ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
นอกจาก 91 ศพในเหตุการณ์เมษาฯ-พฤษภาฯ ที่ต้องทวงถามความเป็นธรรมแล้ว
ในจำนวนนี้ที่ตกเป็นข่าวในระดับสากลก็คือ
การทวงถามสาเหตุการเสียชีวิตของนักข่าวต่างประเทศที่ต้องมาเซ่นสังเวยในเหตุรุนแรงในประเทศเรา
เช่น การเสียชีวิตของนาย "ฮิโรยูกิ มิราโมโตะ" ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นของสำนักข่าวรอยเตอร์
เมื่อวันที่ 10 เมษายน และ "นายฟาบิโอ โนเลนกี้" ช่างภาพชาวอิตาลี
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
2 นักข่าวต่างประเทศกำลังจะกลายเป็นปัญหาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศขึ้น
หลังรัฐบาลของทั้งสองประเทศ มอบหมายให้สถานทูต พร้อมกับญาติคนตาย
เดินทางมาทวงถามความคืบหน้าถึงการตายครั้งนั้นมาตลอดว่าใครเป็นคนฆ่า
ทว่ารัฐบาลไทยและหน่วยงานที่รับผิดชอบในขณะนี้คือดีเอสไอ
ไม่เคยตอบคำถามได้ ทั้งที่เวลาล่วงเลยมานานพอสมควรแล้ว
ในกรณีนักข่าวญี่ปุ่น มิใช่จะมืดมนสับสนไร้ร่องรอย
ข่าวสดเคยติดตามพยานหลักฐานจนพบว่า เคยมีคำให้การของพยานเอก 4 ปาก
ในเหตุการณ์ 10 เมษายน ที่สามารถเป็นแนวทางในการหาตัวผู้ลั่นกระสุนได้ไม่ยาก
แต่พยานเหล่านี้ ดีเอสไอไม่เคยพูดถึง ไม่เคยนำมาเป็นเบาะแสติดตามต่อ
ย้อนไปดูหลักฐานคำให้การของพยาน 4 ปากเกี่ยวกับการตายของนายฮิโรยูกิ
เป็นคำให้การที่ถูกเก็บเงียบมานานกว่า 3 เดือน
ทั้งๆ ที่พยานทั้งหมดให้การหลังเกิดเหตุเพียง 2-3 วันเท่านั้น
คำให้การดังกล่าวระบุชัดเจนถึงการตายของนายฮิโรยูกิว่ายิงมาจากฝ่ายใด
รวมทั้งมีจุดน่าสังเกตมากมายในวันเกิดเหตุ
โดยเฉพาะแสงไฟของถนนที่ดับลงอย่างจงใจ
ก่อนที่ห่ากระสุนจะสาดซัดทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
สําหรับคำให้การของพยาน
กรณีการตายของนายฮิโรยูกิ แบ่งเป็น กลุ่มผู้ชุมนุม 3 คนที่เห็นเหตุการณ์
และอยู่ในจุดที่มีการปะทะเป็นเหตุให้นักข่าวอาทิตย์อุทัยเสียชีวิต
และอีกหนึ่งเป็นหน่วยกู้ภัยที่ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองใดๆ
เพียงเข้าไปทำหน้าที่ช่วยชีวิตโดยไม่เลือกว่าเป็นสีอะไร
ทั้ง 4 คนมีชื่อ-ที่อยู่บอกไว้ชัดเจนกับตำรวจสน.ชนะสงคราม
เจ้าของท้องที่เกิดเหตุ เรียกว่าเป็นพยานที่มีตัวตนจริงแท้แน่นอน
มี 2 คนให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 12 เมษายน
และอีก 2 คนมาให้การในวันที่ 13 เมษายน
รายแรกเป็นผู้ชุมนุมอายุ 54 ปี ระบุว่า ราว 1 ทุ่มวันเกิดเหตุขณะร่วมชุมนุมที่หน้าร.ร.สตรีวิทยา
ได้รับคำสั่งจากแกนนำบนเวทีให้ไปขัดขวางทหารที่จะเข้ามาสลายการชุมนุม
จึงร่วมกับผู้ชุมนุมเข้าไปผลักดันทหารที่อยู่บริเวณสี่แยกคอกวัว
ขณะที่เดินเข้าไปนั้น มีผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในเวลาต่อมา
เดินแซงหน้าไปที่บริเวณด้านหน้าของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงจนประชิดกับแนวทหาร
จากนั้นก็ได้เกิดเหตุการณ์ระเบิดในกลุ่มทหาร 1 ครั้ง
"จากนั้นทหารก็ยิงปืนใส่กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหลายนัด เป็นเหตุให้ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ
และเห็นผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นคนดังกล่าวที่ด้านหน้าประมาณ 1 เมตร
ถูกกระสุนปืนที่ยิงมาจากฝ่ายทหาร แต่ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนลงมือ"
พยานปากที่ 2 อายุ 55 ปี ซึ่งมีชื่อ-นามสกุลระบุชัดเจน ให้การว่า
ระหว่างไปร่วมผลักดันทหารที่บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา
ขณะนั้นผู้ชุมนุมกำลังผลักดันกับกำลังทหาร
แล้วก็ได้ยินเสียงปืน มาจากบริเวณสี่แยกคอกวัว ซึ่งผู้ชุมนุมก็ผลักดันทหารจนล่าถอยไป
ก่อนมีเสียงปืนหลายนัดยิงมาจากฝ่ายทหารเข้ามายังผู้ชุมนุม ซึ่งพยานถูกยิงที่หน้าอกด้านขวา
บริเวณใต้ราวนมจำนวน 1 นัด ก่อนจะมีผู้มาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล
พยานปากนี้ยังระบุว่า ไม่สามารถระบุคนยิงได้ เนื่องจากไฟมืด
แต่ยืนยันว่ามาจากฝ่ายทหารบนอาคารโรงเรียนสตรีวิทยา และหลายจุดในบริเวณเดียวกัน !!!
ข้าราชการทหาร อายุ 40 ปี ที่เข้าไปร่วมชุมนุม เป็นพยานอีกรายที่ให้การว่า
ได้เดินทางไปร่วมสนับสนุนกับผู้ชุมนุมที่บริเวณสี่แยกคอกวัว
โดยยืนอยู่แนวหน้าปะทะผลักดันกับกำลังทหารที่บริเวณถนนตะนาว
กระทั่งแนวทหารเริ่มถอยหลัง จากนั้นก็มีเสียงปืนดังมาจากด้านหลังของแนวทหารยิงเข้ามาใส่ผู้ชุมนุม
ซึ่งพยานคนเดียวกันนี้ได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่บริเวณด้านหลังมือขวาแตกได้รับบาดเจ็บ
พยานยืนยันว่าอาวุธปืนที่ยิงใส่ผู้ชุมนุมมาจากฝ่ายทหาร !!!
พยานปากสุดท้ายคือเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัย อายุ 42 ปี มีชื่อและนามสกุลชัดเจน ระบุว่า
มากับเพื่อน 3 คน ขับรถไปลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากแยกคอกวัว
ระหว่างนั้นรับตัวนายฮิโรยูกิ จากกลุ่มผู้ชุมนุมที่ช่วยเหลือพาส่งร.พ. ซึ่งผู้บาดเจ็บไม่รู้สึกตัว
เมื่อจับชีพจรดูปรากฏว่าไม่เต้นแล้ว จึงพยายามปั๊มหัวใจแต่ก็ไม่สำเร็จ
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลจึงได้นำร่างของผู้ตายส่งมอบให้เจ้าหน้าที่แพทย์และพยาบาล
พยานคนเดียวกันนี้ ยังให้การระบุว่า ทราบว่าเป็นผู้สื่อข่าวจากบัตรที่คล้องคอ
สภาพบาดแผลถูกยิงเป็นรูเล็กประมาณนิ้วก้อย จำนวน 1 แผล ที่บริเวณเหนือราวนมซ้าย
ด้านหลังด้านขวาเป็นรูประมาณนิ้วหัวแม่มือ และมีโลหิตไหลออกมาจำนวนมาก คาดว่าน่าจะถูกอาวุธปืน
ที่น่าสนใจก็คือในคำให้การของพยานหลายปาก ระบุตรงกันว่า
ระหว่างการผลักดันกันไปมา จู่ๆ ไฟถนนก็ดับลงพร้อมกับเสียงกระสุนที่สาดออกมาจากแนวทหาร
หากไม่ใช่เหตุบังเอิญที่ไฟถนนดับพอดี ก็น่าจะเป็นการจงใจดับไฟ !??
ตำรวจที่สอบปากคำระบุว่า
คำให้การของพยานทั้ง 4 ปากส่งให้ดีเอสไอ ที่รับผิดชอบคดีไปนานนับเดือน แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
เพราะเวลาที่ผ่านมากว่า 3 เดือน นานเกินไปที่จะทนรอต่อไปได้
ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นสั่งการผ่านสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ให้กระทุ้งรัฐบาลไทยเร่งหาคำตอบให้ชัด
ใครคือผู้รับผิดชอบต่อการตายของนักข่าวรายนี้
ขณะเดียวกันญาติของนายฮิโรยูกิ ตัดสินใจบินมาสอบถามด้วยตัวเอง
ร้อนถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ต้องสอบถามไปยังดีเอสไอ
แต่ก็ยังเงียบ
จนกระทั่งเมื่อเช้าตรู่ วันที่ 24 สิงหาคมนี้เอง นายคัตสึยะ โอกาดะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น
เดินทางมายังประเทศไทย และไปปรากฏตัวที่บริเวณสี่แยกคอกวัว
เพื่อไปยืนไว้อาลัยให้กับคนในชาติของตนเองที่มาเสียชีวิตบริเวณดังกล่าว
ภาพนี้ตบหน้าใครบ้าง!!