางเมือง

"ผมของพวกเขาลุกตั้งชัน บางคนเสียเส้นผมของพวกเขาไป" มัตสุชิม่าย้อนรำลึก

"บางคนมีแผลไหม้เต้มตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า มีหนังลอกออกมาจากหัว เสื้อเป็นรอยไหม้ บางคนแทบเปลือย"

"ตอนนั้นในใจผมคิดว่า 'ฮิโรชิม่ากำลังจะตาย' "

"ผม มองเห็นกล้ามเนื้อสีแดงใต้ผิวหนังของพวกเขา พวกเขายื่นแขนออกมาข้างหน้ากันหมด อาจจะเพราะแผลของพวกเขาก็ได้ พวกเขาเดินช้าๆ เป็นแถวๆ นับร้อยคน ราวขบวนของภูติผี"

แต่ก็มีคนอีกจำนวนมากที่เดินไม่ได้อีกต่อไป

"ผู้ คนพากันคลานไปที่แม่น้ำ ร้องเรียกหาน้ำเพื่อทำให้แผลไหม้ของพวกเขาเย็นลง แต่มีคนจำนวนมากที่เสียชีวิตอยู่ริมตลิ่งหรือไม่ก็จมน้ำ แม่น้ำถึงเต็มไปด้วยซากศพ"

มัตสุชิม่าเล่าว่า โรงพยาบาลของของสภากาชาดเองก็ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด มีเพียงแพทย์และพยาบาลเพียงจำนวนเล็กน้อยที่แม้ตัวพวกเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็พยายามรักษาผู้ป่วยนับร้อยราย

เมื่อรู้ว่าไม่มีใครที่สามารถ ช่วยพวกเขาได้ มัตสุชิม่าและเพื่อนเขาก็เดินออกไป พวกเขาโชคดีพอที่มีรถกู้ภัยผ่านมารับเพื่อพาไปรักษาที่โรงพยาบาลนอกตัวเมือง

ในระยะ 2 กม. ที่จุดระเบิดตก อาคารแทบทั้งหมดไหม้เป็นเถ้าถ่าน และพังราบ

เมืองยุทธศาสตร์

ฮิ โรชิม่าเป้นเมืองที่มีบทบาทสำคัญในทางยุทธศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ สอง ในการเป็นโรงงานผลิตอุปกรณ์ทางการทหารและมีศูนย์บัญชาการกองทัพอยู่จำนวน หนึ่ง

มีประชากรอยู่ราว 400,000 คน ในช่วงที่มีการทิ้งระเบิด ผู้อาศัยส่วนใหญ่ถูกใช้ให้ทำงานในโรงงานของทหาร รวมถึงชาวเกาหลีและแรงงานที่ถูกบังคับรายอื่นๆ แรงงานที่ถูกบังคับเหล่านี้รอดพ้นจากการถูกกดขี่ภายใต้สภาวะการทำงานที่โหด ร้ายเพียงเพื่อจะมาถูกสังหารด้วยระเบิด

แม่ของมัตสุชิม่าอพยพออกจากเมืองเมื่อต้นปีนั้นหลังจากที่สามีเสียชีวิต

หอ พักที่มัตสุชิม่าพักอยู่ถูกทำลายไป เขาออกจากฮิโรชิม่าด้วยการเดินเท้า และไปขึ้นรถไฟกู้ภัยได้หลายกิโลเมตรห่างจากเมือง เขาเดินทางไปยังบ้านแม่ในชนบท

เมื่อแม่ของเขาเห็นควันรูปดอกเห็ดลอยอยู่เหนือเมือง เธอก็คิดไปก่อนแล้วว่าลูกชายของเธอคงเสียชีวิต

วัน ถัดจากนั้น มัตสุชิม่าล้มป่วยอย่างหนัก มีไข้และท้องเสีย แต่ก็อาการดีขึ้นในสัปดาห์ต่อมา เขาคิดว่าเป็นเพราะเขาอยู่ห่างจากเมืองในช่วงที่มีภัยทำให้เขารอดจากการถูก กัมมันตภาพรังสี

ขณะที่มีอีกหลายคนที่ยังคงอยู่ในฮิโรชิม่าเพื่อช่วย กู้ภัยหรือไม่ก็ตามหา ญาติพี่น้องหรือคนรัก โดยไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังอยู่กับภัยอันตรายอีกอย่างหนึ่ง

"ผมล้มป่วยลงอีกหลายครั้ง แต่ก็ต้องขอบคุณพระพุทธเจ้า ที่ผมยังคงมีชีวิตอยู่" มัตสุชิม่ากล่าว

บูรณะเมือง

การที่ระเบิดนิวเคลียร์ถูกทิ้งในช่วงฤดูร้อนยิ่งทำให้การฟื้นตัวของผู้ป่วยช้าลงไปอีก มีหลายคนที่แผลติดเชื้อ

"พวก เขามีหนอนออกมาจากแผล แล้วใช้ตะเกียบคีบมันออก แล้วก็ตายไปทีละคน ทีละคน" มัตสุชิม่าเล่า พลางส่ายหัวไปมาให้กับความทรงจำที่น่าเศร้า

3 วันหลังจากฮิโรชิม่าถูกโจมตี มีระเบิดนิวเคลียร์อีกลูกถูกทิ้งที่นางาซากิ

หลังจากที่ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงครามในวันที่ 15 ส.ค.เท่านั้น ชาวญี่ปุ่นถึงได้รู้ว่า สหรัฐฯ ใช้ระเบิดอะไรทิ้งใส่พวกเขา

จน ถึงปลายปี 1945 มีชาวฮิโรชิม่า 140,000 คนเสียชีวิตโดยเกี่ยวเนื่องกับระเบิด ทั้งผู้ที่ถูกสังหารจากแรงระเบิดและผู้ที่เสียชีวิตในเวลาต่อมาจากการถูก กัมมันตภาพรังสี ขณะที่ในนางาซากิ มีผู้เสียชีวิตมากถึง 80,000 ราย

ฮิ โรชิม่าในทุกวันนี้กลายเป็นเมืองสมัยใหม่ที่ได้รับการบูรณะ มีประชากรราวหนึ่งล้านคน มีสถานที่เรียกว่า "เอ-บอมบ์โดม" ที่เป็นสถานที่รำลึกถึงเหตุการณ์ทำลายล้างในครั้งนั้น อาคารแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นสถานจัดนิทรรศการในช่วงสมัยที่ถูกทิ้งระเบิด มีเพียงโครงสร้างของอาคารที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่ยังคงยืนหยัดอยู่หลังจาก ที่ระเบิดถูกทิ้งลงตรงอาคารที่พอดี

แม้ว่าการโจมตีในครั้งนั้นจะสร้างความทุกข์ทรมานให้ แต่มัตสุชิม่าก็ไม่มีความรู้สึกแย่ๆ ต่อชาวอเมริกัน

"คน เราทำอะไรบ้าๆ ในสงครามเพียงเพื่อจะกำจัดศัตรู ถ้าหากญี่ปุ่นมีระเบิดนิวเคลียร์ พวกเราก็อาจจะใช้เหมือนกัน การโต้เถียงเรื่องในอดีตนั้นไร้สาระ ในตอนนี้พวกเราควรร่วมมือกันกำจัดระเบิดนิวเคลียร์ให้หมดไป"

ที่มา:

The day Hiroshima turned into hell, Aljazeera, 06-08-2011
http://english.aljazeera.net/indepth/2011/08/20118514019236497.html