ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
โดยสถานการณ์ปกติแล้ว แทบจะไม่มีพ่อค้าหรือนักธุรกิจรายใดแสดงความเห็นขัดแย้งกับรัฐบาล ซึ่งอาจจะยังผลเสียให้กับตนเองหรือธุรกิจของตนเองได้ มิพักจะต้องกล่าวไปถึงการออกมาวิจารณ์นโยบายอย่างตรงไปตรงมา
ฉะนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่นักธุรกิจใหญ่ออกมา วิพากษ์อย่างเปิดเผยว่า นโยบายการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลว่าดำเนินการผิดทิศผิดทาง
ด้านหนึ่งจึงต้องพึงรับฟังไว้เป็นข้อมูล และตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การออกมาวิจารณ์กันอย่างซึ่งหน้าเช่นนี้ย่อมแสดงถึงสถานการณ์ที่ "ไม่ปกติ" สักเท่าใด
แต่สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันก็ไม่ปกติอยู่แล้วมิใช่หรือ
อย่างไรก็ดี ข้อวิจารณ์ต่อนโยบายเช็คช่วยชาติและโครงการต้นกล้าอาชีพของรัฐบาล ว่าเป็น การให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ผิดจุด ของนายบุญชัย โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒนพิบูลก็น่ารับฟัง
มิใช่น่ารับฟังแต่เพียงเพราะผู้วิจารณ์เป็นประธานของเครือบริษัทคนไทยที่ผลิตและขายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ที่สุด ซึ่งได้สัมผัสสัมพันธ์กับกำลังซื้อและความรู้สึกของประชาชนในวงกว้างเท่านั้น
หากยังเพราะจุดที่ชี้ให้เห็นว่า หากต้องการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจแล้ว จุดแรกที่ควรดำเนินการก่อน มิใช่การแจกเงินหรือโครงการฝึกอาชีพในสิ่งที่ผู้ได้รับการอบรมก็ไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อน
แต่อยู่ที่การป้องกันมิให้บริษัทหรือกิจการเลิกจ้างแรงงาน
ซึ่งสุดท้ายแล้วอาจจะใช้เงินอุดหนุนต่ำกว่าการแจกหว่านที่ทำอยู่
ข้อเสนอหรือข้อสังเกตดังกล่าวอาจจะมีข้อโต้แย้งได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
แต่ประเด็นที่รัฐบาลควรจะใช้ให้เป็นประโยชน์จากกรณีนี้ก็คือ เปิดรับฟังความคิดเห็นหรือข้อมูลจากกลุ่มบุคคลต่างๆ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีความเห็นต่างจากตนเองออกไป
เพื่อจะได้ข้อคิดเห็นและข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ส่งผลให้การกำหนดทิศทางและนโยบายเศรษฐกิจครอบคลุมมากที่สุด หรือมีจุดอ่อนข้อบกพร่องน้อยที่สุด
ยิ่งสามารถระดมความคิดเห็นหรือความร่วมมือจากคนกลุ่มต่างๆ ได้มากเท่าไหร่ การทำงานของรัฐบาลก็จะยิ่งสะดวกง่ายดายมากขึ้นเท่านั้น
ตรงข้ามกับการปิดกั้นหรือแสดงภูมิรู้อยู่แต่ผู้เดียว ที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อความสำเร็จ