ณัฐ วุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำขบวนการเคลื่อนไหวเสื้อแดงต่อต้านรัฐบาล ยิ้มให้ผู้สนับสนุนที่มาให้กำลังใจเขากับแกนนำคนอื่นๆที่ถูกนำตัวขึ้นศาลนัด แรก เพื่อสู้คดีถูกกล่าวหาเป็นผู้ก่อการร้าย หลังจากพวกเขานำการชุมนุมที่ยุติลงด้วยความรุนแรง(ภาพข่าว:AP)
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ภาพ มติชนออนไลน์ และ เวบบอร์ดอินเตอร์เน็ตฟรีด้อม
BEFORE
ภาพแกนนำนปช.แดงทั้งแผ่นดินก่อนจะถูกยัดเยียดคดีผู้ก่อการร้าย
AFTER
ภาพแกนนำนปช.แดงทั้งแผ่นดินหลังถูกยัดเยียดคดีผู้ก่อการร้าย
*กระดานสนทนาอินเตอร์เน็ตฟรีด้อม ได้พากันตั้งข้อสังเกตว่า แกนนำเสื้อแดงนปช.แต่ละคนดูซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด หลังถูกขังคุกมานานมากกว่า 4 เดือนหลังเหตุการณ์ที่พวกเขาเข้ามอบตัวภายหลังยุติการชุมนุมในวันที่ 19 พฤษภาคม และไม่ได้รับการประกันตัว
ศาลเลื่อนนัดตรวจหลักฐาน19แกนนำแดง27ธ.ค.นี้
เมื่อ วันที่ 27 กันยายน เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่ง ชาติ (นปช.)ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ,นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย,นายนิสิต สินธุไพร,น.พ.เหวง โตจิราการ,นายก่อแก้ว พิกุลทอง,นายประมวล ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ฯลฯ มายังศาลอาญา ตามที่ศาลได้มีคำสั่งให้เบิกตัวมาตรวจพยานหลักฐานเตรียมความพร้อมคู่ความใน คดีก่อการร้าย เพื่อสืบพยานในนัดต่อไป โดยมีแนวร่วม นปช.คนเสื้อแดงมาคอยต้อนรับและให้กำลังใจบริเวณด้านหน้าห้องขัง ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก
นายวีระ ประธาน นปช. จำเลยที่ 1 ซึ่งได้รับการประกันตัวเพียงคนเดียว ได้เดินทางมาศาล โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงเกือบ 100 คน เดินทางมาให้กำลังใจ ขณะที่นางกุลรัตน์ พิกุลทอง ภรรยาของนายก่อแก้ว พิกุลทอง อุ้มบุตรสาวมาให้กำลังใจนายก่อแก้ว จำเลยร่วมด้วย
ทั้งนี้ในการตรวจพยานหลักฐาน ทั้งอัยการโจทก์ และทนายจำเลยทั้งหมด ได้ทำการตรวจเอกสารหลักฐาน พร้อมทั้งบัญชีรายชื่อพยาน มาตลอดทั้งวันจนถึงเวลา 16.30 น. แต่การตรวจสอบยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากคู่ความทั้งสองฝ่ายอ้างบัญชีรายชื่อพยานที่จะเข้านำสืบจำนวนมาก ศาลจึงมีคำสั่งให้คู่ความทั้งสองฝ่ายทำบัญชีรายชื่อพยานส่งศาลภายในกำหนด 30 วัน โดยศาลจะพิจารณาตรวจดูรายชื่อพยานก่อนมีคำสั่งว่าจะอนุญาตให้แต่และฝ่ายนำ พยานสืบได้กี่ปาก ซึ่งศาลนัดตรวจพยานหลักฐานอีกครั้งวันที่ 27 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
สื่อเทศโฟกัสแกนนำเสื้อแดงขึ้นศาลนัดแรกคดีผู้ก่อการร้าย:รอรัฐบาลใหม่ที่กดขี่น้อยกว่านิรโทษฯ
สำนักข่าวอินเตอร์เพรส(IPS)รายงาน ก่อนหน้านี้ว่า การสอบสวนคดีทางการเมืองได้เริ่มขึ้นวันจันทร์ที่ 27 กันยายน เมื่อแกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐบาล เป็นที่รู้จักในนาม “เสื้อแดง” จะถูกคุมตัวขึ้นต่อหน้าศาลอาญาในข้อหาผู้ก่อการร้าย
“เราไม่เคยเจอ กรณีอย่างนี้มาก่อนในกรุงเทพฯ” คารม พลทะกลาง ทนายของแกนนำเสื้อแดงกล่าวต่อ สำนักข่าว IPS “ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าศาลจะดำเนินคดีอย่างไร”
การไต่สวนครั้งแรกในคดีทางการเมืองเริ่มขึ้นที่ศาลอาญาวันที่ 27 กันยายน โดยทนายจำเลยจะยื่นรายชื่อของพยานต่อหน้าศาล
เป็น เวลาเกือบเดือนหลังจากแกนนำทั้ง 17 คนถูกนำตัวมาที่ศาล เท้าเปล่าและถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน ถูกตั้งข้อกล่าวหาข้อหาผู้ก่อการร้าย ซึ่งพวกเขาปฏิเสธข้อหาดังกล่าว
รัฐบาลไทยกล่าวหาแกนนำ นปช. ว่าได้กระทำการก่อการร้ายในช่วงการประท้วงบนถนนใจกลางเมืองสำคัญ 2 แห่งในกรุงเทพฯ ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม จนถึงพฤษภาคม 2553 การประท้วงซึ่งดึงผู้คนจากชนบทของประเทศไทยมาเข้าร่วมประมาณกว่าแสนคน ได้ถูกนำไปสู่จุดจบในสลายการชุมนุมที่สูญเสียเลือดเนื้อ ทำให้คนเสียชีวิตจำนวน 91 คน โดยส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และประมาณ 1,900 คนได้รับบาดเจ็บ
คนเสื้อแดง ซึ่งใส่เสื้อผ้าสีแดงเป็นสัญลักษณ์ในการชุมนุม ตอบโต้ด้วยความโกรธแค้น ตามด้วยการโจมตีสุดท้ายด้วยกองกำลังติดอาวุธของกองทัพไทยในวันที่ 19 พฤษภาคม ในช่วงระหว่างการหลบหนีจากที่ชุมนุมซึ่งอยู่ใจกลางแหล่งสรรพสินค้า พวกเขาได้ทิ้งร่องรอยของการเผาอาคาร ณ ใจกลางเมืองและในอีกหลายที่ในต่างจังหวัด
ส่วนบทบาทของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมีความพยายามที่จะปัดในเรื่องการเสียชีวิตจำนวนมากของกลุ่มผู้ ประท้วง ไปที่กลุ่มมือมืดที่ติดอาวุธ “ชุดดำ” ที่เห็นว่ายิงจากแนวหลังของเสื้อแดงในช่วงการสลายการชุมนุมเดือนเมษายนและ พฤษภาคม
การจัดการของอภิสิทธิ์เพื่อให้เป็นฝ่ายเหนือกว่า – รวมทั้งคดีของ 19 กันยายน – คือการกดข่มโดย พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ซึ่งใช้มาตั้งแต่ต้นเมษายน พ.ร.ก. นี้ มุ่งที่จะกด นปช. ไว้ ซึ่งยังคงใช้ใน 7 พื้นที่ รวม กรุงเทพฯ ที่ซึ่งจะยังคงเห็นเหล่าทหารปรากฎในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ความเชื่อม โยงระหว่างรัฐบาลและกองทัพที่ทรงอานุภาพ ทำให้คำอ้างของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ว่าได้ยกระดับคุณค่าประชาธิปไตยนั้น หมดสง่าราศี นักวิจารณ์กล่าว
“แม้ ว่าจะมีรายงานว่ามีคนกว่าร้อยคนถูกคุมตัวและสอบปากคำภายใต้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ในบริเวณควบคุม แต่ ศอฉ. (ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน) ยังคงไม่สามารถที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขที่แน่นอนของผู้ที่ถูกจับกุม ตัวและให้ตำแหน่งที่แน่นอนแก่ครอบครัวว่าถูกจับกุมอยู่ที่ใด” ฮิวแมนไรท์วอช (HRW) องค์กรสิทธิมนุษยชนโลกที่นิวยอร์ก กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี
ศอ ฉ. เป็นคณะที่มีองค์ประกอบหลักเป็นทหาร จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาล มีเป้าหมายอยู่ที่ นปช. – ผู้ที่เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว นักวิเคราะห์อธิบายสถานการณ์ว่าเปรียบเหมือน “รัฐซ้อนรัฐ” แล้ว
ข้อ หาผู้ก่อการร้ายนั้นมาจากอำนาจนี้เช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายกล่าว “รัฐบาลอภิสิทธิ์เรียกแกนนำเสื้อแดงว่าเป็นผู้ก่อการร้าย แล้วตำรวจก็ให้ข้อหาง่าย ๆ อย่างนั้นเลย” สมชาย ปรีชาศิลปกุล อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าว “การบังคับใช้กฎหมายเช่นนั้นอันตรายมาก หากรัฐบาลใช้กล่าวหาฝ่ายตรงข้าม”
“เป็นการทำให้ใครก็ได้สามารถใช้กฎหมายแล้วเรียกฝ่ายตรงข้ามว่า ‘ผู้ก่อการร้าย’” เขากล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ IPS
ธรรมชาติ ทางการเมืองของคดีดังกล่าว ซึ่งตอกย้ำไปที่ความแตกแยกที่ร้าวลึกในอาณาจักรทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แห่งนี้ ได้ถูกหยิบยกมาเปรียบเทียบกับคดีทางกฎหมายของแกนนำนักศึกษา 18 คน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 3 ทศวรรษที่แล้ว เหตุการณ์ในปี 2519 เกิดขึ้นในยุคที่ขั้วทางการเมืองร้าวลึกเช่นกัน
“กรณีที่เกี่ยวข้อง กับแกนนำเสื้อแดงเช่นนี้หายากมากในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย” กล่าวโดย เดวิด สเตร็คฟัส นักวิชาการของสหรัฐ ผู้ที่ชำนาญในเรื่องวัฒนธรรมทางการเมืองของไทย “ไม่เคยมีกรณีไหนเช่นกรณีนี้ในการเมืองไทยที่ผ่านมา”
“นี่เป็นการ เตือนความทรงจำกรณีในปี 2519 ที่เกี่ยวข้องกับแกนนำนักศึกษา 18 คน ที่ถูกข้อหาร่ายยาว – คอมมิวนิสต์ ผู้ก่อการร้าย และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” เขาบอกต่อ IPS “กรณีดังกล่าวถูกแก้ไขเมื่อรัฐบาลที่กดขี่น้อยกว่าให้การนิรโทษกรรม”
แต่ สำหรับผู้สนับสนุนของแกนนำเสื้อแดงที่อยู่ในเรือนจำ ที่รวมตัวกันทุกเช้าที่เรือนจำกลางกรุงเทพฯ แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับคดี จะเป็นการยกระดับจิตวิญญาณของ “ความเป็นผู้นำทางการเมือง” ของพวกเขา
“เราพูดกับพวกเขาและบอกเขาว่า ต้องสู้ต่อไป” กล่าวโดย นันทิยา น้อมโคกสุนะ ชาวกรุงเทพฯ อายุ 51 ปี ที่เข้าร่วมขบวนเยี่ยมในช่วงเช้ากับคนประมาณ 100 คน เพื่อพบ คนที่เธอชื่นชมคือ ณัฐวุฒิ และ เหวง ที่อยู่ในเรือนจำ “นี่เป็นข้อหาทางการเมืองที่รัฐบาลนำมาใช้เพื่อทำให้เสื้อแดงเงียบ”
“พวก เขาเชื่อว่าพวกเขาบริสุทธิ์และจะใช้กรณีดังกล่าวพิสูจน์ให้เห็น” เสริมโดย ธิดา โตจิราการ ภรรยาของหมอเหวง ในขณะที่เธอรอคิวที่กลับเข้าไปที่ห้องขังลูกกรงเทา “เป็นเรื่องน่าอายสำหรับรัฐบาลที่กล่าวหาว่าพวกเขาเป็น ‘ผู้ก่อการร้าย’
บก.ลายจุดเยี่ยมนักโทษการเมืองที่อุดรฯ
ช่วง สายวันนี้ (27 ก.ย.) นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ได้เดินทางไปยังเรือนจำกลางจังหวัดอุดรธานี พร้อมกับคนเสื้อแดงอีก 50 คนเพื่อเยี่ยมนักโทษกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขัง หลังจากเมื่อวานนี้ (26 ก.ย.) ได้จัดกิจกรรมปั่นจักรยานรอบเมืองอุดรธานี นายสมบัติเปิดเผยก่อนเข้าเยี่ยมนักโทษในเรือนจำว่า ปกติแล้วตนจะไปเยี่ยมแกนนำที่ กทม. แต่ในการมาครั้งนี้เพื่อศึกษาความเป็นอยู่และเรียนรู้ปัญหาต่างๆ หลังจากพี่น้องคนเสื้อแดงถูกจับกุม ทางครอบครัวได้ความเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ แต่ในตอนนี้ยังหาทางออกยังไม่ได้
ในความคิดของตน ชาวบ้านที่ถูกจับกุมเป็นผู้บริสุทธิ์มีหลายคนไม่ได้รับการประกันตัว หลังจากตนดูสถานภาพของแต่ละคนแล้วล้วนเป็นชาวบ้านธรรมดาซึ่งเป็นคู่ขัดแย้ง กับรัฐบาล โดยดีเอสไอให้สถานะชาวบ้านเป็นผู้ก่อการร้าย
ในประวัติศาสตร์ชาติไทยเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วยกตัวอย่าง เช่น 14 ตุลา, พฤษาคม ปี 35, เดือนเมษายน และพฤษาคมในปี 2553 การที่รัฐใดก็แล้วแต่ใช้อำนาจรัฐในการใช้อาวุธสงกรามทำร้ายประชาชน ทำให้ประชาชนโกรธแค้นและฝังใจอยู่ในตอนนี้ ซึ่งถือว่าในตอนนี้เป็นโจทย์ใหญ่ของพี่น้องคนเสื้อแดงในการช่วยเหลือกันเอง ต่อไป
เวบไซต์ผู้จัดการASTV กระบอก เสียงของผู้ก่อการร้ายพันธมิตร รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวฝ่ายข่าวของทางการระบุ วันนี้ (27 ก.ย.) แกนนำคนเสื้อแดง นายขวัญชัย สาราคำ จะได้รับการประกันตัวออกมา โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 3 ล้านบาท และจะเดินทางกลับมาที่จังหวัดอุดรธานีภายในค่ำนี้เช่นกัน