ที่มา Dhammada.net
“เป็นพระไม่ทะเลาะกับโยม” พระปราโมทย์ ปราโมชโช
คัดลอกมาจาก หนังสือเนชั่นสุดสัปดาห์
เมื่อ สัปดาห์ที่ผ่านมา สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ยังเนืองแน่นไปด้วยผู้คน แม้ว่าคำกล่าวหาพระปราโมทย์ ปราโมชโช จะดังกระหึ่มไปทุกสื่อ ก็ไม่ได้ทำให้สาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในธรรมจากพระพุทธเจ้าที่ท่านนำมาสอนด้วย วิธีลัดสั้น คลอนแคลนไปด้วย
นี่อาจจะเป็นบทพิสูจน์สัจธรรมที่ว่า ทองคำแท้ย่อมไม่กลัวไฟ?
มยุรา วิไลนำโชคชัย เว็บดีไซน์อิสระ เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ไม่ได้ใกล้ชิด แต่ก็มาฟังธรรมสม่ำเสมอเล่าว่า ที่มาสวนสันติธรรมไม่เพียงแต่ประทับใจในคำสอนที่เข้าใจง่ายเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ตลอดเวลาด้วย ขนาดท่านถูกกล่าวหาอย่างนี้ ท่านยังสามารถสอนลูกศิษย์ไม่ให้ไปรบกับคนอื่น
“หลวง พ่อเบิกบาน ลูกศิษย์ก็เบิกบาน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โลกธรรมจะเป็นอย่างไรก็ตาม ท่านก็ปกติ หลวงพ่อถูกกล่าวหาเรื่องเงินทอง ท่านก็ถามคนที่มาว่า พวกเรามาเรียนที่นี่มีใครถูกเก็บตังค์บ้างไหม หลวงพ่อคิดค่าเล่าเรียนแล้วนะ ค่าเล่าเรียนนั้นคือการภาวนา ไม่ต้องเอาเงินมาให้หลวงพ่อ ให้ปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นจากความทุกข์ของแต่ละคน”
เช่นเดียว กับ หนุ่ม (ขอสงวนนาม) ซึ่งมาปฏิบัติกับพระปราโมทย์ตั้งแต่สมัยที่ท่านไปสอนที่ศาลาลุงชิน แล้วก็ตามไปเรียนที่บ้านอารีย์ และมาที่่สวนสันติธรรมสม่ำเสมออาทิตย์เว้นอาทิตย์ ไม่ก็เดือนละครั้ง เล่าว่า มาเรียนเป็นประจำต้องมาให้ถึงวัดแต่ เช้า ประมาณหกโมงครึ่ง ท่านจะบรรยายธรรมสองช่วง ก่อนฉันและหลังฉัน จนถึงเวลาสิบโมงก็ทยอยกันกลับ ท่านไม่ได้บรรยายธรรมอย่างเดียว แต่ช่วยให้เราเห็นอุปสรรคในการปฏิบัติธรรมของตัวเราเองด้วย
“ท่าน ช่วยให้เราเห็นว่า ช่วงนี้เราควรจะภาวนาอย่างไร ไม่มีกรรมฐานสำเร็จรูป อย่างช่วงแรกๆ ผมฟุ้งซ่านมาก ท่านก็ให้เดินจงกรม พอจิตนิ่งขึ้นท่านก็ให้ไปนั่งสมาธิ คือหลวงพ่อท่านปฏิบัติมาหลายรูปแบบ ท่านก็สอนได้หลายรูปแบบ การปฏิบัติกับหลวงพ่อทำให้ผมกลับมาอยู่กับสภาวะความเป็นจริงของตัวเอง ไม่ปฏิบัติตามรูปแบบ นั่งตามรูปแบบ แล้วเราก็ติดอยู่กับสัญญาเดิมๆ ไม่ได้อยู่กับปัจจุบันขณะ แต่การปฏิบัติธรรมไม่ใช่เรื่องรูปแบบหรือเรื่องขั้นตอน แต่เป็นการที่เรากำลังเรียนรู้ปัจจุบันขณะ ตามความเป็นจริง…”
“มัน อยู่ที่ว่าประสบการณ์เรามาอย่างไร หลวงพ่อจะให้เรากลับมาปฏิบัติจากตัวเราไม่ใช่ดูจากคนอื่น คำสอนท่านเป็นเหตุเป็นผล และร่วมสมัย เข้าใจง่าย เพราะการปฏิบัติธรรมนั้นรู้ได้เฉพาะตน แล้วพระพุทธเจ้าบอกว่าการปฏิบัติธรรมเราจะก้าวหน้าหรือไม่ก็ดูที่อกุศลในจิต ลดลงหรือไม่ ถ้าอกุศลในจิตลดลง ก็แสดงว่ามาถูกทาง”
เกี่ยวกับข่าว หลวงพ่อที่เป็นอยู่ หนุ่มบอกว่า คนเราการปฏิบัติธรรมไม่เท่ากัน ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาทะเลาะกัน ความจริงเป็นเช่นไรก็รู้ๆ กันอยู่
หลัง การบรรยายธรรมช่วงสายวันนั้น (เสาร์ที่ 18 ก.ย. 2553) “เนชั่นสุดสัปดาห์” ขอสัมภาษณ์หลวงพ่อปราโมทย์ ในประเด็นที่ท่านตกเป็นข่าว ท่านตอบเพียงสั้นๆ ว่า เป็นพระไม่ทะเลาะกับโยม
แม้ว่าท่านไม่ให้สัมภาษณ์ แต่ท่านก็เมตตาให้เดินตามพระเถระสิบกว่ารูปจากหลายวัดที่มาเยี่ยมเยือน เข้าไปในวัดด้วย แล้วท่านก็อธิบายบริเวณสวนสันติธรรมที่กำลังตกเป็นข่าวทุกจุดให้เห็นตามความ เป็นจริงว่า คณะสงฆ์ 6 รูป แม่ชีกับอุบาสกและอุบาสิกา 3 คน รวมผู้มาปฏิบัติธรรมที่พักค้างในคอร์สสั้นๆ อยู่กันอย่างไรในสวนฯ ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 50 ไร่
เลยจากโรงทาน หรือศาลารับประทานอาหารของฆราวาส ก็เป็นกุฏิสีขาวสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรม 6 หลัง อีกด้านหนึ่ง จากศาลาฟังธรรมที่ทอดยาวไปสุดกำแพงสวนฯ หลวงพ่อชี้ให้ดูทางเดินลาดซีเมนต์ที่ผ่ากลางสวนฯ ไปสุดประตูบ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังนั้นมีชื่อว่า อนาลโย ซึ่งผู้เป็นเจ้าของบ้านเป็นผู้ยื่นข้อกล่าวหาและฟ้องร้องท่านอยู่ในขณะนี้
ใน เขตของสงฆ์ร่มรื่นไปด้วยไม้ใหญ่ เมื่อเดินผ่านศาลาฉันน้ำปานะ ท่านก็พาเดินเลยไปยังกุฏิพระเล็กๆ สีขาว ที่ห่างกันพอสมควร 6 กุฏิ แต่ละกุฏิไม่เห็นกัน มีต้นไม้ใหญ่เป็นแนวกันเพื่อความวิเวกในการปฏิบัติส่วนตน แล้วท่านก็พาเดินไปยังกุฏิของท่าน เป็นกุฏิสีขาวไม่ใหญ่ บริเวณรอบๆ กุฏิมีต้นไม้เล็กและไม้ใหญ่ล้อมรอบ ท่านหันมาบอกกับ “เนชั่นสุดสัปดาห์” ว่า นี่ไงที่สื่อฯ ลงไปว่าหน้าต่างกุฏิของหลวงพ่อตรงกับหน้าต่างของกุฏิแม่ชีเลย จริงๆ แล้วกุฏิพระและแม่ชี อยู่คนละโซน
จากนั้นท่านก็พาเดินไปยังเขตของ อุบาสิกา ซึ่งอยู่ห่างกันพอสมควร และแวะที่กุฏิของอุบาสิกาอรนุช สันตยากร อดีตภรรยาท่านที่ปลงผม มาถือศีลปฏิบัติธรรมอยู่ที่นี่และกำลังถูกกล่าวหาอยู่ในขณะนี้เช่นกัน
กุฏิ ของอุบาสิกาอรนุช ก็มีขนาดไม่ใหญ่ ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ อุบาสิกาอรนุชยิ้มทักทายด้วยความสงบเย็น แล้วเราต่างพนมมือ ธรรมมะสวัสดี ซึ่งกันและกัน
เมื่อออกมาจากเขตของอุบาสิกา หลวงพ่อปราโมทย์บอกว่า ตอนที่ท่านอยู่ที่สวนโพธิญาณอรัญวาสี จ.กาญจนบุรี ก็อยู่สุขสบายดี มีต้นไม้เยอะ และร่มรื่นอย่างนี้แหละ
หลังจากอยู่ที่นั่น 5 พรรษา ท่านจึงย้ายมาจำพรรษาที่นี่ตามคำแนะนำของหลวงพ่อมนตรี อาภัสสะโร สวนพุทธธรรมป่าละอู จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระที่หลวงพ่อปราโมทย์นับถือยิ่ง ซึ่งภายหลังท่านได้อธิบายไว้ในประกาศของสวนสันติธรรม ฉบับที่ 3 ปรากฏอยู่ใน www.wimutti.net อย่างชัดเจนในเหตุผลเกี่ยวกับความจำเป็นในการย้ายมาอยู่ที่สวนสันติธรรมแห่ง นี้เมื่อ 5 ปีก่อน.
เรื่องจากปก
“ท่านสอนให้มีสติ มีจิตตั้งมั่น และหัดรู้รูปนาม (รู้กาย-รู้ใจ) เพื่อให้เห็นไตรลักษณ์” สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา
ใน ส่วนที่เกี่ยวกับคำสอนของพระปราโมทย์ ปราโมชโช และวิถีความเป็นอยู่ของอุบาสิกาอรนุช สันตยากร ในสวนสันติธรรม ซึ่งเป็นที่สงสัยของสื่อและผู้คนที่ได้เสพสื่อ “เนชั่นสุดสัปดาห์” ได้สอบถามไปยัง สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา หนึ่งในผู้ปฏิบัติภาวนากับพระปราโมทย์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 มีคำอธิบายให้กระจ่าง ดังนี้
0 ตามที่เป็นข่าว อ่้างว่าหลวงพ่อปราโมทย์ อวดอุตริมนุสสธรรม และการสอนของท่านทำให้คนอ่อนแอ ไม่สามารถพึ่งตนเองได้ ความจริงนั้นเป็นอย่างไร
ความจริงตรงกันข้ามเลยครับ ในประเด็นอวดอุตริมนุสสธรรมนั้นผมขอไม่พูดถึงนะครับ เพราะเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ที่ต้องดำเนินการ
ส่วน ในเรื่องที่ว่าการสอนของท่านทำให้คนอ่อนแอ ไม่สามารถพึ่งตนเองได้นั้น ผมบอกได้เลยว่า ที่ผมปฏิบัติภาวนาได้อยู่ทุกวันนี้ เป็นเพราะผมได้รับการอบรมจากหลวงพ่อปราโมทย์ ซึ่งทำให้ผมเข้าใจได้ว่าแม้เราจะไม่สามารถทำสมถะจนถึงขั้นของฌานได้ ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่มีโอกาสปฏิบัต ิธรรมที่มากไปกว่าทำทาน รักษาศีล แต่เรายังสามารถที่จะฝึกสติ ฝึกรู้สึกตัว ฝึกจิตให้ตั้งมั่่น แล้วเจริญปัญญาด้วยการรู้รูปนาม (กายใจ) จนเห็นไตรลักษณ์ของรูปนามได้เช่นกัน และเมื่อเรารู้จักหลักการภาวนาที่ถูกต้องแล้ว เราก็สามารถที่จะปฏิบัติภาวนาได้ด้วยตัวเองต่อไป ไม่ใช่ว่าต้องไปพึ่งพาครูบาอาจารย์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ตามที่เป็นข่าวอ้างอย่างที่ว่าเลยครับ
อีกทั้งหากสอบถามกับอีกหลายๆ คน ก็จะพบว่า หลายคนมากเลยที่สามารถรู้จักและเข้าใจหลักการปฏิบัติเพียงแค่อาศัยการฟังซี ดีหลวงพ่อเท่านั้น โดยที่เขาเองก็ไม่เคยได้ไปพบหลวงพ่อเลยสักครั้ง แล้วเมื่อเขาเองลงมือปฏิบัติตาม ก็ทำให้จิตใจเขาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจริง ทำให้เขามีธรรมมะเป็นที่พึ่งได้จริง คนที่มีธรรมะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ นี่ ไม่ใช่คนอ่อนแอหรอกครับ มีแต่จะเข้มแข็งมากขึ้น เพราะสามารถอยู่กับโลกได้ด้วยจิตใจที่ทุกข์น้อยลงไปตามลำดับ
0 เท่าที่ได้ศึกษากับหลวงพ่อ แนวทางที่ท่านสอน ดับทุกข์ได้ไหม อย่างไร
ผม เชื่อมั่นว่าแนวทางที่หลวงพ่อสอนนั้น สามารถนำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ครับ เพราะอะไร เพราะหลวงพ่อสอนให้มีสติ มีจิตตั้งมั่น และหัดรู้รูปนาม (รู้กายรู้ใจ) เพื่อให้เห็นไตรลักษณ์ของรูปนาม ซึ่งจากการได้ปฏิบัติตาม ก็เห็นไตรลักษณ์ได้จริงๆ การเห็นไตรลักษณ์อยู่เนืองๆ ด้วยจิตที่ตั้งมั่น เป็นกลางนี้ ตำราก็มีบอกไว้ชัดเจนว่า คือ ภาวนามยปัญญา ซึ่งเป็นปัญญาที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ และถึงแม้วันนี้ผมเองจะยังไม่พ้นทุกข์ก็ตาม
แต่ก็พอเห็นไตรลักษณ์ได้จริงๆ บ้างแล้ว ก็เลยเชื่อมั่นได้ว่า แนวทางที่หลวงพ่อปราโมทย์สอนนั้น สามารถนำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้จริงครับ
0 ประสบการณ์จากการเรียนจากหลวงพ่อตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ผม เองก่อนมาเจอหลวงพ่อ ก็หัดนั่งสมาธิอยู่ก่อนแล้วประมาณ 11 ปี แต่ไม่เคยที่จะทำจิตให้สงบได้เลย ทุกวันที่นั่งสมาธิก็มีแต่ฟุ้งซ่านไปบ้าง เคลิ้มหลับไปบ้าง แล้วก็ฝืนจิตใจเอาไว้จนเคร่งเครียด รู้สึกได้ว่าทั้งร่างกายและจิตใจหนักอึ้งไปหมด จนเคยท้อแท้สิ้นหวังที่จะเห็นทางพ้นทุกข์ได้
แต่ พอมารู้จักหลวงพ่อ (ตอนนั้นหลวงพ่อยังไม่ได้บวช) ท่านก็บอกผมว่า ผมยังรู้สึกตัวไม่เป็นนะ (ยังไม่มีสติ ไม่มีจิตตั้งมั่น) ต้องหัดรู้สึกตัวให้เป็นก่อน แล้วท่านก็เมตตาแนะนำอยู่หลายเดือน ผมจึงพอจะรู้สึกตัวเป็น ทำให้ความเคร่งเครียดที่เป็นมาร่วมสิบปีหายไป จิตใจก็เริ่มที่จะโล่งโปร่งเบาสบายมากขึ้น
หลังจากนั้นก็ยังไปฟัง ธรรมตามโอกาส (เดือนละครั้ง สองครั้ง) แล้วก็นำสิ่งที่ท่านเมตตา แนะนำให้ มาหัดปฏิบัติจนทุกวันนี้ โดยธรรมะที่ท่านสอนผมนั้น จะเป็นการให้หัดรู้สึกตัว หัดรู้กายบ้าง หัดรู้จิตบ้าง หัดรู้สภาวะที่กำลังปรากฏไปด้วยจิตที่ตั้งมั่น เป็นกลาง เพื่อให้เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของรูปนาม หรือของขันธ์ 5 ทุกวันนี้ผมก็ยังนำหลักการปฏิบัติตามที่หลวงพ่อสอนนี่แหละครับ มาใช้ปฏิบัติ ทั้งในระหว่างใช้ชีวิตประจำวัน และทั้งในช่วงที่ปฏิบัติตามรูปแบบ
0 คิดว่าคำสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ มีจุดแข็ง-จุดอ่อนตรงไหน ที่ทำให้ผู้คนมากล่าวหาและโจมตีท่านได้
คำ สอนนั้นไม่อาจจะพูดได้หรอกครับว่ามีจุดอ่อน-จุดแข็งตรงไหน เพราะแต่ละแนวทาง แต่ละคำสอนของครูบาอาจารย์จะเหมาะกับจริตนิสัยของผู้ปฏิบัติที่แตกต่างกัน อย่างแนวทางที่หลวงพ่อปราโมทย์สอนนั้น หลวงพ่อได้วางแนวทางให้เหมาะกับชาวเมืองส่วนใหญ่ ที่จะหาเวลามาปฏิบัติภาวนาในแต่ละวันได้ยากเต็มที หลวงพ่อจึงเน้นให้มาหัดเจริญสติ เจริญปัญญาอยู่ในชีวิตประจำวันเป็นหลัก และในแต่ละวันหลวงพ่อก็จะบอกให้หัดปฏิบัติตามรูปแบบที่ถนัด จะวันสิบนาที ครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมง หรือมากกว่า ก็แล้วแต่จะสะดวก
อย่างไรก็ตาม แนวทางที่หลวงพ่อวางไว้ให้นี้ ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน บางคนที่มาเรียนแล้วก็อาจปฏิบัติตามไม่ได้ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติ
แต่ ก็ไม่ใช่ว่าพอใครปฏิบัติตามไม่ได้แล้วเราจะไปเหมาเอาทั้งหมดว่าที่ครู บาอาจารย์สอนนั้นไม่ถูก เพราะคนที่เขาปฏิบัติตามได้ก็มีอยู่ครับ
0 มีผู้กล่าวอ้างว่า หลวงพ่อปราโมทย์ มีการเล่นไสยศาสตร์ มนตร์ดำด้วย มีที่มาอย่างไร ทำไมท่านจึงถูกกล่าวหาเช่นนั้น เพราะดูจะขัดแย้งกับการสอนของท่านอย่างสิ้นเชิง
จากที่ผมรู้จักหลวง พ่อปราโมทย์มาตั้งแต่ต้นปี 2543 จนถึงปัจจุบันนี้ ผมไม่เคยเห็นหลวงพ่อจะเล่นหรือสอนเรื่องอะไรพวกนี้เลยครับ ที่เคยได้ยินก็มีเพียงหลวงพ่อพูดเตือนให้ระวังเอาไว้บ้าง โดยหลวงพ่อเองก็เตือนไปตามที่มีครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ ได้แจ้งเตือนมา และเรื่องพวกนี้ หลวงพ่อก็ไม่เคยคิดจะเผยแพร่ออกไปสู่สังคมเลย ลองไปอ่านหนังสือ หรือฟังซีดีที่ท่านสอน แล้วถูกนำมาเผยแพร่ต่อสังคมเถอะครับ ใน www.wimutti.net แล้วจะพบว่า ท่านสอนเรื่องการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์จริงๆ ไม่มีเรื่องอะไรพวกนี้ปนอยู่เลยครับ
0 เท่าที่ใกล้ชิดทั้งหลวงพ่อปราโมทย์ และอุบาสิกาอรนุช การปฏิบัติของทั้งสองท่านเป็นอย่างไร
ผม ไม่เคลือบแคลงอะไรกับการปฏิบัติของทั้งหลวงพ่อ และอุบาสิกาอรนุช เลยครับ เพราะสิ่งที่ท่านสอน เป็นสิ่งที่ผมเองและศิษย์อีกจำนวนมากก็สามารถปฏิบัติตามและเห็นได้จริงตาม ธรรมะที่หลวงพ่อสอนอยู่ ซึ่งหลายคนก็สามารถยืนยันผลการปฏิบัติได้ ถ้าใครมี internet เล่น ก็ลองเข้าไปหาอ่านดูก็ได้ครับ
0 ผู้คนมีความสงสัยว่า ทำไมหลวงพ่อซึ่งเป็นพระปฏิบัติ จึงไว้วางใจอุบาสิกาอรนุชมากกว่าผู้อื่น และทำไมอุบาสิกาอรนุช จึงต้องมาปฏิบัติอยู่ที่สำนักเดียวกับหลวงพ่อปราโมทย์ด้วย
เรื่อง ความไว้วางใจนี่ เป็นผม ผมก็ต้องเลือกไว้วางใจคนที่รู้จักกันมานานที่สุดก่อนแหละครับ ไม่ใช่อยู่ๆ ก็ไปวางใจเอาสิ่งที่คนมากมายตั้งใจจะทำเพื่อสาธารณประโยชน์ไปฝากไว้ในมือคน ที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ส่วนการที่ท่านอยู่ปฏิบัติภาวนาในสำนักเดียวกัน ก็ไม่น่าจะเป็นประเด็นปัญหาอะไรเลยครับ อีกทั้งกรณีแบบนี้ก็ยังมีให้เห็นในสำนักครูบาอาจารย์อื่นๆ เช่นกันครับ
0 หากมองในแง่ของการปฏิบัติธรรม เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เรียนรู้อะไรบ้าง
จริงๆ แล้วได้เรียนรู้อะไรเยอะมากจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่สำคัญคือ ได้เห็นเลยว่าผู้ที่เคารพศรัทธาหลวงพ่อปราโมทย์นั้น ล้วนแต่เคารพศรัทธาเพราะธรรมะที่หลวงพ่อปราโมทย์นำมาสอนจากพระพุทธเจ้า เป็นธรรมะที่ปฏิบัติตามได้จริง แม้จะเป็นฆราวาสที่ยังต้องวุ่นวายกับโลก ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคารพศรัทธาหลวงพ่อ เพราะธรรมะที่หลวงพ่อสอนอยู่ล้วนๆ ไม่ใช่เพราะคำร่ำลือ ไม่ใช่เพราะมีใครมาบอกกล่าวอะไรที่เป็นเรื่องอื่นๆ เลยครับ.