WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, August 26, 2010

รักชาติแบบไม่แบ่งใคร

ที่มา thaifreenews

โดย นอกคอก

ไลฟสไตล์
วิเคราะห์การเมือง
'หน่าย'การเมือง-สังคม รักชาติแบบไม่แบ่งใคร เครดิตสังคมดียังไม่พอ ต้องมีสติ-ฝีมือ-ค.กล้า!
วันพุธที่ 25 สิงหาคม 2010 เวลา 16:47 น.
"เอก ยุทธ" สุดหน่าย "การเมืองไทย-สังคมไทย" แขวะ "จารุวรรณ" อยากอยู่ในตำแหน่ง ก็ควรแก้ก.ม.เลยว่า "ใครมีตำแหน่งให้อยู่จนตาย-ไม่ต้องมีเกษียณ" พร้อมยกเหตุเกิดที่ "ตากาล็อก" ทีชาวฮ่องกงตาย มาสอน "มาร์ค" เพื่อเทียบกับเหตุเกิดที่เมืองไทย เย้ยมีเครดิตทางสังคมอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีสติปัญญา-มีฝีมือในการบริหาร และมีความกล้าในการรับผิดชอบ เพื่อแสดงให้เห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำด้วย

นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานบริหารเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป กล่าวถึงการอภิปรายงบประมาณ ประจำปี 2554 ว่า ผ่านมา 5 วัน อภิปรายกันกว่า 60 ชั่วโมง แต่เป็นเรื่องเดิมๆ ไม่มีอะไรสร้างสรรค์ การตัดงบฯก็ค่อนข้างเลอะเทอะ ไม่มีข้อมูลอะไรที่ชัดเจน และเช่นเดิม ก็ยังมีการกล่าวอ้างถึง "นักโทษทักษิณ ชินวัตร" อยู่ตลอด ทำให้รู้สึกว่า ข่าวที่เราในหน้าสื่อเวลานี้ ถ้าไม่มีข่าวเนวิน ชิดชอบ ก็เป็นข่าวลูกชายชวรัตน์ ที่เป็น the man behind the scene รวมถึงข่าวของ "นักโทษในต่างแดน" แทนที่จะเห็นข่าวที่ว่า รัฐบาลแก้ปัญหาปากท้อง แก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้

ยิ่งมาเห็นกรณีคุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา ที่มาแถลงข่าวตอบโต้คารมกับนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ต่อหน้าสื่อมวลชนแบบไม่มีใครยอมใคร ทำให้รู้สึกอดสู ที่ผ่านมา จะเห็นว่า คุณหญิงจารุวรรณ ได้รับการต่ออายุจากยุคคมช.มาแล้ว แต่เมื่อกฎหมายระบุชัดว่า อายุเกิน 65 ปี ต้องเกษียณ ก็ยังมีการอ้างคำสั่งคปค. เพื่อยื้อให้อยู่ต่อไป เป็นการแสดงให้เห็นชัดว่า "รักชาติ" แบบไม่ยอมให้ใครมารักเลย ถ้ายังเป็นแบบนี้ ก็น่าจะแก้กฎหมายไปเลยว่า ต่อ "ใครมีตำแหน่ง" ก็ให้อยู่จนตาย ไม่ต้องมีเกษียณ จะดีหรือไม่

นายเอกยุทธ กล่าวอีกว่า อีกกรณีที่น่าเป็นห่วงคือ ศาลปกครองกลางมีความเห็นว่า คำสั่งที่ให้พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นรองผบ.ตร. มิชอบ และให้มีการถอนคำสั่งนั้น ก็ค่อนข้างงง และจะมีผลตามมาอีกมาก เพราะถ้ายกเลิกการแต่งตั้งครั้งนั้น แล้วการปฏิบัติหน้าที่มาปีเศษ จะเป็นอย่างไร หลายคำสั่งที่เซ็นออกไป จะเป็นโมฆะหรือไม่ ที่สำคัญตำแหน่งดังกล่าวมีการโปรดเกล้าฯมาแล้ว จะทำอย่างไรต่อไป เป็นเรื่องที่ "ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง" ต้องหาทางออกให้ได้

"ที่ผ่านมา จะเห็นว่า บ้านเราไม่มีความชัดเจนในหลายๆ เรื่อง ว่าถ้าเกิดเหตุใดๆ หรือเกิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะดำเนินการอย่างไร ที่เป็นบรรทัดฐาน และสังคมยอมรับ ไม่ใช่ว่าเกิดอะไรขึ้นมา ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ ที่สำคัญคนที่อาสาเข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติ ควรมีจิตสำนึก และมีคุณธรรม-จริยธรรม สร้างบรรทัดฐานที่ดี เป็นแบบอย่างที่ดีต่อคนในสังคมและคนรุ่นหลังๆ"นายเอกยุทธกล่าวและว่า เราจะเห็นกันว่า พอเกิดเหตุอะไรขึ้นมาในบ้านเรา ระดับรัฐมนตรี หรือแม้แต่ตัวนายกรัฐมนตรีเอง ต้องลงไปดูแลทุกเรื่อง ซึ่งไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่ที่ดูแล ควรรับผิดชอบไปเองได้ ไม่ใช่มัวรอผู้ใหญ่มาสั่งงานอย่างเดียว ทำให้งานไม่เดิน และเป็นอุปสรรคมาตลอด

นายเอกยุทธ กล่าวต่อว่า ที่อยากบอกคือ "อำนาจ" เป็นเส้นแบ่งที่บางมากๆ ระหว่าง "เผด็จการหลงยุค" กับ "นักประชาธิปไตย" เพราะต่างก็ถือกฎหมายฉบับเดียวกัน ลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบ พรรคเพื่อไทยถูกยุบอีก อะไรจะเกิดขึ้น เพราะการเมืองบ้านเราเวลานี้ ก็ยังย่ำอยู่แบบเดิมๆ หากยังเล่นการเมืองกันแบบนี้ สมัยหน้า...อาจได้เห็นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือไม่ก็นายเนวิน ชิดชอบ หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ลูกชายนายชวรัตน์ มาเป็นนายกฯของประเทศไทยก็ได้ ซึ่งไม่มีใครช่วยอะไรได้ ถ้าเรายังเลือกและยอมรับกับระบบที่เป็นอยู่แบบนี้ ถ้ามีการเลือกตั้ง พวกเขาก็จะกลับมา จะดี-จะชั่วอย่างไร ก็ไปว่ากันเอาเอง

นายเอกยุทธ กล่าวอีกว่า จะเห็นได้ว่า นักการเมืองทะเลาะกัน ถ้ามีผลประโยชน์ร่วมกันก็หันมาจูบปากกันได้ แต่เรื่อง "ความตาย" จะกี่ชีวิตก็มีความหมาย อย่างที่ฟิลิปปินส์ ซึ่งมีเหตุร้ายแรง จนทำให้นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงเสียชีวิตถึง 8 ราย แต่ก็ทำให้ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ต้องออกมาขอโทษ เพราะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก แต่เมื่อมาเทียบกับเหตุเกิดที่เมืองไทย มีคนตาย 91 ศพ เจ็บอีกหลายพันคน แต่นายกรัฐมนตรีคนนี้ก็ยังอยู่ได้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่เคยเอ่ยคำ "ขอโทษ" แค่กล่าวเพียงคำว่า "เสียใจ" ต่อเหตุการณ์กระชับพื้นที่ที่เกิดขึ้น ตนเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้มีเครดิตทางสังคมสูง แต่สำหรับตนแล้ว แค่เครดิตอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องมีสติปัญญา-มีฝีมือในการบริหารประเทศ และต้องมีความกล้าในการแสดงความรับผิดชอบ เพื่อโชว์ให้เห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำด้วย

"ย้ำอีกครั้งว่า บ้านเมืองเราต้องมีขอบเขต ถ้ามีคนทำผิด ไม่ว่าเป็นใคร-กลุ่มใด มีเส้นเพียงใด ก็ต้องจับกุมมาให้ศาลดำเนินการ ให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่มาใช้ศาลเตี้ย เพราะไม่เช่นนั้น เกิดเห็นบางคนคิดต่าง ก็บอกไม่รักชาติ ก็ไปจัดการเลย เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ควรใช้สติปัญญาตัดสินใจมากกว่าใช้อารมณ์"นายเอกยุทธกล่าว