ที่มา thaifreenews
โดย Porsche
Read more from ประเทศไทย
เกี่ยวกับผู้เขียน
นาย กริกอรี่ ปาสโคเป็นนักข่าวและนักโทษทางการเมืองชาวรัสเซีย
โดยนายปาสโคได้ถูกจับกุมและพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 4 ปี
ในข้อหากบฏต่อต้านรัฐบาลรัสเซีย
นายปาสโคถูกปล่อยตัวหลังจากถูกจำคุกเป็นเวลา 2ปี
และได้รับอนุญาตให้สามารถเดินทางออกนอกประเทศ
18เดือนหลังจากได้รับการปล่อยตัว
นายอัมสเตอร์ดัมและนายปาสโคได้ทำงานร่วมกันในด้านการเรียกร้อง
สิทธิมนุษยชนในรัสเซียเป็นเวลาหลายปี
นายบูท : พ่อค้าความตาย?
นายฟิลลิปส์ โควเลย์ ตัวแทนของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ
แสดงความเห็นว่าคดีของนายบูทจะไม่ส่งผลในทางลบต่อความสัมพันธ์
ระหว่างสหรัฐและรัสเซีย
การประกาศเช่นนี้ถือเป็นการประกาศตามมารยาททางการทูตเท่านั้น
เพราะแท้จริงแล้ว
แม้แต่บุคคลทั่วไปก็สามารถมองเห็นได้ว่าคดีของนายบูทนั้น
จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอย่างมาก
และอันที่จริงแล้วคดีของนายบูทได้ส่งผลกระทบต่อ
ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศแล้ว
แม้กระทั่งในปัจจุบัน
เราสามารถรับรู้ได้ว่าการแถลงข่าวของเหล่านักการทูตรัสเซียในประเทศไทยดู
จะไม่ค่อยพอใจที่สหรัฐพยายามกดดันให้รัฐบาลไทยส่งตัวนายบูทไปยังสหรัฐ
ประชาชนรัสเซียโดยทั่วไปย่อมเข้าใจว่า
การที่รัฐบาลรัสเซียพยายามปกป้องนายบูทอย่างหนัก
แสดงให้เห็นว่านายบูทมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งไม่ดีไม่งามบางอย่าง
เพราะรัฐบาลของปูตินมักจะปกป้องพียงแค่กลุ่มคนที่รัฐบาลชอบ รักใคร่
และคนที่ทำตามคำสั่งรัฐบาลเท่านั้น
การปกป้องนายบูทไม่ต่างจากการปกป้องกลุ่มนักบินชาวรัสเซียที่ถูกจับกุมเมื่อ
หลายปีก่อนที่อินเดีย ปกป้องกลุ่มคนที่สังหารของนาย Yandarbiyev
และปกป้องกลุ่มสายลับชาวรัสเซียที่ปฏิบัติการล้มเหลวในสหรัฐ
และด้วยเหตุดังกล่าว
คนในประเทศรัสเซียจึงไม่แม้แต่พยายามที่จะแสวงหาความจริงว่าแท้จริงแล้ว
นายบูทถูกกล่าวหาด้วยข้อหาอะไร หรือเป็นใคร
ในขณะเดียวกัน มีข้อมูลกระจายอยู่ในอินเตอร์เน็ตว่านายวิกเตอร์
บูทถูกอัยการของรัฐนิวยอร์กดำเนินคดีสี่ข้อหาด้วยกัน
รวมถึงข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสมรู้ร่วมคิดทางอาชญากรรม
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะลำเลียงอาวุธสงครามให้แก่กลุ่มนักต่อสู้กองกำลัง
ปฏิวัติแห่งโคลัมเบีย (FRRC) “
โดยนายบูทรับรู้และเข้าใจว่าอาวุธเหล่านั้นได้นำไปใช้เข่นฆ่าประชาชน
และเจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐ”
การข้อมูลข่าวสารบางส่วนที่ประชาชนได้รับรู้
ทำให้สามารถโยงข้อเท็จจริงทั้งสี่ประการเข้าด้วยกันได้ทันที
ประการแรก ไม่กี่ปีที่ผ่านมารัฐบาลรัสเซียได้สารสัมพันธ์กับรัฐบาลนายฮูโก้
ชาเวซอย่างชัดแจ้ง กระตือรือร้น หรืออาจกว่าได้ว่าอย่างหนักหน่วง
โดยลำเลียงอาวุธสงครามให้นายชาเวซ
และยังสร้างข้อตกลงอันเหนียวแน่นโดยเฉพาะเรื่องการซื้อขายอาวุธสงคราม
ประการที่สอง นายฮูโก้ ชาเวซ กล่าวชมเหล่านักต่อสู้โคลัมเบียบ่อยครั้ง
ประการที่สาม นายฮูโก้ ซาเวชกล่าวตำหนิสหรัฐหลายครั้ง
ประการสุดท้าย หากกล่าวอย่างนุ่มนวลแล้ว สามารถกล่าวได้ว่า
กลุ่มผู้นำรัสเซียในปัจจุบัน ไม่ชอบกลุ่มผู้นำสหรัฐ
เบื้องหลังของเหตุการณ์เหล่านี้ยังมีเรื่องสายลับใต้ดินและสงครามทางการทูต
เกิดขึ้นอีกด้วย สิ่งเหล่านี้มักถูกปิดบังจากสายตาประชาคมโลก
รัฐบาลรัสเซียจึงทำทุกวิธีทางที่จะไม่ให้นายบูทถูกส่งตัวไปยังสหรัฐ
คำถามคือ กลุ่มผู้นำรัสเซียกลัวอะไร?
คำตอบสามารถหาอ่านได้ใน
ข้อความ http://www.ej.ru/?a=note&id=10336
บางตอนของนักสาวข่าวรัสเซียที่ชื่อว่า Latynina
นี่คือข้อความบางส่วนที่ Latynina เขียน : นายวิกเตอร์
บูทถูกจับกุมข้อหาพยายามขายระบบเครื่องมือป้องกันทางอากาศของรัสเซีย
100 เครื่อง (ระเบิดที่ใช้ยิงเฮลิคอปเตอร์/เครื่องบินระดับต่ำ)
ให้แก่เจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ปลอมตัวเป็นนักต่อสู้ในโคลัมเบีย
การเจรจาเกี่ยวกับคดีของนายบูท นักโทษทางการเมือง
ได้ถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ
เมื่อเราสามารถเปรียบเทียบตัวเลขเหล่านี้แล้วจะทราบได้ทันทีว่าระบบเครื่องมือ
ป้องกันทางอากาศของรัสเซีย 100 เครื่องมีอานุภาพแค่ไหน
ผมจะแสดงอีกข้อมูลหนึ่งองค์กร CIA ได้ลำเลียงเครื่องมือชนิดเดียวกัน 500
เครื่องให้กับกลุ่มกบฎมูจาฮีดีนชาวอัฟกานิสถาน ในราคา 183,000
ดอลล่าสหรัฐต่าเครื่อง CIA นำกลับประเทศราว 300 เครื่อง
เพราะกลุ่มกบฎมูจาฮีดีนใช้แค่ 200
เครื่องก็สามารถทำลายความเป็นผู้นำทางอากาศของโซเวียตได้แล้ว
หากกล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ
การขนส่งระบบเครื่องมือป้องกันทางอากาศของรัสเซีย 100 เครื่องนี้
เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลรัสเซีย
เพราะคงไม่มีใครสามารถดำเนินงานนี้หากปราศจากการสนับสนุนจากเบื้องบน
ตามข้อมูลของศูนย์การวิเคราะห์ข้อมูล Stratfor ในสหรัฐ
คนในกองทัพที่นายวิกเตอร์ บูททำงานให้ในโมซัมบิค ในยุค 80
คือนายไอกอร์ เชชิน
Latynina ยังกล่าวถึงเรือนขนส่งสินค้าแห้งที่ชื่อว่า Arctic Sea Latynina
เธอเห็นว่านายบูทมีความเกี่ยวข้องเพียงน้อยนิดในคดีนี้
แต่ยังมีเหตุการณ์ที่ ในวันที่ 12 ธันวาคม 2552 เครื่องบิน I1-76
ทีใช้ขนอาวุธทั้งหมด 35ตันถูกยึดที่กรุงเทพมหานคร
ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธชนิดที่ใช้ยิงขึ้นฟ้า
มีการกล่าวว่าเครื่องบินดังกล่าวเป็นของนายบูท ภายใต้บริษัทของบูท
Latynina สรุปว่า FSB (หน่วยตำรวจลับคล้าย CIA/KGB) ซึ่งตั้งอยู่ที่
Lubyanka Square ในกรุงมอสโควมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว
และหากเราร้อยเรียงเรื่องราวเข้าด้วยกัน
เราจะเข้าใจได้ไม่ยากว่าเบื้องหลังนายบูทนั้นไม่ใช่แค่ FSB
แต่รวมถึงกลุ่มผู้นำสูงสุดของรัสเซียด้วย
และกลุ่มคนเหล่านั้นต้องการตัวนายบูทกลับไปยังรัสเซีย
ไม่ใช่ในเรือนจำที่ประเทศไทยและมากกว่านั้นคือ
เรือนจำและต่อหน้าศาลในสหรัฐ
นาย กริกอรี่ ปาสโค เป็นนักข่าวและนักโทษทางการเมืองชาวรัสเซีย
โดยนายปาสโคได้ถูกจับกุมและพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 4 ปี
ในข้อหากบฏต่อต้านรัฐบาลรัสเซีย
นายปาสโคถูกปล่อยตัวหลังจากถูกจำคุกเป็นเวลา 2ปี
และได้รับอนุญาตให้สามารถเดินทางออกนอกประเทศ
18เดือนหลังจากได้รับการปล่อยตัว
นายอัมสเตอร์ดัมและนายปาสโคได้ทำงานร่วมกันในด้านการเรียกร้องสิทธิ
มนุษยชนในรัสเซียเป็นเวลาหลายปี
http://robertamsterdam.com/thai/?p=377