ที่มา มติชน นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณารายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรี( ครม.)ตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปีที่ 1 (วันที่ 30 ธันวาคม 2551 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2552) ที่รัฐสภา วันที่ 24 กุมภาพันธ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย(พท.) อภิปรายตอนหนึ่งว่า ปัญหาสัญชาติของนายกฯก็เกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ ขอให้นายกฯตอบตรงๆ ในสภาว่า นายกฯสละสัญชาติอังกฤษแล้วหรือยัง เพราะกฎหมายอังกฤษบอกว่า เกิดในอังกฤษก่อนปี 2526 จะได้สัญชาติอังกฤษทันที และมีหลักฐานว่า นายกฯเกิด 3 สิงหาคม 2507 แต่ลงทะเบียนกับสถานเอกอัครราชทูตไทยวันที่ 1 เมษายน 2508 ฉะนั้นถ้าไม่ถอนก็จะเป็นคน 2 สัญชาติ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เรื่องของสัญชาติไม่เคยปิดบังอะไร เกิดที่ประเทศอังกฤษ เมืองนิวคาสเซิล พ่อแม่เป็นคนแจ้งเกิด อยากถามท่านว่าเป็นคนแจ้งเกิดเองหรือไม่ พ่อแม่ไม่ได้อยู่ลอนดอน เมื่อย้ายมาอยู่ลอนดอน จึงได้ไปแจ้งทางการอังกฤษ การที่สงสัยว่าสละสัญชาติอังกฤษนั้น ยอมรับว่าไม่เคยทำเรื่องสละสัญชาติอังกฤษด้วยเหตุผล เป็นการเข้าใจว่าการถือสัญชาติ ถ้าเป็นกฎหมายที่ขัดกัน ก็ให้ถือกฎหมายของไทยเป็นหลัก “ผมเกิดที่อังกฤษ ถือสัญชาติไทย ตั้งใจทำงานเพื่อประเทศไทย ไม่คิดถือสัญชาติอื่นแล้วไปหาผลประโยชน์ในประเทศอื่น ไม่คิดขอลี้ภัย แล้วไปขอสัญชาติประเทศเขา เพื่อไปหาผลประโยชน์จากประเทศอื่น จะแลกกันไหม ถ้าไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ผมไม่มีปัญหาอยู่ในใจอยู่ในหัวในตัว ผมสละได้ และได้ไปถามนักวิชาการ และ กกต.(คณะกรรมการการเลือกตั้ง) เขาบอกว่าไม่มีปัญหา ถ้าจะไล่ให้ถือสัญชาติเดียวก็ยินดี ถ้าจะให้ผมสละสัญชาติอังกฤษ ผมก็สละได้ แต่คนของท่านที่ถือพาสปอร์ตหลายประเทศ ก็ต้องสละด้วย จะยอมหรือไม่” นายอภิสิทธิ์ กล่าว