ที่มา Thai E-News
โดย สมุดบันทึกสีแดง
4 เมษายน 2552
*อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง
-หลอกให้สารภาพแลกปล่อยตัว สุดท้ายคุก10ปีสุวิชาคดีหมิ่นฯ
-ปากคำใต้บัลลังก์พิพากษา "สุวิชา"
-ปิยะบุตร แสงกนกกุล กรณีสุวิชา จำเป็นอย่างยิ่งต้องรณรงค์ขอ "พระราชทานอภัยโทษ" อย่างกว้างขวาง
ข้อเสนอเพื่อหนุนช่วยคุณสุวิชา ท่าค้อ
1.ช่วยกันประณามการตัดสินกรณี ของคุณสุวิชา ท้าค้อ ในรูปแบบต่างๆ เช่น ส่งจดหมายร้องเรียน และเรียกร้องให้เปิดเผยรูปภาพ ข้อความที่คุณสุวิชา ท่าค้อ ได้โพส เพื่อให้ประชาชนมีร่วมตัดสิน เราต้องเรียกร้องให้นำระบบลูกขุนมาให้แทนระบบระยุติธรรมในประเทศไทย
2.เรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
3.ให้กำลังใจครอบครัวของสุวิชา ท่าค้อ ในทุกรูปแบบ
4.ปกป้องและรณรงค์ช่วยคนที่ถูกข้อกล่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ในคุกหรือคนที่กำลังอยู่ในกระบวนการของศาล ให้พ้นผิดหมดทุกข้อกล่าวหาอย่างไม่มีข้อยกเว้น เพราะพลเมืองทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะคิดและตั้งคำถาม หากสถาบันกษัตริย์ดีจริงและมีคนรักจริงๆ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพก็ไม่มีความจำเป็นแต่อย่างได
เห็นข่าวการตัดสินของศาลเกี่ยวกับ กรณี ของคุณ สุวิชา ท่าค้อ แล้วรู้สึกโกรธ ชิงชังกับสภาพสังคมที่เป็นอยู่ แค่ความคิดของคนที่อยากตั้งคำถามกับสังคมที่เขาอาศัยอยู่ แค่เขาถามหาความจริง เขาถูกพรากชีวิตไปร่วม 11 ปี
ไม่เพียงแค่เขาคนเดียว แต่หมายรวมถึงครอบครัว ลูก เมีย อนาคตการเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพการเข้าเรียนในโรงเรียนดีๆ ถูกคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าบดขยี้อย่างไม่เหลือชิ้นดี เพียงแค่ให้ตัวเองอยู่ในอำนาจต่อไป
คนที่ตัดสินหัวใจมันคงดำเปื้อนเน่าสนิท มันคงเป็นประเภทที่เห็นคนตายแล้วยิ้มหัวเราะด้วยความชอบใจโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร ถ้าเป็นแบบนั้นโครงสร้างของสังคมไอ้ที่มีอำนาจในร่างมนุษย์นี่มัน คือ คนหรือปีศาจ กันแน่ และเราอยากจะอยู่กับสังคมปีศาจสกปรก หรือ สังคมนุษย์อารยะ ที่มนุษย์มีความเท่าเทียมกัน
อย่างไรก็ดีในโลกนี้มันมีระบบยุติธรรมอยู่สองชนิดคือ ชนิดแรกที่เราเห็นอยู่ในประเทศไทย ที่คนส่วนน้อยได้กำหนดกติกาของระบบยุติธรรมขึ้นมา ปรัชญาของความยุติธรรมที่ใช้อยู่คือเพื่อปกป้องคนกลุ่มน้อยหรือกาฝากของสังคม ชนิดที่สองคือความยุติธรรมที่คนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นคนที่ตั้งขึ้นมา เช่น การปฏิวัติฝรั่งเศสที่มีปรัชญา
กรณีคุณสุวิชา ท่าค้อ ทำให้มีคำถามเกิดขึ้นว่า ท่ามกลางขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยมีนักการเมืองที่เป็นแกนนำชอบอ้างความจงรักภักดีต่อกษัตริย์ และชอบเหมารวมว่า ประชาชนคนไทยทุกคนจงรักภักดี? เหตุการณ์นี้มันชวนให้คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีความจำเป็น และปกป้องระบบอันป่าเถื่อนไปโดยปริยาย ซึ่งมันถึงเวลาแล้วถ้านักการเมืองเหล่านี้ถ้ามีหัวใจรักประชาชนจริงๆ เหมือนที่เปล่งเสียงออกมา ก็ไม่ควรจะยืนอยู่บนคราบน้ำตาแห่งความทุกข์ ไม่ควรจะปิดหูปิดตา ไม่รับรู้ว่าขณะนี้มีประชาชนถูกคุมขังเพราะมีความคิดต่างตามหลักประชาธิปไตย
ถึงเวลาจะเปลี่ยนจุดยืนยืดอกประกาศว่า ประเทศไทยไม่ควรมีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพื่อแสดงความรักและความเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นอันดับแรก
ความงี่เง่าอีกอันหนึ่งพวกเราไม่ควรลืมก็คือพนักงานสอบสวน จะพยายามกล่อมให้คนรับผิดทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำความผิด พวกนี้รู้ว่าคนธรรมดาคนจนมีจุดอ่อนอยู่ที่เรื่องของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะครอบครัวของคนที่มีคนหารายได้เข้าครอบครัวเพียงคนเดียว เช่น กรณีของคุณสุวิชา ท่าค้อ หรือ ป้าบุญยืน ทั้งสองคนถูกกล่อมให้รับผิดเพื่อโทษหนักจะได้กลายเป็นโทษเบา จะได้พ้นผิด และจะได้กลับไปหาเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียเลี้ยงครอบครัวเหมือเดิม
ข้อกล่าวหาว่า กระทำความผิดโดยการโพสต์รูปและข้อความลงบนอินเตอร์เน็ต นั้นก็ไม่ได้มีพิสูจน์อย่างโปร่งใสว่ามันคือรูปอะไรกันแน่ ปล่อยให้พวกผู้พิพากษาเพียงไม่กี่คนตัดสิน อาจไม่เข้าใจระบบความเป็นธรรม แน่นอนนอกจากกีดกันคนธรรมดาไม่ให้เข้าถึงความยุติธรรม ในกรณี “รูป” ที่เผยแพร่ถ้าเป็น “รูป” ที่คนดูแล้วติดเชื้อโรคทำให้ตายภายใน 24 ชั่วโมงก็มีเหตุผลที่เข้าจับกุมเพราะมันมีผลกระทบต่อคนอื่น
แต่ถ้าเป็นรูปภาพความระยำของคนมีอำนาจก็เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบตามคำแนะนำของผู้มีอำนาจในสังคมไทยที่หิวความโปร่งใส และโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นบุคคลที่บังคับให้คนอื่นแสดงความเคารพก็ไม่น่าจะมีความผิดแต่อย่างใด หนำซ้ำควรเพิ่มอำนาจให้มีการตรวจสอบเพิ่มมากขึ้นต่างหาก
ถ้าคนเรามีความเท่าเทียมและใช้ศีลธรรมชุดเดียวกัน มันก็คงไม่มีปัญหา แต่มันเกิดปัญหาขึ้นมาเพราะคนส่วนน้อยมันกำหนดกรอบศีลธรรม ความดีงามขึ้นมาแล้วตัวมันเองทำไม่ได้ มันอยากให้คนอื่นทำตามกฎต่างหาก ในหนังเรื่อง The Reader มีฉากหนึ่งที่นำเอาการ์ดของนาซีมาขึ้นศาลเพื่อหาเหตุในการทำผิดและลงโทษ คนเป็นจำนวนมากโกรธแค้น แต่นักเรียนกฎหมายคนหนึ่งแสดงความโกรธแค้นว่า ถ้ามีปืนจะยิงการ์ดนาซีที่อยู่ในศาลทิ้งเสียเพื่อลงโทษที่เธอมีส่วนร่วมในพฤติกรรมอันป่าเถื่อนนั้น
แต่อีกคำถามหนึ่งเค้าถามว่าคนที่อยู่ในช่วงเหตุการณ์ในยุคนั้น ทำไมไม่ทำอะไร ปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เราปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ภาระนี้ไม่ได้อยู่ที่คนหนึ่งคนใด แต่มันเป็นความรับผิดชอบของพวกเราทุกคนที่จะออกมาบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
“มนุษย์” แง่การเป็นสมาชิกของสังคมไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ มนุษย์ต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ผ่านการตั้งคำถามและแสดงความเห็นว่าชอบหรือเห็นต่าง ในเรื่องของมาตรฐานทางสังคมที่มันเกี่ยวข้องกับตนเองหรือพวกเรา การตั้งคำถามถือเป็นสิทธิพื้นฐาน หากสังคมใดไม่มีการตั้งคำถามจะเป็นสังคมที่โง่เขลาและป่าเถื่อน คนที่ได้รับความป่าเถื่อนมากที่สุดคือ ประชาชนคนธรรมดานั่นเอง เหมือนที่เราๆเห็นอยู่ในประเทศไทยขณะนี้
ข้อเสนอเพื่อหนุนช่วยคุณสุวิชา ท่าค้อ
1.ช่วยกันประณามการตัดสินกรณี ของคุณสุวิชา ท้าค้อ ในรูปแบบต่างๆ เช่น ส่งจดหมายร้องเรียน และเรียกร้องให้เปิดเผยรูปภาพ ข้อความที่คุณสุวิชา ท่าค้อ ได้โพส เพื่อให้ประชาชนมีร่วมตัดสิน เราต้องเรียกร้องให้นำระบบลูกขุนมาให้แทนระบบระยุติธรรมในประเทศไทย
2.เรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
3.ให้กำลังใจครอบครัวของสุวิชา ท่าค้อ ในทุกรูปแบบ
4.ปกป้องและรณรงค์ช่วยคนที่ถูกข้อกล่าวนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ในคุกหรือคนที่กำลังอยู่ในกระบวนการของศาล ให้พ้นผิดหมดทุกข้อกล่าวหาอย่างไม่มีข้อยกเว้น เพราะพลเมืองทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะคิดและตั้งคำถาม หากสถาบันกษัตริย์ดีจริงและมีคนรักจริงๆ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพก็ไม่มีความจำเป็นแต่อย่างได
รังเกียจพวกอภิสิทธิชนคนกาฝาก เคารพในศักดิศรีความเป็นมนุษย์ที่เท่ากันของคน