ที่มา ประชาไท
เว็บไซต์พนมเปญโพสต์ รายงานเมื่อเวลา 15.01 น. วันที่ 11 สิงหาคม ระบุโอกาสแห่งการรื้อฟื้นสัมพันธ์และการทูตระหว่างไทยกับกัมพูชาเปิดกว้าง ขึ้นอีกครั้งหลังจากที่รัฐบาลกัมพูชาส่งจดหมายเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ต่างประเทซของไทยที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทาง การ
โดยพนมเปญโพสต์ระบุว่า เจตจำนงแห่งการร่วมมือกันของสองประเทศนั้นงอกงามขึ้นเมื่อน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้นำของพรรคเพื่อไทยได้รับการเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี และวานนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา ฮอร์ นัมฮง ได้ส่งจดหมายเชิญรัฐบาลไทยในการเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการ
ข้อ ความตอนหนึ่งของจดหมายเชิญที่ ฮอร์ นัมฮง เขียนถึงส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยคนใหม่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ระบุว่า “เพื่อเป็นการเริ่มต้นที่ดีของการร่วมมือระหว่างกัน ผมจะยินดียิ่งหากหากท่านรับคำเชิญมาเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการในอนาคตอัน ใกล้นี้ตามวันที่ท่านสะดวก”
จดหมายดังกล่าวระบุด้วยว่า ฮอร์ นัมฮง คาดหวังว่าไทยและกัมพูชาจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ฉันมิตรและฟื้นความร่วมมือ ที่จะก่อประโยชน์แก่ทั้งสองรัฐบาล
“ผมเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในความ พยายามระหว่างผมและ ฯพณฯ ว่าจะสามารถเติมเต็มซึ่งความมุ่งมาดปรารถนาแก่ประชาชนในประเทศของเราทั้งสอง ในอันที่จะอยู่ร่วมกันอย่างปรองดองกลมกลืนและแบ่งปันความรุ่งเรืองแก่กันและ กัน”
หนึ่งวันก่อนหน้านี้ เว็บไซต์บางกอกโพสต์รายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภาออกมาคาดการณ์ถึงการพบปะกันระหว่างนายกรัฐมนตรีสองประเทศ โดยระบุว่าการพบปะกันดังกล่าวตะเป็นการปูทางไปสู่การเริ่มประชุมของ คณะกรรมการการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ GBCอีกครั้ง
โดย พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาชายแดนนั้นเป็นความสำคัญอันดับต้นๆ โดยอาจจะมีการเดินทางไปยังบริเวณชายแดน จ.ศรีษะเกส และหวังด้วยว่าจะได้พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเพื่อขอไฟ เขียวให้กับการเข้ามาทำหน้าที่ของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา
ใน ประเด็นดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา พล.อ. เตีย บันห์ กล่าวว่ายังคงเป็นเรื่องที่เร็วเกินไปที่จะพูดถึงการไฟเขียวให้กับการแก้ ปัญหาเส้นเขตแดน อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่าจะส่งจะหมายแสดงความยินดีต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย เช่นกัน
สำหรับท่าทีของนายกรัฐมนตรีกัมพูชานั้น ผู้จัดการออนไลน์รายงานระบุ ฮุนเซนกล่าวปาฐกถาในการประสาทปริญญาบัตรมหาวิทยาลัยทรัพยากรมนุษย์ ในกรุงพนมเปญ
ว่า “วันนี้เป็นโอกาสอันดี ผมขอประกาศเกี่ยวกับยุคใหม่แห่งความร่วมมือระหว่างรัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชา กับรัฐบาลราชอาณาจักรไทย ที่นำโดยพรรคเพื่อไทย”
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาเปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปกัมพูชา-ไทย และ คณะกรรมาธิการชายแดนร่วมของสองฝ่ายกำลังจะดำเนินต่อไปเมื่อรัฐมนตรีกลาโหมคน ใหม่ของไทยไปเยือนกัมพูชา ซึ่งคราวนี้จะไม่ต้องมีอินโดนีเซียเข้าร่วมด้วย ฮุนเซน กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่ 17 ตร.กม.เขตปลอดทหารชั่วคราวตามแนวชายแดนสองประเทศนั้น ยังจำเป็นจะต้องมี คณะสังเกตการณ์อินโดนีเซียเข้าประจำ เนื่องจากเป็นวาระของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และเป็นคำสั่งของศาลระหว่างประเทศ และของอาเซียนเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมมั่นต่อกัน และสันติภาพตามแนวชายแดนให้กลับไปสู่สภาพก่อนวันที่ 15 ก.ค.2551 การเจรจาในทุกระดับจะต้องดำเนินต่อไป
ทั้งนี้ ฮุนเซนกล่าวด้วยว่าความตึงเครียดที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย ได้ลดลงนับตั้งแต่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแบบท่วมท้นในเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา
“ผมคิดว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเป็นเพียงฝันร้ายในความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชา และไทย และจากนี้เป็นต้นไปความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะดีขึ้น” สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างคำพูดของฮุนเซนในวันเดียวกัน
ผู้นำกัมพูชา กล่าวอีกด้วยว่า จะมองหาทุกวิถีทางที่จะปรับปรุงสถานการณ์พรมแดนและตนเองไม่คิดว่าความขัด แย้งจะเป็นประเด็นความวิตกกังวลในสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียนอีกต่อไป โดยกัมพูชากำลังจะเข้ารับหน้าที่เป็นประธานกลุ่มอาเซียนต่อจากอินโดนีเซียใน ปีหน้านี้.