ที่มา บางกอกทูเดย์
‘สุเทพ’มีสิทธิ์เคว้ง!
30 กันยายนของทุกปี ตามระบบราชการของไทย จะเป็นวันเกษียณอายุราชการ
ไม่ว่าจะเป็นการเกษียณเพราะอายุครบ 60 ปี
หรือในยุคหลังก็จะมีเรื่องของการ เออร์ลี่ รีไทร์ เข้ามาเพิ่มด้วย
ทุกอย่างเป็นวงจร มีขึ้นก็มีลง มีเข้ามาก็ต้องมีเลิกราไป
ซึ่งถือเป็นวงจรที่ไม่มีอะไรแปลก
แต่ส่งท้ายกันยายน ก้าวเข้าสู้ตุลาคมนี้ ชักเริ่มมีอาการแปลกทางการเมือง
โดยเฉพาะกับรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
เพราะกระแสข่าวการเปลี่ยนแปลงออกมาหนาหูเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะกรณีของพรรคภูมิใจไทย
พรรคเจ้าปัญหาในสายตาของนายอภิสิทธิ์ และอีกหลายๆขั้ว
จนกระทั่งแม้แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง
ซึ่งสวมบทผู้จัดการรัฐบาล และมีการดูแลพรรคภูมิใจไทย
ตลอดจนนายเนวิน ชิดชอบ ซีอีโอใหญ่ของภูมิใจไทย แบบเกรงอกเกรงใจกันเป็นพิเศษ
ก็ทำท่าว่าอาจะโดนหางเลขของการเปลี่ยนแปลงไปด้วย
นั่นคือที่ผ่านมา ในฐานะที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการรัฐบาลให้กับนายอภิสฺทธิ์
จนได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมดังที่เคยฝันเอาไว้
นายสุเทพจึงได้รับการตอบแทนให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง
แถมยังให้คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และพอมีเรื่องการชุมนุมคนเสื้อแดง มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นายสุเทพก็ได้เป็น ผู้อำนวยการ ศอฉ. มีอำนาจใหญ่โต
ว่ากันว่าความใหญ่โต และอำนาจมากมายที่มีในมือของนายสุเทพ
ทำให้ระยะหลังๆนายสุเทพไม่ค่อยจะฟังใคร แม้กระทั่งนายอภิสิทธิ์
บ่อยครั้งจึงดูเหมือนกับมีรอยร้าวลึกๆเกิดขึ้นมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย กรณีที่เกี่ยวข้องกับตำรวจ
ดังนั้นเมื่อนายสุเทพ มีความจำเป็นที่จะต้องไปลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมที่ จ.สุราษฎร์ธานี
เพื่อรักษาฐานที่มั่นของพรรค ตามมติพรรค ทำให้นายสุเทพตกอยู่ในภาวะพลอยโจน
เพราะต้องลาออกจากตำแหน่งต่างๆทั้งหมดก่อนสมัคร
ซึ่งมองเผินๆก็ไม่น่าจะมีอะไร แตที่น่าสะดุดใจขึ้นมาก็คือ
พรรคภูมิใจไทย ดันออกมาระบุว่า แม้ต่อไปนายสุเทพจะไม่ได้เป็นรองนายกฯแล้ว
หากมีปัญหาก็ยังจะประสานกับนายสุเทพเหมือนเดิม... เรียกว่ารักปักใจไม่เปลี่ยนแปลง
จนเหมือนกับเป็นฐานที่ทั่นให้นายสุเทพพิงหลัง เวลาที่ต้องเจรจาต่อรองภายในรัฐบาล
และภายในพรรค เวลาที่เกิดเรื่องราวขึ้นมา... เรียกว่านอกจาก ส.ส.
และฐานเสียงในพรรคประชาธิปัตย์บางส่วนแล้ว
นายสุเทพยังมีฐานเสียง ส.ส.ภูมิใจไทยอยู่ในมือไว้ใช้ต่อรองได้อีก
ดังนั้นจึงต้องจับตาดูว่า การที่นายอภิสิทธิ์ ออกมาตีขลุมทันทีว่า
งานในหน้าที่รับผิดชอบของนายสุเทพ นั้น ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง
คั้งแต่วันวันศุกร์ที่ 1 ต.ค. จะนำงานของนายสุเทพ มาดูพร้อมกันทั้งหมด
โดยได้นัดนายสุเทพเรียบร้อยแล้วว่าให้นำงานที่กำกับดูแลกระทรวงต่างๆ รวมถึง
งานในส่วนของ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
มาให้ดูว่างานที่ค้างอยู่มีอะไรบ้าง
ที่สำคัญนายอภิสิทธิ์พูดชัด จะเข้าไปกำกับดูแล ก.ตร.เอง
ออกอาการว่าจะนั่งถ่างขา
ควบงานนายกรัฐมนตรี กับรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงเอาไว้ในมือ
ก็ขนาดพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี
และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ยังพูดแบบอารมณ์ดีว่า
งานต่างๆ ที่นายสุเทพ ดูแล แล้วนายกฯบอกว่าจะดูแลเอง
ก็ไม่น่ามีอะไร นายกฯน่าจะรับได้ ไม่มีปัญหา
“เป็นสิ่งที่ดีที่นายกฯจะได้มีงานมากขึ้น คนหนุ่มมันต้องมีงานมากๆ
เพราะนายกฯยังเป็นคนหนุ่มแน่น อีกทั้งคิดว่าคงจะไม่กระทบกับงานด้านความมั่นคง”
ซึ่งในเรื่องของความมั่นคงนั้น มีกระแสข่าวว่าจะมีการเสนอให้แต่งตั้ง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ขึ้นเป็น ผอ.ศอฉ. แทนนายสุเทพ
ซึ่งแม้ว่า นายสุเทพ กล่าวสั้นๆแค่ว่า “ยังไม่ได้ทำ”
โดยไม่ได้ตอบว่า ใช่หรือไม่ บอกเพียงว่า
“เดี๋ยวปรึกษานายกฯก่อน”
ทำเอามีการโฟกัสจับตามาที่นายสุเทพเป็นอย่างมากในทันทีว่า
หลังเลือกตั้งแล้วจะกลับมาใหญ่เหมือนเดิมหรือไม่???
เพราะบังเอิญนายอภิสิทธิ์ มีการพูดออกมาแล้วว่า
เรื่องการกลับมารับตำแหน่งเดิมของนายสุเทพนั้นเป็นเรื่องที่ตอบยาก
เนื่องจากยังไม่ได้คุยกันตรงนั้น
เล่นเอาลือกันกระฉ่อนแวดวงการเมืองในทันที
ซึ่งแม้ว่า นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
จะออกมายืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร
รวมทั้งที่มีกระแสข่าว นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์
และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กดดันให้นายสุเทพ ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี
นายองอาจก็ยืนยันวว่า คงไม่มีใครไปกดดันนายสุเทพ ได้ เพราะนายสุเทพ เป็นผู้ใหญ่
ฉะนั้นก็คงต้องจับตาดูว่า การโดดลงไปสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของนายสุเทพ
หลังจากก่อนหน้าได้ลาออกมาก่อน
จะเป็นการหวนคืนเวที จนทำให้ต้องหมดที่ยืนในอำนาจหรือไม่
เพราะไม่ว่าอย่างไร ประโยคของนายอภิสิทธิ์ ก็ดูพลิ้วๆแปร่งๆชอบกล
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกระจายงานของนายสุเทพ
ไปให้รองนายกรัฐมนตรีคนอื่นดูแลแทนไปเลย
กับเรื่องที่ไม่ยอมพูดให้ชัด
นายสุเทพจะกลับเข้ามาทำหน้าที่เดิมใช่หรือไม่???
งานนี้คงต้องมีลุ้นกันสนุกแน่ๆ