WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, August 25, 2010

อย่าระเริง

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ เหล็กใน




เห็น ตัวเลขเศรษฐกิจของเมืองไทยที่เติบโตทะลุเป้า ทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ยอดการขยายตัวของการลงทุนทั้งคนไทยและต่างชาติ ตลาดหุ้น ตลาดรถยนต์ และอสังหาริมทรัพย์ ที่แย่งกันเติบโตอย่างน่าพอใจ

ครึ่งแรกของปี 2553 การขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่ธรรมดาเพราะ 2 ไตรมาสที่ผ่านมาเฉลี่ย 10%

โดยเฉพาะไตรมาสแรกของปีอยู่ที่ 12%

แม้อาจจะมีภาพลวงติดอยู่บ้างเล็กน้อยเนื่องจากปี 2552 เศรษฐกิจไทยหดตัวประมาณ 2.3%

แต่ก็ยังเป็นสัญญาณที่ดี

พร้อม กับภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกผงกหัวขึ้นมาได้ โดยเฉพาะพี่เบิ้มสหรัฐ ส่วนจีนไม่ต้องพูดถึงขนาดพยายามแตะเบรกก็แล้ว ยังหยุดความร้อนแรงไม่อยู่

ทำให้ตอนนี้จีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกแซงหน้าญี่ปุ่นไปแล้ว

ดูเหมือนทุกอย่างจะสดใสกาววาว

ทางหนึ่งก็ดีใจว่าเมืองไทยเริ่มฟื้นจากปัญหาที่รุมเร้ามานานนับปี

แต่ อีกทางก็อดหวั่นวิตกไม่ได้ว่าคนไทยอาจจะลืมความยากลำบากในช่วงวิกฤต "ต้มยำกุ้ง" เมื่อ 10 กว่าปีก่อน หรือวิกฤต "แฮมเบอร์เกอร์" เมื่อเร็วๆ นี้

ช่วง "ต้มยำกุ้ง" คนไทยโดนเต็มๆ หน้าซีดหน้าเซียวไปตามๆ กัน

ส่วน "แฮมเบอร์เกอร์" จะโดนหางเลขเกี่ยวกับปัญหาการส่งออก และตลาดทุนที่ต่างชาติเทขายหุ้นและตราสารหนี้อื่นๆ

ทั้ง 2 วิกฤตมีคนไทยตกงานนับล้าน ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

บวกกับปัญหาทางการเมือง-การม็อบ ที่ช่วยทุบให้อาการหนักขึ้น

ดูเหมือนตอนนี้พอเริ่มฟื้นยืนขึ้นมาได้บ้าง ทั้งยอดขายสินค้า ตัวเลขการส่งออก-นำเข้า ฯลฯ

พร้อมกับตัวเลขแรงงานที่ต้องการมากขึ้นในหลายๆ อุตสาหกรรม

สิ่งที่จะตามมาคือความหลงระเริงในรายได้ที่มากขึ้น และเงินที่หาได้ง่ายขึ้น

เรา จึงเห็นยอดจองอสังหาริมทรัพย์มีตัวเลขที่สูงลิ่ว ในจำนวนนี้มีบางส่วนที่เก็งกำไร คล้ายๆ ก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่ตัวเลขยังไม่มากจนน่าห่วง

รวมไปถึงธนาคารยังมีหนี้เสียน้อยอยู่ เรียกว่าเป็นหนึ่งในองค์กรที่ระมัดระวังตัวเองอย่างมาก เพราะเข็ดจากวิกฤตเดิม

ส่วนประชาชนคนทำงานโดยเฉพาะพวกเด็กรุ่นใหม่ ที่ทำงานมาไม่ถึง 10 ปี กลัวว่าจะหลงระเริงกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ มีเงินจับจ่ายสบายมือ

ตัดสินใจสร้างหนี้ก้อนใหญ่ให้ตัวเองอย่างง่ายๆ เพราะมองแค่เงินรายได้ในปัจจุบัน และวาดฝันว่าจะได้มากขึ้นในอนาคต

ของอย่างนี้มันไม่แน่ ทางที่ดียึด "เศรษฐกิจพอเพียง" ไว้เป็นคาถาป้องกันตัวจะดีที่สุด

เพราะเศรษฐกิจโลก หรือเศรษฐกิจไทยที่เจ๊งๆ กันมา ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากเรื่องเดียว

คือใช้จ่ายเกินตัว หรือ "ไม่พอเพียง" นั่นแหละ