ที่มา thaifreenews
โดย Porsche
“บัตรทอง” ซุกปัญหาไว้ใต้พรมเป็นจำนวนมาก
กระทั่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โรงพยาบาล
ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขต้องขาดทุน.....
โดย....ธนวัฒน์ เพ็ชรล่อเหลียน
สภาพความแออัดของผู้ป่วยที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง)
ตามสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ยังคงมีให้เห็นอย่างชินตา
ซึ่งสามารถสะท้อนปัญหาจำนวนผู้ป่วยล้นในโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี
แน่นอนว่าจากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นนี้
ย่อมจะกระทบต่อคุณภาพของการให้บริการ
โดยเฉพาะจำนวนบุคคลากรทางการแพทย์ที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
กลายมาเป็นประเด็นหลักต่อมาตรฐานการรักษาที่ตกต่ำลง
แม้ว่า “บัตรทอง” จะซุกปัญหาไว้ใต้พรมเป็นจำนวนมาก
กระทั่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขต้องขาดทุน
แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคือ
นโยบายดังกล่าวนี้ได้รับการยอมรับและถูกสานต่อ
ทันทีที่กระทรวงสาธารณสุข ภายใต้เงาของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
ประกาศเปิดโครงการ
รักษาฟรี 48 ล้านคน แค่ใช้บัตรประชาชนใบเดียว
ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. มีคำถามถึงวัตถุประสงค์และวิธีการ
ให้บริการขึ้นอย่างมากมาย
ประการหนึ่งคือ ความเคลือบแคลงต่อวัตถุประสงค์
เพราะหากนโยบายนี้ไม่ได้ดีกว่าบัตรทอง
ก็อาจถูกมองได้ว่าเป็นนโยบายประชานิยมของพรรคประชาธิปัตย์
ที่หวังเพียงเพื่อกลบภาพ“30 บาท รักษาทุกโรค”
ของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้นแบบประชานิยมเท่านั้น
อีกประการหนึ่งคือ ความสับสนในการขอรับบริการ
โดยเฉพาะข้อสงสัยจากผู้ที่ไม่มีบัตรประชาชน ผู้ที่ถือบัตรทองใบเก่า
และระบบสมาทการ์ดที่ยังคงปัญหาคาราคาซัง
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข ในฐานะ
ผู้กำกับนโยบายโดยตรง อธิบายว่า ประชาชนทั่วไปสามารถใช้บัตรประจำตัวประชาชน
หรือบัตรที่ทางราชการออกให้
ซึ่งมีรูปถ่ายและตัวเลข 13 หลักกำกับอยู่แทนบัตรทองได้
ส่วนเด็กเล็กที่ยังไม่มีบัตรประชาชน ให้ใช้สำเนาทะเบียนบ้าน
หรือสูติบัตรแทนได้เช่นกัน
รมว.สาธารณสุข อธิบายต่อว่า ประชาชนจะได้รับการรักษาฟรี
โดยต้องเข้ารับการรักษายังสถานพยาบาลที่เคยขึ้นทะเบียนไว้
เว้นแต่กรณีเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน
จะสามารถเข้ารับการรักษายังจังหวัดที่เกิดเหตุได้ทันที
ซึ่งนโยบายนี้เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
และมั่นใจว่ามีความพร้อม 100 % ในการให้บริการ
“เราได้ประสานกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
เพื่อเชื่อมต่อฐานข้อมูลให้แก่ทุกโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ
ส่วนสถานพยาบาลที่ยังไม่มีระบบอินเทอร์เน็ต
ก็จะมีการส่งข้อมูลให้อัพเดททุกๆ 7 วัน
มั่นใจว่าหลังจากเปิดโครงการในวันที่ 1 ต.ค.
จะไม่มีปัญหาใดๆ”เจ้ากระทรวงให้ความเชื่อมั่น
ถ้อยแถลงโดยรวมของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” น่าชื่นชม
ในมุมของความพยายามในการสร้างนวัตกรรมใหม่
แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่ประชาชนอยากรู้มากกว่าคือ ...
จะได้อะไรจากนโยบายนี้มากไปกว่าการประหยัดเงิน 30 บาท
********************************
"บัตรทอง" กับ "ขยะ" ที่ถูกซุกไว้ใต้พรม
สำหรับ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค
เป็นนโยบายประชานิยมยุครัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2545 โดยเป็นหนึ่งในนโยบายที่เรียงคะแนนเสียง
ในการเลือกตั้งจากประชาชนรากหญ้ามากที่สุด
เพราะชูเป้าหมายให้ประชาชนซึ่งอยู่นอกเหนือสิทธิประกันสังคม
และสวัสดิการข้าราชการได้เข้าถึงการรักษาพยาบาล
แต่ปัญหาที่ถูกท้วงติงมากที่สุด
คือการจัดสรรงบประมาณเป็นรายหัว
โดยปัจจุบันหลายโรงพยาบาลขอถอนตัวจากโครงการ
เพราะแบกรับภาระไม่ไหว
http://www.posttoday.com/วิเคราะห์/สดจากสนาม/52486/ปิดฉาก-บัตรทอง