WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, August 11, 2011

น้ำลดตอผุดDSIโบ้ยโดนมาร์ค-เทือกบี้ยัดคดีก่อการร้าย คอป.ชงยิ่งลักษณ์ชี้คนฆ่าลอยนวลไม่ยุติธรรม

ที่มา Thai E-News

มี 53 คนถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย ซึ่งมีโทษถึงประหารชีวิต ร้อยละ 10 มีอาการเครียดสูงมาก ในจำนวนนี้ 2 คน มีแนวโน้มจะฆ่าตัวตาย การตั้งข้อหาร้ายแรงนี้เกิดจากแรงกดดันของผู้บริหารระดับนโยบาย ผู้ชุมนุมเห็นว่าตนเองตกเป็นเหยื่อของการกระทำเพียงฝ่ายเดียว ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีส่วนกระทำความผิดทางอาญา กลับยังไม่ได้ถูกดำเนินคดี-รายงานบางตอนของคอป.ฉบับที่ 2 เตรียมเสนอนายกฯยิ่งลักษณ์

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
11 สิงหาคม 2554

วันนี้เวลา 08.30 -12.00 น. ศาสตราจารย์คณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาข้อเท็จจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)จัดเสวนาในหัวข้อ เรื่อง “การเยียวยาและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงตามหลักสากล” โดยได้เปิดเผยรายงานฉบับที่ 2 พร้อมข้อเสนอแนะถึง รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

โดยตอนหนึ่งนายสมชาย หอมละออ กรรมการ คอป. เปิดเผยว่า มีผู้ร่วมชุมนุม โดนตั้งข้อกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้าย เพราะพนักงานสอบสวนถูกกดดันจากผู้บริหารระดับนโยบาย

ชี้ชัดตั้งข้อหาก่อการร้ายเกินกว่าเหตุผลการเมืองสั่ง แต่กลับไม่ดำเนินคดีทหารฆ่า

นายสมชาย หอมละออ กรรมการ คอป. ในฐานะประธานอนุกรมการค้นหาข้อเท็จจริง ในงานด้านกฎหมาย เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบพบว่า ผู้ที่ถูกคุมขังนั้น ส่วนใหญ่ถูกตั้งข้อหาที่เกินเลยจากความเป็นจริง ซึ่งมีมากถึง 53 คน ที่ถูกตั้งข้อหาก่อการร้าย และวางเพลิง ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามีโทษถึงประหารชีวิต

ทั้งนี้จากการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการตั้งข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน คือตำรวจ-DSI และพนักงานอัยการพบว่า การตั้งข้อหาดังกล่าวนั้นเกิดจากแรงกดดันของผู้บริหารระดับนโยบาย อีกทั้งการจับกุมและตั้งข้อกล่าวหายังเป็นในลักษณะของการเหวี่ยงแห ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ ทั้งนี้พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการยังไม่สามารถพิสูจน์พยานหลักฐาน

“จากการตรวจสอบพบว่ามูลเหตุสำคัญที่ทำให้ความรุนแรงดำรงอยู่ คือ ความรู้สึกของผู้ที่ชุมนุมที่เห็นว่าตนเองตกเป็นเหยื่อของการกระทำ และกระบวนการยุติธรรมเพียงฝ่ายเดียว ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐ ที่เชื่อว่ามีส่วนกระทำความผิดทางอาญาไม่มากก็น้อย ยังไม่ได้ถูกดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม” นายสมชาย กล่าว

ทั้งนี้ คอป.จัดเวทีเสวนาในวันนี้เพื่อรับฟังความเห็นจากภาคนักวิชาการ ผู้แทนองค์กรด้านการต่างประเทศ เรื่อง การเยียวยาและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความนรุนแรงตามหลักสากล ก่อนนำข้อมูลไปจัดทำรายงาน คอป.ฉบับที่ 2 นำเสนอต่อรัฐบาลต่อไป

เผยยังโดนขังคุก105คน เครียดสูง10%มีแนวโน้มจะฆ่าตัวตาย2

นพ.รณชัย คงสกนธ์ ประธานอนุกรรมการการเยียวยา ฟื้นฟู และ ป้องกันความรุนแรง คอป. กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สำรวจผู้ที่เป็นเหยื่อของเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง รวมถึงประชาชนและเจ้าหน้าที่ พบว่าส่วนใหญ่ยังมีความเครียดสูง อีกทั้งยังไม่ได้รับการเยียวยา และการชดเชย

สำหรับผู้ที่ร่วมชุมนุมและเกี่ยวข้อง ที่ถูกคุมขัง จำนวน 105 คน นั้น จากการเข้าไปสำรวจ ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 54 พบว่า ร้อยละ 10 มีอาการเครียดสูงมาก ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมี 2 คนที่มีแนวโน้มจะฆ่าตัวตาย

นพ.รณชัย กล่าวต่อว่าจากผลสำรวจดังกล่าว ทางอนุกรรมการฯ มีข้อเสนอแนะเบื้องต้นไปยังรัฐบาล จำนวน 8 ข้อ ได้แก่

1. เร่งเยียวยาและฟื้นฟูจิตใจเหยื่อการชุมนุมให้มีความเข้มแข็งในใช้ชีวิต

2. รัฐบาลต้องเร่งรัดตั้งองค์กรเฉพาะกิจ เป็นศูนย์กลางด้านงบประมาณพื่อเยียวยาอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ เพราะจากการสำรวจพบว่าครอบครัวผู้ที่ถูกคุมขัง ต้องไปกู้เงินนอกระบบจำนวนมากเพื่อนำมาประกันตัว

3.รัฐบาลควรประเมินตัวเลขความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจ กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รวมถึงครอบครัว

4.รัฐบาลควรขยายขอบเขตการเยียวยา ฟื้นฟู ไปยังสังคมด้านอื่นๆ เช่น แหล่งที่อยู่ , แหล่งการค้า

5. ต้องจัดทำข้อเท็จจริง เผยแพร่ไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้เกิดทัศนคติที่ดี ให้อภัย เกิดความเห็นใจ รวมถึงจัดกิจกรรมเพื่อรำลึกถึงเหตุการณให้กับทุกฝ่าย

6. เร่งช่วยเหลือผู้ที่ถูกคุมขัง ตามแนวทางของกฎหมาย เพราะบางรายมีภาวะของความเครียด ซึมเศร้า และมีแนวโน้มฆ่าตัวตาย

7. รัฐบาลต้องเร่งรัดการประกันสิทธิ์ ผู้ที่ถูกคุมขัง รวมถึงตรวจสอบ จำแนกโทษที่แท้จริง

และ 8. ควรประสานความร่วมมือไปยังองค์กร หน่วยงานและทุกภาคส่วน และร่วมกับบูรณาการการทำงานภายใต้องค์กรกลางที่ดูแลข้อพิพาททางการเมือง ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต เพี่อให้การทำงานเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง

**********
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:รวมเอกสารมัดแน่นเช็กบิลหนี้เลือดวีรชน2553


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
9 สิงหาคม 2554

1.เอกสารที่สุเทพ เทือกสุบรรณ และพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด สารภาพว่าเป็นของจริง

สาระสำคัญของเอกสารคือ:นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สั่งการ นายสุเทพรับมอบหมาย นายทหารตั้งแต่ผบ.ทบ.รับงานไปสังหารผู้ชุมนุม ผลคือตาย 92 ศพ เจ็บกว่า2,000 สุดท้ายจับกุมฝ่ายผู้ชุมนุมไปขังคุกไว้400คนเศษ

2.เอกสารที่ทหารยอมรับว่ามีการปฏิบัติการโฆษณาชวนเชื่อให้คนมองผู้ชุมนุม เสื้อแดงเป็นผู้ก่อการร้าย เพื่อออกใบอนุญาตฆ่า โดยคนในสังคมเห็นคล้อยตามไม่คัดต้าน

AW-SP-69-81

สาระสำคัญของเอกสารคือ:ทำไมการสลายการชุมนุมคราวนี้ได้รับการสนับ สนุนจากประชาชนจำนวนมาก และสื่อกระแสหลักนำเสนอแต่ภาพเผาบ้านเผาเมือง ไฟไหม้ห้าง เผาโรงหนังสยาม(และคำบ่นว่า พวกเสื้อแดงเลวสมควรตาย)

คำตอบก็คือเพราะการทำโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาล และทหารได้ผลมีประสิทธิภาพในการล้างสมองให้คนในสังคมคล้อยตาม

3.เอกสารแผนการรบเต็มอัตราศึกต่อผู้ชุมนุม และรายงานผลชัยชนะของฝ่ายทหาร

Lesson 7

สาระสำคัญของเอกสารคือ:ทหารยอมรับว่า นโยบายรัฐบาลชัดเจนมาตลอดที่จะใช้มาตรการทางทหารกดดันม็อบกลุ่ม นปช. ความชัดเจนก็คือนโยบายกระชับวงล้อม เพื่อการยุติ การชุมนุมไม่ใช้การกระชับวงล้อมเพื่อเปิดการเจรจา ..และนายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุม ศอฉ.ในวันที่ 12 พฤษภาคม ให้ฝ่ายทหารเริ่มต้นปฏิบัติการตามแผนยุทธการที่ได้วางไว้

ยุทธการกระชับวงล้อมเมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2553 เป็นการปฏิบัติทางทหารเต็มรูปแบบ จึงเห็นได้ว่าภารกิจชัดเจน คือการกระชับวงล้อมด้วยกระสุนจริง ที่ใช้อาวุธยุทธโธปกรณ์ทางทหารเต็มอัตราศึก ทั้งกำลัง อาวุธประจำกายที่ทันสมัย ชุดสไนปอร์


4.เอกสารระบุชื่อนายทหารระดับบังคับบัญชาต่อกรณีสังหารผู้ชุมนุม10เมษา-19พฤษภาคม53







สาระสำคัญของเอกสารคือ:เป็นการเปิดเผยรายชื่อนายทหารระดับผู้บังคับ บัญชาในการควบคุมการสังหาร และรายชื่อเหยื่อผู้ถูกสังหาร ซึ่งทำให้รู้ชัดเจนว่านายทหารคนใดต้องรับผิดชอบทั้งทางอาญาและทางแพ่ง

เพิ่มเติม:
-โฉมหน้าและรายชื่อทีมสังหารโหดเหยื่อวัดปทุมฯ


-เปิดโฉม2มือสไนเปอร์สังหารเสื้อแดง

5.เอกสารคอป.ชุดอภิสิทธิ์ตั้งชี้ชัดทหารฆ่าอย่างน้อย13ศพ ต้องเอาทหารขึ้นศาล แต่DSIถูกแทรก ศาลไม่เข้าใจทำให้ไม่ให้ประกันนักโทษเสื้อแดง

หนังสือเรียนนายกรัฐมนตรี เรื่องรายงานความคืบหน้า 6 เดือนแรก

รายงานความคืบหน้า คอป ครั้งที่ 1


สาระสำคัญของเอกสารคือ:พบว่าอย่างน้อยผู้เสียชีวิต ๑๓ ราย เกิดจาก การกระทำของเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ ไม่มีตอนใดเลยกล่าวถึงชายชุดดำว่าเป็นผู้สังหารเหยื่อ10เมษายน-19พฤษภาคม 2553 แต่การทำงานของตำรวจและDSIถูกฝ่ายการเมืองแทรกแซง เพราะไม่มีการดำเนินคดีต่อทหารและฝ่ายการเมือง ขณะที่ศาลไม่เข้าใจเหตุการณ์กลับดำเนินคดีต่อนักโทษเสื้อแดงเหมือนคดีอาญา ทั่วไป ไม่ยอมให้ประกันตัว แต่คอป.ไม่เห็นด้วยกับการนิรโษกรรม