ที่มา มติชน
หลักศิลา กลางน้ำเขียว
มุกดา สุวรรณชาติ
จุดยืนและหน้าที่
ตลอด ปีกว่าที่ผ่านมา คอลัมน์นี้ได้ทำหน้าที่เปิดเผยความจริงทางการเมือง วิเคราะห์การเมืองทั้งอดีต ปัจจุบัน และคาดคะเนอนาคต แม้มีผิดพลาดบ้าง แต่ก็ถูกโดยส่วนใหญ่
อีกหน้าที่หนึ่ง คือ สนับสนุนแนวทางการเลือกตั้ง เพราะมีจุดยืนอยู่บนเส้นทางประชาธิปไตย คิดว่าการต่อสู้ทางการเมืองแนวทางรัฐสภาเป็นทางออกที่ดีที่สุดของประเทศไทย ไม่ได้สนใจว่าแต่ละฝ่ายจะเห็นด้วยหรือไม่
เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่าน มา ทำให้รู้สึกวิตก ว่าหลังการสลายการชุมนุมในเดือนพฤษภาคม 2553 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก จะทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงตามมาเหมือนเมื่อครั้งรัฐประหาร 6 ตุลาคม 2519
ครั้ง นั้น มีนักศึกษาถูกล้อมฆ่ากลางกรุง เสียชีวิตไป 40 กว่าคน หลังจากนั้นก็เกิดการต่อสู้โดยใช้กำลังอาวุธโต้ตอบกลับ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 4,000 คน บาดเจ็บนับหมื่น
แต่การต่อสู้ครั้งนี้ คนเสื้อแดงยอมรับแนวทางสันติได้มากกว่าสมัยก่อน เส้นทางการต่อสู้จึงไหลมาสู่แนวทางรัฐสภา
ขณะ เดียวกัน สถานการณ์ก็บีบบังคับให้กลุ่มอำนาจเก่าไม่มีทางเลือกเช่นกัน ผลสุดท้ายการเลือกตั้งจึงเกิดขึ้นในกลางปี 2554 เป็นไปตามที่มุ่งหวังและคาดการณ์ไว้
มีหลายคนอาจไม่พอใจที่ไม่ยอม เสนอแนวทางอื่น เช่น การปฏิวัติ การรัฐประหาร ขอยอมรับว่าเป็นจริง เพราะการปฏิวัติในช่วงเวลาแบบนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ มีแต่จะถูกปราบซ้ำ ทำให้ประชาชนเสียหาย ประเทศชาติพินาศมากขึ้นไปอีก
ส่วนการรัฐประหารที่บางกลุ่มสนับสนุน ก็เป็นการสนับสนุนแนวทางเผด็จการ ที่ทั้งโลกไม่มีใครยอบรับ
ถ้า ทำไปก็เหมือนเป็นการย้อนยุค ประเทศไทยจะกลับไปคล้ายประเทศพม่าเมื่อในอดีต ในขณะที่วันนี้พม่ายังต้องดิ้นรนหนีออกจากสภาพเก่าของตนเอง
ความเป็นกลาง
บทความหลายสิบชิ้นที่ผ่านมา มีหลายคนคิดว่าไม่มีความเป็นกลาง
ก็ คงจะจริงอีกนั่นแหละ เพราะผู้เขียนสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยมากกว่าเผด็จการ เลือกเข้าข้างผู้ถูกยิงมากกว่าจะเห็นใจคนที่เอาสไนเปอร์มายิง
และที่จะต้องเลือกต่อไปคือ ต้องช่วยคนที่ถูกจับไปขังเพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มากกว่าคนที่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ผู้ เขียนไม่เรียกร้องให้หนังสือพิมพ์หรือข้อเขียนต่างๆ ให้เป็นกลาง หลายปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่ามีการประกาศจุดยืนแล้วว่าใครสนับสนุนการรัฐประหาร ใครคัดค้าน ใครหนุนตุลาการภิวัตน์ ใครไม่เห็นด้วย
นี่เป็นจุดยืนและความคิดเห็นทางการเมืองที่ต่างกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
ความ เป็นกลางทางการเมืองจึงเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่ความเชื่อและการตัดสินใจของผู้คน ก็จะเกิดจากความเห็นที่ไม่เป็นกลางทั้งหลายนี่แหละ ความเห็นเหล่านี้จะมีหลายด้าน เมื่อผ่านการวิเคราะห์ ถ่วงดุลกันด้วยเหตุผลต่างๆ ก็จะมีผลสรุป ซึ่งขึ้นอยู่กับความโง่ ความฉลาด จุดยืนของคนและข้อเท็จจริงของข่าวเป็นหลัก ส่วนเรื่องเทคนิคการนำเสนอ จะมีส่วนเพียงเล็กน้อย
ปัจจุบัน ทุกข่าว ทุกประเด็น ไม่ได้มีผู้เสนอเพียง 1 หรือ 2 ราย แต่มีเป็นสิบรายขึ้นไป โดยเฉพาะระบบสื่อสารยุคใหม่ซึ่งได้พัฒนาไปจนถึงขั้นที่คนธรรมดาก็สามารถเสนอ ข่าวและความคิดเห็นได้อย่างรวดเร็ว โดยผ่าน เฟซบุ๊ก หรือ ทวิตเตอร์ ฯลฯ ซึ่งมีคนอ่านจำนวนมาก บางครั้งก็มากกว่าหนังสือพิมพ์เสียอีก
หนังสือพิมพ์ครอบงำความคิดคนไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน ถ้าหากไม่อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง
ไม่ เชื่อทดลองบิดเบือนข่าวธรรมดาที่ไม่ใช่ทางเลือกทางการเมือง เช่นข่าวอาชญากรรม ถ้าข่าวนั้นผิดพลาดและไม่ตรงความจริง ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ก็จะถูกตอบโต้ทันที
ปัจจุบันถ้าสื่อสามารถ เสนอภาพหรือข่าวแล้วครอบงำ ชี้นำความคิดของคนในสังคมได้จริง รัฐบาลชุดเก่าคงชนะเลือกตั้งถล่มทลายไปแล้ว เพราะคุมสื่อได้สารพัดชนิด
แต่ โลกปัจจุบัน สัจธรรมปรากฏได้รวดเร็วมาก ขอแต่มีคนคิดออกเพียงคนเดียว และกล้านำเสนอออกมา คนส่วนใหญ่ก็จะขานรับ บางเรื่องอาจจะรวดเร็วมาก แต่เรื่องที่ซับซ้อนอาจจะต้องใช้เวลาบ้าง
การต่อสู้ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แนวรบทางด้านการสื่อสารเป็นแนวรบทางการเมืองที่สำคัญ สามารถทำลายและส่งเสริมกลุ่มการเมืองต่างๆ ให้หดตัวหรือขยายตัวได้ ให้ประสบความสำเร็จหรือพ่ายแพ้ได้
วันนี้ รัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับการสนับสนุนจากสื่อหลายค่าย หลายชนิด ก็ด้วยความเห็นใจและความคาดหวังว่าจะมาสร้างผลงานดีๆ ให้ประชาชน
แต่จุดยืนของรัฐบาลนี้จะต้องไม่เปลี่ยน
รัฐบาลใหม่ต้องทำอย่างไร
จึงจะถือว่าทำหน้าที่ดีที่สุด
การทำหน้าที่ให้ดีที่สุดของรัฐบาล คือการทำงานให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน ซึ่งก็จะส่งผลให้การต่อสู้ทางการเมืองได้รับชัยชนะไปด้วย
ช่วง เวลาที่เริ่มต้นการเป็นรัฐบาลครั้งนี้ ไม่ใช่การลงวิ่งแข่งร้อยเมตรของนายกฯ หญิงยิ่งลักษณ์ คนเดียว แต่เป็นการแข่งฟุตบอลที่เล่นเป็นทีมที่มีผู้เล่นในสนาม 11 คน ข้างสนามมีโค้ช ตัวสำรอง และผู้จัดการทีม
วันนี้ความสำคัญของการทำ งานเป็นทีมเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากมีปัญหาหลายด้านเกิดขึ้นในประเทศพร้อมกัน นี่จึงเป็นวันที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะต้องพิสูจน์ฝีมือการบริหาร เพราะการบริหารประเทศมีขอบเขตที่ใหญ่กว่าการบริหารงานบริษัทมากมาย
ที่ ผ่านมา คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการบริหารได้พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหา ต่างๆ ได้ ปล่อยให้การทำงานเป็นไปตามสายงานประจำแบบเช้าชามเย็นชาม ปัญหาต่างๆ จึงสะสมมากขึ้นทุกวัน
วันนี้ จึงถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลใหม่จะต้องโชว์วิสัยทัศน์และฝีมือการบริหารว่าแตกต่างกับรัฐบาลเก่าอย่างไร
ยกตัวอย่างสถานการณ์โดยรวมปัจจุบัน จะเห็นว่าหลายจังหวัดภาคเหนือมีน้ำท่วมอยู่ ทำให้เกิดความเสียหายทั้งด้านเกษตรและที่อยู่อาศัย
ใน ขณะเดียวกัน ปัญหายาเสพติดก็ระบาดขึ้นมาอย่างหนักใน 5 ปีนี้ สามารถพัฒนาเครือข่ายจากชายแดน จนสามารถเข้ามาตั้งศูนย์ค้าขายในคุก มีคนเสพ คนค้ายาบ้าระบาดไปทั่วทั้งปะเทศ เกิดเหตุฆาตกรรมจากคนเมายาครั้งแล้วครั้งเล่า
ขอทานเต็มบ้านเต็ม เมือง อพยพเข้ามาอยู่ได้อย่างเสรี มีการค้ามนุษย์เพื่อผลประโยชน์ ยอมทำแม้กระทั่งขโมยลูกคนอื่นมาบังคับให้เป็นขอทาน ค่าครองชีพก็พุ่งขึ้นสูงในขณะที่ค่าแรงยังไม่พอกิน จะต้องเพิ่มค่าแรงโดยเร็ว
ความขัดแย้งในเรื่องความยุติธรรมก็ยังดำรง อยู่ มีคนถูกจับกลางถนนเพราะทำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในช่วงเคอร์ฟิว ถูกตัดสินภายใน 12 ชั่วโมงหลังจับกุม แล้วส่งเข้าคุกถูกขังอยู่ปีกว่า แต่กลุ่มคนที่ยึดสนามบินกลับได้รับการยกเว้น ยังอยู่นอกคุกได้ทุกคน
ต้องมีวิธีแก้ปัญหาพร้อมกันหลายด้าน
ใน เมื่อรัฐบาลมีทีมงานขนาดใหญ่ มีกลไกข้าราชการหลายแสนคน จึงมีขีดความสามารถที่จะทำงานพร้อมกันได้หลายด้าน นี่จะเป็นการวัดความสามารถในการบริหารของนายกฯ หญิง ว่าจะทำได้สมราคาคุยหรือไม่
การแก้ปัญหาแบบบูรณาการจะต้องไม่เป็น เพียงแค่คำพูด ถึงเวลาที่ต้องนำทุกหน่วยงานออกมาประสานงานให้ได้จริงๆ รัฐบาลจะต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจว่า นอกจากปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ปัญหาอื่นมีความสำคัญอย่างไร สามารถทำพร้อมกันได้อย่างไร ใช้กลไกอะไรในการแก้ปัญหา เช่น...
เรื่องยาเสพติด เป็นปัญหาสังคมขนาดใหญ่ที่จะต้องแก้ไข ถ้าผู้ค้ายาเห็นว่าการติดคุกเป็นเรื่องสบาย สามารถทำงานอยู่ในนั้นได้ เห็นคุกเป็นสโมสรของผู้ค้ายา รัฐบาลก็ต้องคิดถึงมาตรการใหม่ๆ ซึ่งเป็นมาตรการทางกฎหมายที่จะลงโทษให้เด็ดขาด
ผู้ที่ทำความผิดซ้ำซ้อนก็ควรถูกกำจัดทิ้งไปจากสังคมโดยใช้ทางกฎหมายไม่ใช่ศาลเตี้ย
กรณี ขโมยเด็กไปบังคับให้ขอทานก็เช่นกัน เรื่องแบบนี้คุณยิ่งลักษณ์ไม่เพียงแต่จะไปอุ้มเด็กถ่ายรูปและจับคนขโมยเด็ก มาลงโทษ แต่จะต้องถือโอกาสโฆษณารณรงค์ทางสังคมอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ชี้ให้เห็นถึงภัยอันตรายที่เกิดจากการให้ทาน ว่าเงินทุกบาทที่หย่อนลงขัน คือการขโมยความเมตตา ความสงสารไปจากเรา และยังย้อนกลับมาทำลายสังคมของเรา
เมื่อ มีข่าวว่าคนจับสุนัขไปขาย ผู้คนยังสงสาร ช่วยกันบริจาคเงินเกือบ 20 ล้าน ทุกวันนี้มีเด็กหาย เด็กถูกนำไปเป็นสินค้าปีละมากมาย ทำไมจะรณรงค์ให้สำเร็จไม่ได้ เมื่อไม่มีคนให้เงิน ขอทานก็จะหมดไป การบังคับเด็กขอทานจะหมดไป นายกฯ ไม่ต้องลงมาทำเอง แต่จ่ายงานได้และให้ทำเป็นระยะยาว
ส่วนเรื่องการแก้กฎหมาย แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความยุติธรรม ก็ต้องอธิบายให้ผู้คนเข้าใจว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะพัฒนาเศรษฐกิจไปเรื่อยๆ โดยไม่ปรับพื้นฐานความยุติธรรม เพราะจะเกิดความขัดแย้งจนกระทั่งเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนาพังลงมาอย่างในอดีต และบางทีอาจจะขยายเป็นความรุนแรงถึงขั้นใช้อาวุธเช่นในลิเบีย
เศรษฐกิจในลิเบียไม่ได้ตกต่ำจนผู้คนจะอดตาย แต่เป็นเพราะผู้คนอยากได้เสรีภาพ อยากได้ความยุติธรรม
เมื่อ ความขัดแย้งหาเส้นทางปรองดองผ่านกฎหมายไม่ได้ ก็ต้องวัดกันว่าใครมีพวกมากกว่า ใครมีปืนมากกว่า และก็จะได้ผลอย่างที่เห็นในโทรทัศน์ คือมีคนเป็นหมื่นๆ ถืออาก้า แห่กันเข้ามายึดตริโปลี เมืองหลวง ประเทศเราคงไม่อยากให้เป็นอย่างนี้
ส่วน ข้อเรียกร้องให้ทำทันทีบางอย่างก็ทำได้ เช่นลดราคาน้ำมัน แต่กรณีรถไฟฟ้า แม้เริ่มทำวันนี้อีก 4-5 ปีถึงจะเสร็จ อย่างนี้เข้าใจง่าย
กรณีแจก แท็บเล็ตให้เด็กนักเรียน อาจต้องมีขั้นตอนที่เหมาะสม เช่นทดลองซื้อมาจำนวนน้อยก่อน เพื่อจะได้ทดสอบคุณภาพของหลายๆ ยี่ห้อและเพื่อทดลองแจกเด็กหลายระดับชั้น อีกทั้งยังมีปัญหาความพร้อมของครูผู้สอน ซึ่งก็มิได้เชี่ยวชาญการใช้แท็บเล็ตทุกคน ปัญหาการเตรียมข้อมูลทางวิชาการ ความรู้ต่างๆ ที่จะบรรจุลงไปในแท็บเล็ตซึ่งก็ต้องใช้เวลา แต่ถ้าเตรียมความพร้อมทุกอย่างให้เหมาะสม ผลงานที่ออกมาจะมีประโยชน์คุ้มค่ากว่าการรีบๆ ทำ
กรณี ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทก็เช่นกัน ต้องทำไปแก้ปัญหาไป เพราะอุปสรรคและปัญหามีหลากหลาย ถ้าต้องเดินอ้อมบ้าง ก็ต้องทำ กลไกทางตลาดและการขาดแคลนแรงงานกำหนดทิศทางให้ต้องเดินมาทางนี้อยู่แล้ว
ต้องมุ่งมั่นทำงานอย่างสุจริต
และมั่นใจต่อการสนับสนุนของแนวร่วมและประชาชน
ในการทำงานต้องยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ต้องมีความแน่วแน่ในนโยบาย ฟังคำแนะนำของมิตร ฟังคำท้วงติงของคนกลางๆ
อย่า ไปหลงเชื่อฝ่ายตรงข้าม ทั้งคำค้านและคำชม คนเหล่านั้นคิดแต่จะชิงอำนาจ ในทางคำพูดก็ต้องการโจมตีและทำให้แตกแยก ในทางปฏิบัติ ถ้าทำได้พวกเขาจะใช้ทั้งกฎหมายและกำลังอาวุธมาแย่งชิง กล้าทำแม้กระทั่งฆ่าประชาชนเพื่อให้ตนเองอยู่ในอำนาจต่อไป
จึงสมควรเก็บความเห็นของพวกนี้ไว้ลำดับสุดท้าย ถึงอย่างไรพวกเขาก็สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้อยู่แล้ว
ใน กรณีที่ไม่สามารถเดินไปได้ในทางตรง ก็ต้องอธิบายให้ประชาชนฟังว่าอุปสรรคเกิดจากอะไร ทำไมต้องเดินอ้อมไปอ้อมมา เรื่องเหล่านี้ประชาชนเข้าใจได้ เหมือนตัดถนนข้ามภูเขา ซึ่งจะต้องมีเส้นทางวกวนตามไหล่เขา ค่อยๆ ไต่สูงขึ้นไปจนถึงจุดหมาย เพราะไม่สามารถทำสะพานข้ามทุกหุบเหวไปได้
ในกรณีที่ต้องใช้เวลา ก็สามารถอธิบายต่อประชาชนให้เข้าใจเหตุผล ว่างานบางอย่าง แม้ทำทันทีแต่ก็จะไม่สำเร็จในทันใด เพราะมีกระบวนการขั้นตอนทางกฎหมาย ทางงบประมาณ
การตั้งคนเสื้อแดงมาช่วยงานในตำแหน่งการเมืองต่างๆ เป็นเรื่องปกติ คนเหล่านี้เข้าใจนโยบาย เคยช่วยงานเลือกตั้ง และสามารถช่วยได้ทั้งรุกและรับในหน้าที่ต่างๆ แต่ผู้ที่รับตำแหน่งต้องจำคือ เวลาถูกปลด ถูกเปลี่ยน อย่าโกรธกัน เพราะตำแหน่งคือภาระหน้าที่ไม่ใช่สมบัติส่วนตัว
สิ่งที่ประชาชนรอคอย คือผลสำเร็จที่จะตกถึงมือพวกเขา ไม่ใช่วิธีการ แม้ไม่ได้ผลเต็มร้อย ก็ยังพอใจและพร้อมจะร่วมพัฒนาให้ดีขึ้นในโอกาสต่อไป ถ้าสอบผ่านเพียงเกินครึ่ง ประเทศก็จะไหลลื่นไปตามระบบ ด้วยแรงสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
จุดยืนและหน้าที่ของรัฐบาลในวันนี้คือ หาวิธีฝ่าอุปสรรคเพื่อสร้างผลงานที่จะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้จริง ในระยะเวลาที่เหมาะสม