WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, June 20, 2011

ชนักปักหลัง"ยิ่งลักษณ์"?

ที่มา มติชน



โดย ประสงค์ วิสุทธิ์ prasong_lert@yahoo.com

คอลัมน์ ณ ริมคลองประปา มติชนรายวัน

เครือ ข่ายพลเมืองคัดค้านนิรโทษ กรรมคอร์รัปชั่นทักษิณ (คนท.) นำโดย นายแก้วสรร อติโพธิ และ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงอาการไม่พอใจเป็นอย่างมาก เมื่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกมาแถลงข่าวเคลียร์หน้าเสื่อให้แก่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทยว่า ยังไม่มีการกระทำที่เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ใน 2 กรณี

กรณีแรก แม้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่า"ยิ่งลักษณ์" เป็นผู้ถือหุ้น บริษัท ชินคอร์ป แทน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 20 ล้านหุ้นซึ่งรับโอนมาตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2543 แต่สัดส่วนหุ้นดังกล่าว ไม่ถึงร้อยละ 5 ของทุนจดทะเบียน "ยิ่งลักษณ์" จึงไม่ต้องยื่นรายงานใดๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการถือครองหุ้น

เมื่อไม่มีหน้าที่ต้องยื่นรายงานต่อสำนักงาน ก.ล.ต. จึงไม่อาจแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานได้

กรณี ที่สอง คดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น บริษัท เอสซี แอสเสท ซึ่งบริษัท วินมาร์ค ลิมิตเต็ด เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในบริษัทประมาณร้อยละ 20 (ต่อมาโอนหุ้นจำนวนดังกล่าวให้ 2 กองทุนในมาเลเซีย) และยังถือหุ้นชินคอร์ปอยู่อีกจำนวนหนึ่ง แต่มีการปกปิดไว้

ปรากฏ ว่า เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2549 "ยิ่งลักษณ์" ชี้แจงต่อสำนักงาน ก.ล.ต.ว่า บริษัทวินมาร์ค และ 2 กองทุนในมาเลเซียมิได้เกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์ใดๆ กับครอบครัวชินวัตร ซึ่งขัดต่อพยานหลักฐานที่ ก.ล.ต. ได้จากการตรวจสอบ (หลักฐานระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน เป็นผู้จัดตั้งกองทุนซิเนตรา ทรัสต์ซึ่งถือหุ้นกันเป็นทอดไปยังบริษัท บลูไดมอนท์ วินมาร์ค และ 2 กองทุนในมาเลเซียและบริษัทเอสซีฯ ตามลำดับ)

อย่างไรก็ตาม สำนักงาน ก.ล.ต.อ้างว่า ไม่สามารถดำเนินการกับ "ยิ่งลักษณ์" ได้เพราะ

1.การ ชี้แจงดังกล่าวไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯเนื่องจากการแจ้งเท็จตามกฎหมายหลักทรัพย์ ต้องเจตนาให้ผู้อื่นสำคัญผิดเกี่ยวกับฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน หรือราคาหุ้น แต่กรณีนี้เป็นการแจ้งเกี่ยวกับการถือหุ้นเฉยๆ

2.การ ชี้แจงดังกล่าวเกิดขึ้นในขั้นตอนทั่วไปที่ ก.ล.ต.สอบถาม มิใช่เป็นการใช้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ จึงไม่ใช่ความผิดกรณีการให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานตาม มาตรา 302 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ

แม้ สำนักงาน ก.ล.ต.ไม่สามารถ (ไร้น้ำยา?) เอาผิด "ยิ่งลักษณ์" ได้ แต่มิได้หมายความว่า "ยิ่งลักษณ์" จะหลุดพ้นจากชนักปักหลังจากเรื่องนี้ได้เพราะเอาเข้าจริง "ยิ่งลักษณ์" ไม่เคยชี้แจงถึงพฤติกรรมอันคลุมเครือและน่าสงสัยของตนเองเลย อาทิ

หนึ่ง "ยิ่งลักษณ์" ได้รับเงินปันผลจากหุ้นชินคอร์ปตั้งแต่ปี 2546-2548 รวม 6 งวด เป็นเงินรวม 97.49 ล้านบาท โดยงวดที่ 3-6 ปี 2547-2548 เป็นเงิน 70.1 ล้านบาท

ปรากฏ ว่า "ยิ่งลักษณ์" ใช้เช็คเงินสด 42 ฉบับ ถอนเงินสดๆ ออกจากบัญชีครั้งละ 1 ล้าน 1.5 ล้าน และ 2 ล้านบาท ฯลฯ ติดกันเกือบทุกวัน ทันทีที่ได้รับเงินปันผลจนหมดทุกครั้ง โดยไม่มีหลักฐานไปแสดงต่อศาลฎีกาฯว่า นำเงินไปใช้ตามที่อ้าง เช่น สร้างบ้าน ซื้อเครื่องประดับ ซื้อเงินตราต่างประเทศ ทำให้ศาลวินิจฉัยว่า คำให้การของ "ยิ่งลักษณ์" รับฟังไม่ได้

พฤติกรรมดังกล่าวเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่า หลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากกฎหมายฟอกเงิน?

สอง การที่สำนักงาน ก.ล.ต.อ้างว่า การที่ "ยิ่งลักษณ์" ชี้แจงว่า บริษัทวินมาร์ค และ 2 กองทุนไม่เกี่ยวกับครอบครัวชินวัตร มิได้มีเจตนาที่จะทำให้สำคัญผิดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่มี ผลต่อราคาหุ้นนั้น

ก.ล.ต.เคยตรวจหรือไม่ว่า หลังจากที่ "ยิ่งลักษณ์" ชี้แจงเรื่องดังกล่าวและมีการนำคำชี้แจงไปเผยแพร่นั้น ทำให้ราคาหุ้นบริษัทเอสซีฯเพิ่มขึ้นและพยุงราคาไว้ จนกระทั่งเดือนเมษายน 2549 ทั้ง 2 กองทุนจึงแอบทยอยขายหุ้นที่ถืออยู่ร้อยละ 20 ทิ้งไปทั้งหมด พฤติกรรมแบบนี้เป็นการใช้ข้อมูลภายในหรือไม่

คำถามคือ ทำไม "ยิ่งลักษณ์" ต้องโกหกหรือชี้แจงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง? หรือเพียงเพื่อผลประโยชน์ของตนเองหรือพี่ชาย ก็สามารถทำอะไรก็ได้?

เชื่อ ว่า หลังจากนี้ ต้องมีผู้ตามขุดคุ้ยตรวจสอบ "ยิ่งลักษณ์" ต่อไปแบบกัดไม่ปล่อย จนอาจทำให้บาดแผลจากชนักปักหลังลุกลามขยายใหญ่ ส่งผลต่ออนาคตทางการเมืองของ "ยิ่งลักษณ์" ได้

เช่น เดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แม้ชนะคดีซุกหุ้นในปี 2544 แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ พ.ต.ท.ทักษิณต้องตกเก้าอี้นายกฯในเวลาต่อมา (ยังไม่นับรวมคดี 78 ศพ ที่ตากใบ เมื่อตุลาคม 2547 และคดีฆ่าตัดตอน 2,500 ศพในสงครามยาเสพติด) หรือ คดี 91 ศพ ที่ตามหลอกหลอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาจนถึงทุกวันนี้