ที่มา ข่าวสด
คอลัมน์ ชกไม่มีมุม
วงค์ ตาวัน
ภาย ใต้การจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย ผสมผสานกันระหว่างรักษาการผบ.ตร. พล.ต.อ. ปทีป ตันประเสริฐ กับว่าที่ผบ.ตร. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผสมผสานกันระหว่างรองนายกฯ กับ นายกฯ
ค่อนข้างแน่นอนว่า ในวันที่ 1 ก.ย. จะมีการประชุมก.ตร. เพื่อพิจารณาวาระแต่งตั้งนายพลประจำปี
เริ่มจากระดับรองผบ.ตร., ผู้ช่วยผบ.ตร. และผบช.
ระหว่างที่พล.ต.อ.วิเชียรเองยังไม่ได้รับตำแหน่งเต็มตัว โดยพล.ต.อ.ปทีปก็ยังทำหน้าที่รักษาการผบ.ตร.อยู่
องค์กรตำรวจจึงดูเหมือนยังไม่พร้อมนัก ที่จะรับมือกับตั๋วของฝ่ายการเมือง
ยิ่งเมื่อเสถียรภาพของรัฐบาลก็มิได้มั่นคง โอกาสจะยุบสภาอีกไม่นานนัก
ฝ่ายการเมืองยิ่งต้องพยายามเข้ามาจัดวางตัวบุคคลเพื่อเตรียมรับเลือกตั้ง!?!
นี่จึงเป็นปัญหาของว่าที่ผบ.ตร.และรักษาการผบ.ตร.
ต้องผนึกกันเพื่อรักษาความถูกต้องเที่ยงธรรมให้ได้มากที่สุด
การยึดหลักอาวุโส ในการพิจารณาผู้เลื่อนขึ้นมาเป็นรองผบ.ตร. และผู้ช่วยผบ.ตร.
ไปจนถึงเกณฑ์ 33 เปอร์เซ็นต์ในการแต่งตั้งระดับ ผบช.ลงไป
เป็นทางออกที่ดีที่สุด!
ถ้าใครรู้จักสไตล์ของพล.ต.อ.วิเชียรผบ.ตร.คนใหม่เป็นอย่างดีจะรู้ว่า เป็นคนยึดถือหลักการเป็นสิ่งสูงสุด
เชื่อได้ว่า ไม้ตายที่ฝ่ายผู้นำตำรวจจะงัดออกมาใช้ เพื่อประสานการจัดทำบัญชีแต่งตั้งให้เรียบร้อยลงตัว และรักษาองค์กรให้ได้มากที่สุด
นั่นคือ เกณฑ์อาวุโส
ผู้ช่วยผบ.ตร.จะเลื่อนขึ้นมาเป็นรองผบ.ตร. ก็เห็นกันอยู่ อันดับ 1-6
ยกเว้นคนใดคนหนึ่งออกไปดำรงตำแหน่งอื่น ก็เลื่อนอันดับ 7 ขึ้นมา
ส่วน ผบช.ที่จะต้องเลื่อนขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผบ.ตร. 11 ตำแหน่งนั้น ก็เปิดลำดับอาวุโสจะเห็นหมด ชื่อที่คุ้นก็เช่น พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ พล.ต.ท.ธีระวัฒน์ กิติวัฒน์
พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ พล.ต.ท.อมรินทร์ อัครวงษ์ พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.ศ. พล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน เป็นต้น
เอาอาวุโสมาวางก็จบ
ไม่ต้องวิ่งเต้น การเมืองก็แทรกยาก
เห็นอย่างนี้ ผบช.น.ก็โชคดีไป ไม่ต้องขยับขึ้น!