WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, February 21, 2011

ทัศนะต่อบทความ "เบี้ยเดินหมาก" ของ "นิธิ เอียวศรีวงศ์"

ที่มา ประชาไท

มีบางอย่างในบทความ "เบี้ยเดินหมาก" ของอาจารย์นิธิ ที่อ่านจบแล้ว พาลไม่เห็นด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นบรรทัดไหน ข้อความใด จนได้มาอ่านบทความ "นีโอชาตินิยม" ของใบตองแห้ง ก็ถึงบางอ้อว่าน่าจะเป็นข้อความเดียวกันกับที่ใบตองแห้งเองก็ไม่เห็นด้วยกับ อาจารย์นิธิ นั่นก็คือ

"สังคมโดยรวมมีสติเป็นตัวของตัวเอง ไม่ตกเป็นเครื่องมือการแย่งอำนาจกันด้วยเล่ห์กระเท่ห์ของชนชั้นนำอย่างหมดตัวเหมือนที่เคยเป็นมา"

สังคม ไทยโดยรวมมีสติขึ้นจริงหรือเปล่า ถ้าจะเน้นคำว่า "โดยรวม" เหมือน "โดยเฉลี่ย" ก็อาจจะจริงที่หลังจากข่าวการสู้รบที่ชายแดนเผยแพร่ต่อคนกรุงเทพในช่วงวัน หยุดเสาร์ อาทิตย์ พอถึงวันจันทร์ ม็อบกู้ชาติที่มัฆวานก็เหมือนจะตื่นตัวอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็อ่อนแรงลง แม้แต่สงครามชายแดนและวีรบุรุษวีรสตรีในคุกเขมร ก็ยังไม่สามารถปลุกปั่นกระแสคลั่งชาติได้อย่างมีประสิทธิผลนัก

นั่นก็คือ "โดยรวม/โดยเฉลี่ย" แล้ว สังคมไทย (ในที่นี้ทั้งอาจารย์นิธิ ใบตองแห้ง และผม น่าจะหมายถึงชนชั้นกลางในกรุงเทพเป็นหลัก) มีสติมากกว่า ตอนที่ออกมาขับไล่รัฐบาลสมัครด้วยประเด็นเขาพระวิหารเดียวกันนี้

แต่คำว่า "สังคมโดยรวมมีสติเป็นตัวของตัวเอง" มากขึ้น มันอดคิดไม่ได้ว่าหมายถึงทุกคน ทุกสี ทุกองคาพยพมีพฤติกรรมเช่นว่า ซึ่งชวนให้ตั้งข้อสงสัยนักว่าจริงหรือ หมายความว่าทั้งนักวิชาการสันติประชาธรรมที่ลงนามคัดค้านสงคราม และสมาชิกบอร์ดเสรีไทยที่เอารายชื่อนักวิชาการเหล่านั้นมาเผยแพร่ และตีตราว่าเป็นพวกขายชาติ ล้วนแล้วแต่มีสติมากขึ้น หมายความว่าทั้งคนที่ออกไปรวมตัวกัน จุดเทียนเป็นสัญลักษณ์เพื่อสันติภาพ และที่อยู่แถวสะพานมัฆวาน ล้วนแล้วแต่มีสติมากขึ้น

เราจะปฏิเสธหรือ ว่าการลุกขึ้นมาต่อต้านสงครามนั้น ไม่ได้เป็นพฤติการณ์ของมวลชนเสื้อแดง และนักวิชาการที่เอนเอียงไปทางเสื้อแดง (แทบจะล้วนๆ ) เราจะปฏิเสธหรือ ว่าทั้งมวลชนเสื้อเหลือง ตั้งแต่ระดับ NGO ยันรองศาสตราจารย์ ไม่ได้ทำตัวไร้สติกันอีกต่อไปแล้ว

นี่ยังไม่นับมวลชนเสื้อขาว ที่ดูไม่ค่อยสนใจอีร้าค้าอีรม ใครอยากจะคลั่งชาติ อยากจะปลุกปั่นให้ทหารไทยส่งกองกำลังไปยึดนครวัดเพื่อแลกกับเขาพระวิหาร ก็ทำไปตามสะดวก ทั้งที่คนกลุ่มเดียวกันนี้ หงุดหงิดรำคาญใจทุกครั้ง เมื่อบ.ก. ลายจุดจัดกิจกรรมวันอาทิตย์สีแดง (แต่เอาละ เรายกผลประโยชน์ให้จำเลย เนื่องจากความเงียบก็ตีความได้หลายอย่าง ไม่ได้หมายถึงพวกเขา "สนับสนุนสงคราม" เสมอไป อาจจะ "คิดว่ายังไงสงครามก็ไม่เกิด" หรือ "ก็ต่อต้านนะ แต่ไม่อยากถูกมองว่าเป็นเสื้อแดง")

ผมเห็นด้วยกับอาจารย์นิธิว่า สังคมไทยโดยรวมมีสติมากขึ้น แต่คำว่าสังคมไทยในที่นี้ เราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วจะพูดถึงเรื่องสี และพลวัตรระหว่างสีต่างๆ การผลักตัวเองให้ไร้สติมากขึ้นของคนเสื้อเหลือง ส่วนหนึ่งก็ช่วยให้คนเสื้อแดงต้องยิ่งออกมาแสดงพลัง และส่งผลให้ฐานมวลชนของเสื้อเหลืองแคบลงเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกัน เหมือนกับรู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนส่วนน้อยของสังคม การแสดงออกของเสื้อเหลืองก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย (แค่ถือป้าย "สันติภาพ" และ "ชายแดนเป็นเรื่องสมมติ" ก็ถูกขึ้นข้อหาแล้วว่า "ขายชาติ" หรือ "รับเงินทักษิณ")

พลวัตรเหล่านี้มีคุณค่าและชวนคิดตาม และถ้าเราคิดตามแล้ว จะได้ข้อสรุปเหมือนกันหรือเปล่าว่า "ชนชั้นกลางไทยมีสติมากขึ้น เท่าๆ กับที่พวกเขาเปลี่ยนมาเป็นคนเสื้อแดงมากขึ้นต่างหาก"

บทความนีโอชาตินิยม ของใบตองแห้ง
http://prachatai3.info/journal/2011/02/33191

บทความเบี้ยเดินหมาก ของอาจารย์นิธิ
http://www.prachatai3.info/journal/2011/02/33145