ที่มา ไทยรัฐ
“แหย่” จนได้เรื่อง
กับยุทธศาสตร์ “ลองของ” ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ประกาศเสียงตามสายไปถึงผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ขอให้หยุดการกระทำขัดขวางการเข้าออกภายในทำเนียบรัฐบาลโดยเร็ว
หากยังไม่ยอมเลิก ตำรวจจะเข้าควบคุมฝูงชนตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก
ขู่หยั่งเชิง วัดลำหักลำโค่นกันในที
และก็เป็นอะไรที่ได้เห็นของจริงกันเลย จากอาการไก่ง่วง คนเสื้อแดงที่เหลืออยู่ หร็อมแหร็มในช่วงเช้าวันที่ 30 มีนาคม กำลังงัวเงียจากการอดนอนมาทั้งคืน
พอได้ยินเสียงขู่สลายม็อบ ต่างพากันโห่ร้อง
ขณะที่แกนนำ นปช.บนเวที ได้ประกาศเรียกระดมคนมารวมตัวกันให้มากๆ พร้อมกับวิทยุชุมชนในเครือข่าย ประกาศให้ประชาชนเสื้อแดงในเมืองกรุงและปริมณฑล ออกมารวมตัวกันที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อรับมือการสลายผู้ชุมนุม
ระดมกองหนุนพรึบพรับทันตา ภายในไม่กี่ชั่วโมง
สะท้อนถึงแนวร่วมมวลชนเมืองหลวงที่ไม่ธรรมดา
ที่สำคัญยังมีการปลุกเร้าให้แนวร่วมคนเสื้อแดงทั่วประเทศ ทั้งเหนือ กลาง อีสาน ลุกฮือปิดล้อมศาลากลางจังหวัด ทั้งที่เมืองจันทบุรี กาญจนบุรี อุดรธานี ลำปาง โคราช เชียงราย เชียงใหม่ ฯลฯ
โชว์พลังเสื้อแดง “ของจริง”
นั่นก็ทำให้ “เทพเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ที่ยืนยันแข็งขันว่า จะต้องเปิดทางให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เข้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อประชุม ครม. ในวันอังคารที่ 31 มีนาคมให้ได้
เสียงอ่อนลงไปถนัดตา
ระบุแค่ว่า ยังไม่มีการตัดสินใจงดประชุม ครม.ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 31 มีนาคม ต้องขอประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน หากมีสัญญาณที่บ่งชี้ว่า อาจจะนำไปสู่ความรุนแรง ทางรัฐบาลก็คงพยายามหลีกเลี่ยง
ม็อบเสื้อแดงยิ่งจุดยิ่งติด
สวนทางกับการประเมินของฝ่ายรัฐบาลที่ออกมาประสานเสียงคาดการณ์ ยุทธการดับเครื่องชนห้องเครื่องเหล่าอำมาตยาธิปไตยของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร
จะทำให้แนวร่วมคนเสื้อแดงหดหาย
ที่แน่ๆโดยหัวเชื้อกระพือไฟ ล่าสุด พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรอง ผอ.กอ.รมน. พยานปากสำคัญในท้องเรื่องเบื้องหลังแผนโค่น “ทักษิณ” เปิดฉากแฉอีกช็อตมันๆ
“ครั้งหนึ่งก่อนการประชุมหารือกันที่บ้านสุขุมวิท ซึ่งมีผมกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และคุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา นั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกภายในบ้าน ปรากฏว่าคุณปีย์ได้ถามผมว่า ทำให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หายไปได้ไหม
ผมก็เลยตอบไปว่า เป็นการยาก ทำไม่ได้ เพราะท่านมี รปภ. จำนวนมากคงจะต้องยิงกันเละ จนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แต่ สามารถทำให้ตายได้ ทุกคนก็เงียบไม่พูดอะไร ซึ่งขณะนั้น พล.อ. สุรยุทธ์นิ่งเงียบไม่พูดอะไร เพียงแต่นั่งเฉยๆ ไม่ได้ออกความเห็น”
ก่อนจะดักคอกันด้วยลีลา “ทหารเฒ่าไม่มีวันตาย” สไตล์ พล.อ.พัลลภ
“ผมคิดว่าเราสามารถโกหกคนได้ทั้งโลก แต่ไม่สามารถโกหกตัวเองได้ คุณปีย์คงรู้ในใจตัวเองดี ผมยังมีเรื่องที่จะพูดอีกมากถึงคนชื่อปีย์ มาลากุล ที่ยังไม่อยากนำมาเปิดเผยในขณะนี้”
โดยสถานะของคนวงใน ยิ่งสาวยิ่ง “เข้าเนื้อ” ลึกเข้าไปทุกที
แต่ที่น่าเอะใจ เรื่องของคนวงในที่หันมาทิ่มกันเอง กับคิวของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ที่กำลังเล่นบทขึงขังไล่ล่า ไล่บี้อดีตนายกฯทักษิณถึงฐานที่มั่น เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
บล็อกไม่ให้ “พ่นพิษ” กลับเมืองไทย
ล่าสุด กลับถูกนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.ลากตั้ง ในเครือข่ายม็อบพันธมิตรฯด้วยกัน ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยกรณีนายกษิตยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยภรรยามีหุ้นของบริษัททางด่วนกรุงเทพฯ ที่เป็นบริษัทที่รับสัมปทาน หรือเข้าข่ายเป็นคู่สัญญากับรัฐ
จึงอาจเข้าข่ายการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ และความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว
โดยฉากหน้าเหมือนกับว่า “เล่นกันเอง” แต่โดยเกมที่ลึกไปกว่านั้น โดยสถานการณ์ง่อนแง่นโงนเงนของนายกษิต ภาระที่คนประชาธิปัตย์ชักจะอุ้มไม่ไหว
งานนี้ก็เหมือนนายเรืองไกรช่วยหารันเวย์ให้ลงนิ่มๆ
ไม่ให้เสียหน้าเสียตาว่า “โดนโละ”.
“ทีมข่าวการเมือง รายงาน”