WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, September 5, 2011

แก้รัฐธรรมนูญ ปฏิรูปเพื่อประชาชน

ที่มา มติชน



โดย จำลอง ดอกปิก

(ที่มา คอลัมน์ระหว่างวรรค หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 3 กันยายน 2554)

การ บรรจุหัวข้อแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ด้วยการเขียนผูกมัด จัดเป็นเรื่องสำคัญต้องดำเนินการ มิได้เป็นวาระสอดไส้หรือเพิ่งคิดขึ้นมาใหม่อย่างแน่นอน

พรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาล พยายามเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาหลายครั้งหลายหนแล้ว ตั้งแต่เมื่อครั้งยังอยู่ในคราบพลังประชาชน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จึงหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมารณรงค์อย่างต่อเนื่องตลอดห้วงการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แม้แต่การหาเสียงเลือกตั้งทั่วไป

เมื่อชูเป็นประเด็นหนึ่งในการหา เสียง ย่อมนำมากล่าวอ้างได้อย่างไม่เคอะเขินว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในหลายเหตุผล จูงใจให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล

การเป็นหนึ่งในประเด็น หลักหาเสียงนี่เอง จึงเท่ากับว่า ประชาชนผู้ลงคะแนนเสียงเลือกเพื่อไทยจำนวนหนึ่งเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญ และต้องบรรจุเป็นนโยบายตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้

ความจริง เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญนี้ หากมองโดยปราศจากอคติ จะพบว่าเป็นการสมควรยิ่งในอันที่จะแก้ไข ทั้งนี้เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบันนั้นมีรากที่มา จากการรัฐประหาร และบทบัญญัติหลายมาตราไม่เหมาะสมและสอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย

อย่าง มาตรา 111 วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกจำนวนรวม 150 คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด จังหวัดละหนึ่งคน และมาจากการสรรหาเท่ากับจำนวนรวมข้างต้น หักด้วยจำนวนสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้ง

การมีสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.มาจากการสรรหา ขัดกับหลักการประชาธิปไตยแบบตัวแทนที่ต้องมาจากการเลือกตั้ง (ทั้งหมด) แต่หากเห็นว่าสภาสูงยังจำเป็นต้องมีสมาชิกประเภทสรรหา จากภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคอาชีพ ภาคเอกชน ภาคการเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ก็ต้องปรับแก้บทบาทหน้าที่ เนื่องจากขัดต่อหลักการอย่างยิ่งที่ ส.ว.ผู้มาจากการสรรหา มีอำนาจถอดถอน ส.ส. หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง!

ไม่ นับรวมประเด็นหลัก อย่างมาตรา 237 ว่าด้วยการยุบพรรคการเมืองและการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการ เมือง และกรรมการบริหารพรรคการเมือง บทเฉพาะกาลมาตรา 309 ที่ต้องถกเถียง หักล้างกันด้วยเหตุด้วยผลว่า สมควรปรับแก้ โละทิ้งหรือไม่อย่างไร หรือว่ายังจำเป็นต้องบัญญัติไว้เช่นเดิม

หากจะถามว่า ไม่มีข้อน่าวิตกห่วงใยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญกระนั้นหรือถึงได้ออกมาสนับสนุนให้ดำเนินการแก้ไข ก็ต้องตอบว่า มีแน่นอน

เริ่ม ตั้งแต่เกรงเป็นการจุดชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ ไล่ไปจนถึงฝ่ายการเมืองอาจเข้าไปแทรกแซง มีอิทธิพลเหนือคณะกรรมการหรือผู้เข้ามาทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ กำกับการร่างเพื่อเอื้อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง แทนการเป็นกฎหมายแม่บทของประเทศตามคำจำกัดความแท้จริง ทั้งนี้เนื่องจากกระบวนการตั้งแต่ต้นธารยันปลายน้ำมีฝ่ายการเมืองเข้ามามี ส่วนเกี่ยวข้องด้วย

แม้จะใช้รูปแบบสภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ส่วนใหญ่จากจำนวนทั้งหมด 99 คนมาจากการเลือกตั้งของประชาชนจังหวัดละ 1 คน รวม 77 คน

คำถามก็คือ ผู้สมัครเหล่านี้จะหลุดรอดเข้ามาเป็น ส.ส.ร.ได้อย่างไร หากไม่อาศัยฐานเสียงจาก ส.ส.หรือนักการเมืองในพื้นที่ และเมื่ออยู่ใต้ร่มเงาฝ่ายการเมือง ส.ส.ร.จะทำหน้าที่ได้อย่างอิสระหรือไม่ สุดท้ายก็อาจกลายเป็นการวัดจำนวนเสียงกัน ไม่ต่างจากการเลือกตั้ง ส.ส. เพียงแต่เปลี่ยนเวที จากการขับเคี่ยวกันในสภาผู้แทนราษฎร มาเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญ ก่อนจะไปชี้ขาดกันอีกทีที่รัฐสภา หรือการทำประชามติจะรับ หรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในชั้นสุดท้าย

การ แก้ไขรัฐธรรมนูญจึงเป็นเรื่องใหญ่ เป็นกระบวนการที่ต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนอย่างกว้างขวาง และต้องใส่ใจต่อความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ หรือเสียงทักท้วงนั้นด้วย ขณะเดียวกันผู้คนทุกภาคส่วนสังคมไทยจะต้องเข้ามามีส่วนร่วม เฝ้าติดตาม ตรวจสอบ กำกับการยกร่างอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน

เพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนออกมาดีที่สุด